Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
NCH ปักหลักสมรภูมิ บ้านเดี่ยว บ่มกลยุทธ์ "ซูเปอร์เซฟ" มัดลูกค้าโซนเหนือ |
|
รายงาน
ในสถานการณ์ที่ยอดขายบ้านเดี่ยวอยู่ในช่วงชะลอตัว สิ่งที่ผู้บริโภคมักจะได้เห็นเป็นปกติในภาวะที่ไม่ค่อยปกติเท่าใดนัก คือการที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ลุกขึ้นมาปรับทัพธุรกิจแบบยกแผงทั้งในแง่การลงทุนและวิธีการทำการตลาด
ที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากที่สุดคือ การขยับพอร์ตลงทุนในธุรกิจนี้ไปสู่ตลาดใหม่ๆ ที่ เป็น "บลูโอเชี่ยน" แทนที่จะมุ่งทำตลาดที่มีการแข่งขันดุเดือดถึงขนาดที่เรียกว่า "เรดโอเชี่ยน" เพียงตลาดเดียว
วัฏจักรในธุรกิจอสังหาฯเป็นสัจธรรมที่ดีเวลอป เปอร์ต่างรู้ซึ้งเป็นอย่างดี จึงไม่มีใครปฏิเสธที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ที่จะทำให้ตัวองค์กรอยู่รอดได้ภายใต้แรงกดดันต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
ไม่ต่างจากบริษัทพัฒนาที่ดินค่าย "เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง" หรือ NCH เจ้าตลาดบ้านในทำเลโซนเหนือของกรุงเทพฯ ย่านลำลูกกา และรังสิต-นครนายก ที่กำลังพลิกเกมรับการเปลี่ยนแปลงในตลาดบ้านครั้งใหญ่ แต่มีมุมมองที่แตกต่างไปจากค่ายพัฒนาที่ดินรายอื่นๆ
ปีสองปีที่ผ่านมา ดีเวลอปเปอร์หลายๆ รายจะหันไปพัฒนาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อรองรับมากกว่าตลาดบ้านเดี่ยว แต่ เอ็น.ซี.ฯกลับยืนยันอย่างหนักแน่นว่า จะไม่ขอข้ามห้วยไปแจมตลาดโครงการแนวสูง แม้ต้องเร่งปรับกลยุทธ์ทุกวิถีทางเพื่อพยุงองค์กรให้อยู่รอด ในภาวะที่ตลาดบ้านแนวราบหดตัวลงต่อเนื่อง
"เหตุผลที่ไม่เข้าไปเล่นในตลาดคอนโดฯ เป็นเพราะหนึ่งเราไม่ถนัด และสองเรามองว่าเป็นตลาดที่แม้จะมีรีเทิร์นสูง แต่ก็มีความเสี่ยงมากพอๆ กัน สู้รอจังหวะและโอกาสที่ตลาดแนวราบฟื้นกลับมาเป็นดาวเด่นอีกครั้งดีกว่า เพราะเท่าที่ติดตามดูสถานการณ์แล้วมั่นใจว่าอีกไม่นานตลาดโครงการแนวราบจะกลับมา" สมนึก ตันฑเทอดธรรม รองเอ็มดี บริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง กล่าว
แม้ตลาดบ้านโดยรวมในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างจะซบเซา แต่กลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ เอ็น.ซี.ฯสามารถขายบ้านได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาคือ การปรับรูปแบบการขายให้สอดคล้องและตรงกับความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก ภายใต้แนวคิด 3 D
ได้แก่ D 1 : direct value สร้างความคุ้มค่าให้กับสินค้า โดยมุ่งเน้นตอบสนองความต้องการอย่างแท้จริงให้กับผู้บริโภค D 2 : direct communication สื่อสารตรงถึงผู้บริโภคหลากหลายช่องทาง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด ทั้งก่อนซื้อ และหลังการเข้าอยู่อาศัยในโครงการ และ D 3 : direct relation มุ่งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูกค้า สานต่อให้สมาชิกในโครงการได้เข้าร่วมและทำกิจกรรมเสมือนสังคมไทยในอดีต
"สมนึก" อธิบายว่า หลักๆ แล้วกลยุทธ์ 3 D คือ การมุ่งเน้นสื่อสารโดยตรงไปยังลูกค้า พร้อมกับพัฒนาสินค้าที่ดีขึ้น ในต้นทุนที่ลดลง โดยเน้นการพัฒนาสินค้า innovative product ที่มีลูกค้าเป็น "ศูนย์กลาง"
แผนเชิงรุกในสเต็ปต่อไปของ เอ็น.ซี.ฯ คือ การนำกลยุทธ์ customer centric มาใช้ในกระบวนการทำตลาด เพื่อสร้างความได้เปรียบ ในทางการแข่งขัน มากกว่าวิธีการลด แลก แจก แถม
จากแนวคิดดังกล่าวสะท้อนออกมาเป็นแบบบ้านใหม่ 2 แบบ ในรุ่น "ซูเปอร์เซฟ" ได้แก่ บ้านเดี่ยวราคาประหยัด ดีไซน์ที่ทันสมัย ราคาเริ่มต้นที่ 3 ล้านบาทเศษ แซมอยู่ในโครงการบ้านกลุ่มระดับราคา 4-5 ล้านบาทอัพ ที่เปิดขายอยู่ในโครงการโซนใต้ ประกอบด้วย บ้านฟ้ากรีนพาร์ค รอยัลธนบุรีรมย์ ทำเลต้นประชาอุทิศ
โซนตะวันตก บ้านฟ้ากรีนพาร์ค รอยัลพุทธมณฑล สาย 1 และโซนเหนือ บ้านหรูริมสนามกอล์ฟ โฮมออนกรีน 2 ธัญธานี ลำลูกกา คลอง 5 และบ้านฟ้าปิยรมย์ เป็นโครงการขนาดใหญ่ ลำลูกกา คลอง 6 ซึ่งเป็นโครงการในเครือบ้านฟ้า
"รูปแบบที่ขายจะเป็นบ้านสั่งสร้าง เบื้องต้น ก่อสร้างกระจายอยู่ในแต่ละโครงการรวมๆ แล้วประมาณ 140 แปลง หลังจากที่ทำตลาดมากว่า 2 เดือน ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก มียอดจองเข้ามาแล้วกว่า 20 แปลง คาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 50 แปลง ขณะที่บ้านแบบเดิมยังทำตลาดอยู่"
"สมนึก" กล่าวทิ้งท้ายว่า หากทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่องและได้รับผลตอบรับดีเหมือนที่ผ่านมา บวกกับการทำตลาดแบบ below the lines เข้ามาช่วย คาดว่าสิ้นปีนี้ เอ็น.ซี.ฯน่าจะทำยอดขายได้ตามเป้า 1,800 ล้านบาท หลังจาก 8 เดือนที่ผ่านมามียอดขายแล้ว 1,100 ล้านบาท
ถือเป็นการเปิดฉากรุกโดยการปรับเปลี่ยนแผนให้สอดรับกับสถานการณ์ตลาดแต่ละช่วง ที่ดูเหมือนจะได้รับการคอนเฟิร์มระดับหนึ่งแล้วว่าเดินมาถูกทาง
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 27-09-2550
|
|
|
|
|