Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
อดีตบิ๊กแกรนด์แอสเสทฯ ปั้น "เอเพ็กซ์ฯ" หวนคืนวงการอสังหาฯ |
|
รายงาน
เงียบหายไปไม่นาน หลังจากขายหุ้นบริษัทพัฒนาที่ดินในตลาดหลักทรัพย์ฯ "แกรนด์แอสเสท ดีเวลลอปเมนท์" ให้กับกลุ่มทุนต่างชาติ "เลห์แมนบราเธอร์ฯ" ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา "พงษ์พันธ์ สัมภาวคุปต์" อดีตบิ๊ก "แกรนด์แอสเสทฯ" ก็หวนคืนวงการอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง
โดยเหตุผลลึกๆ ของการตัดใจขายหุ้นใน บมจ.แกรนด์แอสเสทฯ ทั้งที่มีโครงการอยู่ในมือมากมาย อาทิ โรงแรมเวสทิน (สุขุมวิท) โครงการเดอะเทรนดี้ พลาซ่า (สุขุมวิท 13) ฯลฯ ว่ากันว่ามาจากแนวคิดการบริหารงานที่ไม่ตรงกันกับผู้ถือหุ้นใหม่ต่างชาติที่เข้ามาในขณะนั้น
กระทั่งล่าสุดชื่อของ "พงษ์พันธ์" เป็นข่าวขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน บมจ.ซันเทคกรุ๊ป ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสับประรดกระป๋อง จำนวน 836 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 94 สตางค์ รวมมูลค่า 785.84 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 78% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด ทำให้เขากลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของซันเทคกรุ๊ปในทันที
โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การหวนกลับคืนสู่วงการธุรกิจอสังหาฯอีกครั้ง
ภายใต้การบริหารของ "พงษ์พันธ์" ในฐานะประธานกรรมการบริหารและประธานบริหารคนใหม่ของ บมจ.ซันเทคกรุ๊ป ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น "เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์" มีสัญลักษณ์เป็นรูปพีระมิดสีฟ้า พร้อมแจ้งเปลี่ยนประเภทการทำธุรกิจจากหมวดอุตสาหกรรมมาเป็นอสังหาริมทรัพย์
เหตุผลที่เป็นซันเทคกรุ๊ปแทนที่จะปั้นบริษัทใหม่ขึ้นมานั้นมี 2 ส่วน คือ 1) ซันเทคกรุ๊ปเป็นบริษัทที่มีงบการเงินโปร่งใส แม้ที่ผ่านมาจะมีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง 2) กลุ่มผู้ถือเดิมมีความตั้งใจแต่แรกว่าจะเปลี่ยนประเภทการทำธุรกิจมาเป็นหมวดอสังหาฯ ซึ่งน่าจะทำกำไรได้ดีกว่า
การกลับมาครั้งนี้ ผู้บริหารของเอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ วางเป้าหมายการพัฒนาโครงการไว้ 2 รูปแบบ คือ การพัฒนาโครงการระยะสั้นในรูปแบบโครงการคอนโดมิเนียม รีสอร์ต และ การพัฒนาโครงการระยะยาวในรูปแบบของเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์
แผนพัฒนาโครงการแรกที่วางไว้มีความชัดเจนแล้ว โดยเอเพ็กซ์ฯจะเปิดตัวด้วยโครงการ "ไวต์ แซนด์ บีช" (White Sand Beach) บนที่ดินติดหาดจอมเทียน (ชลบุรี) ขนาด 56 ไร่ ใกล้กับโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ และโครงการ โอเชี่ยนมารีน่า ซึ่งเป็นที่ดินที่ซื้อเข้ามาใหม่ในราคากว่า 800 ล้านบาท
ถือเป็นโครงการยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าโครงการสูงถึง 6,300 ล้านบาท
มาสเตอร์แปลนที่วางไว้ภายใต้เงื่อนไขการใช้ประโยชน์ที่ค่อนข้างเปิดกว้าง เนื่องจากอยู่ในโซนที่สามารถก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ได้จากระยะถอยร่นแนวเขตที่ดินริมทะเลเพียง 12 เมตร บนที่ขนาด 56 ไร่ จึงมีทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรมระดับ 5 ดาว
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมแบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกฝั่งติดทะเลเป็นคอนโดฯ แบบโลว์ไรส์ 2 อาคาร
คือ North Tower สูง 42 ชั้น และ South Tower สูง 45 ชั้น รวม 303 ยูนิต (ขนาด 1-3 ห้องนอน) ราคาเฉลี่ย 9.5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ส่วนที่สองเป็นคอนโดฯแบบโลว์ไรส์ จำนวน 10 อาคาร รวม 240 ยูนิต (ขนาด 2 ห้องนอน) ออกแบบในสไตล์ลากูน มีสระว่ายน้ำล้อมรอบยาวไปจนถึงชายหาดด้านใน ราคาเฉลี่ย 7.5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร
ส่วนโครงการโรงแรม 5 ดาว ได้เซ็นสัญญากับ "Movenpick" เชนโรงแรมจากสวิตเซอร์แลนด์เข้ามาบริหาร รูปแบบเป็นโรงแรมขนาด 300 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง บิสซิเนสเซ็นเตอร์ สปา
โดยวางแผนเปิดการขายโครงการคอนโดฯตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป และเริ่มการก่อสร้างภายในเดือนมกราคม 2551 สำหรับคอนโดฯ (โลว์ไรส์ 2 อาคาร) และโรงแรม กำหนดแล้วเสร็จเดือนมกราคม 2554 ส่วน คอนโดฯ (โลว์ไรส์ 10 อาคาร) กำหนดแล้วเสร็จเดือนมกราคม 2553
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายเบื้องต้นที่จะต้องเร่งทำนอกจากการเปิดตัวโครงการ คือ การทำให้ เอเพ็กซ์ฯกลับมาเป็นบริษัทที่มีกำไรและเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯได้อีกครั้ง
ที่ผ่านมาเอเพ็กซ์ฯมีผลขาดทุนสะสมอยู่เกือบ 1,900 ล้านบาท แนวทางที่วางไว้คือจะแตกพาร์จากหุ้นละ 10 บาท เหลือหุ้นละ 1 บาท พร้อมกับลดทุนจดทะเบียนจาก 1.3 หมื่นล้านบาท เหลือ 1,300 ล้านบาท เพื่อนำส่วนต่างการลดทุนจดทะเบียนมาล้างขาดทุนสะสม
โดยตั้งเป้าว่าภายในช่วงกลางปีหน้าหรืออย่างช้าช่วงสิ้นปีบริษัทจะต้องกลับเข้ามาเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯได้
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 10-09-2550
|
|
|
|
|