|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ถกไตรภาคีเสียงสุวรรณภูมิ "รัฐ-เอกชน" ไม่มีใครยอมใคร |
|
ผ่านมาแล้ว 2 ครั้ง สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่าย (ไตรภาคี) เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านเสียงจากการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปชัด จะใช้แนวทางไหนมาเป็นมาตรฐานในการแก้ปัญหาดังกล่าวที่ยืดเยื้อมานานให้ลุล่วงไปได้
ปัจจุบัน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2548 ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด 200 กว่าหลังไปแล้วบางส่วน โดยจ่ายเงินไปแล้ว 395 ล้านบาท มีทั้งปรับปรุงและซื้อคืน เหลืออยู่ 55 หลังที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ โดยอยู่ระหว่างไกล่เกลี่ยในชั้นศาล 20 หลัง กำลังประเมินรายปรับปรุงรอบใหม่ 22 หลัง และติดต่อเจ้าของบ้านไม่ได้ 13 หลัง
ส่วนที่อยู่นอกเหนือจากนี้และอยู่ในแนวเส้นเสียงตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 ทอท.ได้สำรวจอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่มาอยู่อาศัยก่อนปี 2544 พบว่าพื้นที่ NEF มากกว่า 40 มีอาคารและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 766 อาคาร ต้องการขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 154 อาคาร ต้องการให้ปรับปรุง จำนวน 228 อาคาร ยังไม่ได้ ตัดสินใจ จำนวน 384 อาคาร
พื้นที่ NEF 30-40 มีอาคารและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 18,293 อาคาร โดยมติ ครม.ให้ปรับปรุงหากระดับเสียงรบกวนเกิน 10 เดซิเบล ซึ่งทั้งหมด ทอท.ประเมินคร่าวๆ จะใช้เงินประมาณ 13,600 ล้านบาท
ล่าสุด ดูเหมือนคณะกรรมการไตรภาคีกำลังโอนอ่อนตามข้อเสนอของชาวบ้าน ที่ต้องการให้ ทอท.ซื้อคืนบ้านทั้งหมดที่อยู่โดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งด้านทิศเหนือและใต้ ในรัศมี 7-10 กิโลเมตร ทั้งอยู่ในแนวเส้นทาง NEF เกิน 40 และ NEF 30-40 และใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาเดียวกับ NEF มากกว่า 40 เหมือนต้องการจะให้ปัญหาที่ยืดเยื้อนี้ยุติเสียที
"ชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์" ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการไตรภาคี กล่าวว่า บรรยากาศในการเจรจากับชาวบ้านเริ่มดีขึ้น และข้อขัดแย้งลดน้อยลงตามลำดับ โดยคณะกรรมการไตรภาคีค่อนข้างเห็นด้วยกับข้อเสนอของชาวบ้าน ที่จะใช้วิธีการซื้อคืนที่ดินทั้งหมด และนำมาใช้ประโยชน์รูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย
เพราะตรงกับแนวคิดของ นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.และ ครม.ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ เพราะจะต้องใช้เม็ดเงินมากในการซื้อ ซึ่งจากเดิมมติบอร์ด ทอท.ให้พิจารณาเป็นรายๆ ไปกรณี NEF 30-40
"ถ้าวิธีนี้ทำไม่ได้ จะต้องมาดูกันใหม่ว่าจะทำยังไงต่อไป ทุกอย่างยังเป็นข้อเสนอและไอเดียเท่านั้น และยืนยันจะใช้มติ ครม.วันที่ 29 พฤษภาคม 2550 เหมือนเดิม ยกเว้นจะมีการเปลี่ยนแปลงมติ ครม.ใหม่ออกมา"
ขณะที่ ทอท.กำลังเก็บข้อมูล ด้านชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมีการเก็บข้อมูลด้วยเช่นกัน คิดเป็นวงเงินที่ ทอท.จะต้องชดเชยให้ 23,084.70 ล้านบาท ซึ่งยังถือว่ามากกว่าที่ ทอท.ประเมินไว้ที่ประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท
จากการสำรวจในพื้นที่ทิศเหนือ (ข้อมูล ณ 23 กันยายน 2550) มี 34 ชุมชน อาทิ หมู่บ้านร่มสุขวิลเลจ 4 หมู่บ้านร่มฤดี หมู่บ้านรุ่งกิจ 4 หมู่บ้านรุ่งกิจ 9 หมู่บ้านสราญวงศ์ ชุมชนบำรุงรื่น เป็นต้น จำนวน 4,017 หลัง ต้องการขาย 1,731 หลัง ปรับปรุง 2,037 หลัง ไม่แจ้ง 286 หลัง ราคาเฉลี่ยหลังละ 5.4 ล้านบาท รวมเป็นเงินประมาณ 9,784.704 ล้านบาท
ด้านทิศใต้ มียอดรวม 13,300 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบ้านส่วนบุคคล อยู่ในพื้นที่ตำบลบางโฉลง มีความต้องการจะขาย 110 หลัง ต้องการค่าชดเชย 2,741 หลัง วงเงิน 5,200 ล้านบาท
แต่ที่ดูจะเป็นไฮไลต์คือโครงการหมู่บ้านจัดสรรกรีนวัลเล่ หมู่บ้านเดียวที่ต้องการให้ ทอท.จ่ายค่าชดเชยถึง 8,038 ล้านบาท แยกเป็นสมาชิกที่อยู่อาศัย จำนวน 109 ราย หรือ 143 แปลง เสนอขาย จำนวน 84 ราย วงเงิน 4,473 กว่าล้านบาท ปรับปรุง จำนวน 14 ราย วงเงิน 86 กว่าล้านบาท สมาชิกที่ดินเปล่า จำนวน 334 ราย หรือ 402 แปลง เสนอขายที่ดินเปล่า จำนวน 173 ราย วงเงิน 3,478 กว่าล้านบาท
"จริงๆ แล้วหมู่บ้านกรีนวัลเล่ ตามมติ ครม.วันที่ 29 พฤษภาคม 2550 อยู่นอกแนวเส้นเสียง แต่ถ้ามติ ครม.วันที่ 21 พฤศจิกายน 2549 จะอยู่พื้นที่ NEF 30-40 จึงพยายามต่อสู้ให้มีการแก้ไขมติ ครม.ใหม่ให้กลับไปอยู่ในแนวเส้นเสียง ส่วนการประเมินค่าชดเชยนั้น เป็นหน้าที่ของบริษัทประเมิน ทั้ง ทอท.และชาวบ้านไม่มีสิทธิประเมิน" แหล่งข่าวจาก ทอท.กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ"
หากรัฐบาลเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะซื้อคืนทั้งหมด และเห็นว่าน่าจะเป็นวิธีการที่แก้ปัญหาได้รวดเร็วที่สุด ก็คงต้องกำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนและเป็นธรรม ที่สำคัญจะต้องรักษาผลประโยชน์ของรัฐควบคู่กันไปด้วย
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 08-10-2550
|
|
|
|
|
