Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ทุนฮ่องกงเช็กแฮนด์ CBRE ประมูลเพนต์เฮาส์ 1,200 ตร.ม. เดอะสุโขทัย เรสสิเดนซ์ ลักเซอรี่ คอนโดฯ |
|
เที่ยงวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา มีการเซ็นสัญญาพันธมิตรธุรกิจระหว่าง KHRI (บริษัท เอชเคอาร์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด) กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์จากฮ่องกงกับ CBRE (บริษัท ซีบี ริชาร์ดเอลลิส ประเทศไทย)
มีผลผูกพันให้ CBRE เป็นผู้บริหารงานขายแต่ผู้เดียวในประเทศไทย สำหรับโครงการ ซูเปอร์หรู "เดอะสุโขทัย เรสสิเดนซ์ฯ" บนที่ดินแปลงเดียวกับที่ตั้งของโรงแรมสุโขทัย ทำเลต้นถนนสาทรฝั่งพระราม 4 มูลค่าโครงการประมาณ 5 พันล้านบาท
โครงการนี้ออกแบบเป็นตึกสูง 41 ชั้น จำนวน 187 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยเริ่มที่ 100 ตร.ม. จนถึงห้องใหญ่สุดขนาด 1,200 ตร.ม.
ในจำนวนนี้แบ่งเป็นห้องพักอาศัยขนาด 2-4 ห้องนอน จำนวน 187 ยูนิต และห้องเพนต์เฮาส์อีก 9 ยูนิต และนี่คือที่มาของไฮไลต์การเซ็นสัญญาในวันนั้น
"เดอะสุโขทัย เรสสิเดนซ์ฯจะเปิดขายในช่วงปลายปี ตอนนี้เราต้องการประกาศให้ทราบว่าจะมีการจัดประมูลห้องเพนต์เฮาส์ที่ใหญ่ที่สุดเพียง 1 ยูนิต คือ The Sukhothai Sky Villa" เบนจามิน ชา ผู้อำนวยการ เอชเคอาร์ เอเชีย-แปซิฟิค กล่าวเปิดประเด็น
ถามว่าราคา ตร.ม.ละเท่าไร วันนี้ยังไม่มี คำตอบ ขึ้นอยู่กับ waiting list ที่เริ่มมีการสอบถามข้อมูลโครงการเข้ามา แน่นอนว่าเริ่มต้นอิงราคาเฉลี่ยห้องชุดในทำเลเดียวกัน นั่นหมายความว่าอยู่ระหว่าง 1.2-1.7 แสนบาท/ตร.ม.ขึ้นไป
จากประสบการณ์มากกว่า 30 ปี พัฒนาโครงการขนาด 3.3 แสน ตร.ม.มาแล้วที่เมืองเซี่ยงไฮ้ โครงการพัฒนาที่ดินโครงการแรกของ KHRI ในเมืองไทยจึงมั่นใจตนเองว่าตั้งเป้าการขาย-ก่อสร้างบนพื้นฐานความเป็นมืออาชีพ ตามแผนจะเปิดการขายเป็นทางการในช่วงปลายปี กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2554
"แต้มต่อ" เบื้องหลังความมั่นใจของ KHRI คือใช้แฟซิลิตี้ของโรงแรมสุโขทัยเข้ามาเป็นตัวช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าสุโขทัย เรสสิเดนซ์ฯ ว่า บริการทุกอย่างภายในโครงการไม่มีระดับที่ต่ำกว่า 6 ดาว
ในฟากของ CBRE "อลิวัสสา พัฒนถาบุตร" Womanaging Director คอนเฟิร์มซ้ำอีกครั้งว่า จุดเด่นโครงการนี้คือมีการพัฒนาและบริหารจัดการโดยโรงแรมสุโขทัย ซึ่งเป็นโรงแรมที่คว้ารางวัลระดับโลกนับไม่ถ้วน
ทำให้เป็นข้อแตกต่างกับโครงการคอนโดฯระดับพรีเมี่ยมแห่งอื่นๆ ในกรุงเทพฯ หรือในเมืองไทย เพราะส่วนมากจะบริหารโดยนิติบุคคลอาคารชุด
"ซีบีฯรับบริหารงานขายโครงการมีข้อมูลในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มผู้ซื้อจากต่างประเทศและในประเทศไทยเองเริ่มจะมองหาคอนโดฯลักเซอรี่มากขึ้น"
น่าสนใจคือ กลุ่มผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ระดับโลกชนิดที่คัดเกรดว่าเป็นมหาเศรษฐี ในฐานะ ผู้ซื้อและนักลงทุนจากทั่วโลก อาทิ ยุโรป ตะวันออกกลาง แม้แต่ในอินเดียยังไม่นับฐานลูกค้าเดิมๆ ในเอเชีย ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น กำลังมุ่งความสนใจมาที่ตลาดในประเทศไทย
ข้อมูลสะสมของ CBRE ยังบอกด้วยว่า สัดส่วนกลุ่มลูกค้า 5 อันดับแรกสำหรับตลาดอสังหาฯในเมืองไทยจะเป็นชาวอังกฤษ 16% อเมริกา 13% สิงคโปร์ 10% นอร์เวย์กับ ออสเตรเลีย 5% และชาวฮ่องกงกับสิงคโปร์ 4%
ขณะที่การลงทุนจะเรียงลำดับประเทศของกลุ่มนักลงทุนทั่วโลก คือ ไทย อันดับ 1 ที่ 29% ฮ่องกง 13% สิงคโปร์ 10% อเมริกา 8% นอร์เวย์ 6% และอังกฤษ 4% ตามลำดับ
เหลียวกลับมาดูโครงการลักเซอรี่คอนโด
มิเนียมย่านซีบีดี พบว่ายูนิตที่ก่อสร้างเสร็จแล้วระดับราคาขายตั้งแต่ 1-1.7 แสนบาท/ตร.ม. มีจำนวน 1,057 ยูนิต และยูนิตที่อยู่ระหว่าง การก่อสร้าง 4,966 ยูนิต แต่ระดับราคาจะคาบเกี่ยวแถวๆ ต่ำกว่าแสน-1.3 แสนบาท/ตร.ม.เท่านั้น
การส่งสัญญาณทำนองว่าตลาดหรูกำลังจะกลับมา หลายคนฟังแล้วอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับ CBRE การขานรับเป็นไปอย่างคึกคัก มีการเซตทีมขายขึ้นมาใหม่ 2 ทีม ดึงพนักงานขายระดับเขี้ยวลากดินมาประจำการจำนวน 10 คน เรียกว่า luxury residence team เปิดตัวในชุดยูนิฟอร์มผ้าไหม
ประเดิมงานขายให้กับเดอะสุโขทัย เรสสิเดนซ์ฯเป็นโครงการแรก
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 24-09-2550
|
|
|
|
|