| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 105 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 09-08-2550    อ่าน 11748
 "โฮมเวิร์ค" งัดกลยุทธ์สู้ศึกครึ่งปีหลัง

รายงาน



ด้วยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ทุกธุรกิจต้องงัดกลยุทธ์การตลาดขึ้นมาใช้แบบถี่ยิบเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ เช่นเดียวกับธุรกิจโมเดิร์นเทรดวัสดุตกแต่ง ที่คาดว่าการแข่งขันในช่วงครึ่งปีหลังจะทวีความรุนแรงและมีสีสันมากขึ้น

ล่าสุดค่าย "โฮมเวิร์ค" ในเครือเซ็นทรัล ที่เข้ามารุกตลาดศูนย์จำหน่ายวัสดุตกแต่งบ้านเป็นปีที่ 7 ได้ประกาศทุ่มงบฯการตลาดในช่วงครึ่งปีหลังสูงถึง 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก 30 ล้านบาท เพื่อผลักดันยอดขายให้ได้ถึง 2,400 ล้านบาท เติบโต 40% ตามเป้า

อาจเป็นเพราะโฮมเวิร์คมองว่า ธุรกิจจำหน่ายวัสดุตกแต่งบ้านจะขึ้นๆ ลงๆ ตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปีนี้ชัดเจนว่าธุรกิจอสังหาฯ อยู่ในช่วงชะลอตัว แม้ว่าช่วง 6 เดือนแรกที่ ผ่านมา โฮมเวิร์คตุนยอดขายไว้แล้ว 1,150 ล้านบาท แต่ในภาวะแบบนี้ถ้าอยู่นิ่งๆ ก็มีโอกาสพลาดเป้าได้

"อสังหาริมทรัพย์กับศูนย์จำหน่ายวัสดุตกแต่งบ้านเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน ช่วงครึ่งปีแรกเรามองว่าธุรกิจอสังหาฯแทบไม่เติบโตขึ้นเฉลี่ย 0-2% ส่วนครึ่งปีหลังอาจจะทรงตัวหรือติดลบ เล็กน้อย สำหรับธุรกิจศูนย์จำหน่ายวัสดุตกแต่งบ้านก็คงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นกลยุทธ์การตลาดที่นำมาใช้จะต้องไม่เหมือนเดิม เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง "พงศ์ ศกุนตนาค" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส "ซีอาร์ซี เพาเวอร์ รีเทล" ผู้บริหารของ "โฮมเวิร์ค" สะท้อนความเห็น

โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ถูกนำมาใช้เพื่อสู้ศึกในช่วงครึ่งปีหลังคือ กลยุทธ์ "caring marketing" (แคริ่งมาร์เก็ตติ้ง) หรือการตลาดเชิงรุก แบบเอาใจใส่และเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม

กลยุทธ์การตลาดดังกล่าวโฟกัสไปที่ฐานลูกค้ากลุ่ม "ท็อป" ที่มีกำลังซื้อสูง ได้แก่ 1) กลุ่มที่ซื้อสินค้าครั้งละมากๆ แต่นานๆ ครั้ง 2) กลุ่มที่ซื้อไม่มากแต่มีความถี่ในการซื้อหรือจับจ่ายใช้สอยสูง และ 3) กลุ่มที่ซื้อสินค้าครั้งละมากๆ และมีความถี่ในการซื้อสูง

ปัจจุบันโฮมเวิร์คมีฐานลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ในมือประมาณ 2 หมื่นราย โดยแต่ละรายมียอดซื้อสินค้าเฉลี่ยประมาณ 5 หมื่น-1 ล้านบาท หรือมียอดซื้อสินค้ารวมกันคิดเป็น 80% ของยอดขายในแต่ละปี

โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะได้รับบริการพิเศษหลังการขายแบบพิเศษ อาทิ การรับประกันสินค้า บริการตรวจเช็กอุปกรณ์ตามระยะเวลา ฯลฯ นอกจากนี้ได้จัดโปรแกรมดอกเบี้ย 0% ร่วมกับบัตรเครดิตพันธมิตร การจัดโปรโมชั่นต่อเนื่องกับฐานสมาชิก บัตรเดอะวันการ์ดที่มีอยู่ 1.4 ล้านราย และกิจกรรม "โฮมเวิร์ค เวิร์กช็อป คลับ" ในทุกสัปดาห์ที่ 3 และ 4 ของเดือน เพื่อสร้างความสัมพันธ์

"caring marketing" จึงเป็นกลยุทธ์ที่โฮมเวิร์คงัดขึ้นมาใช้สู้ศึกในช่วงครึ่งปีหลัง

เป้าหมายเพื่อรักษาลูกค้ากลุ่มนี้ไว้ รวมถึงเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มท็อปให้มากขึ้น มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก

แม้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองไม่ค่อยจะดีนักก็ตาม

อีก 2 กลยุทธ์ที่จะเป็นหัวใจหลักของโฮมเวิร์คในการผลักดันยอดขายให้ได้ตามเป้าคือ 1) การจัดงานโฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป (ครั้งที่ 3) ซึ่งตามแผนจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-30 กันยายนนี้ และ

2) การปรับเพิ่มแผนกวัสดุก่อสร้างจำพวกอิฐ หิน ปูน ทราย ฯลฯ เข้ามารองรับความต้องการซื้อสินค้าของลูกค้า

"สาเหตุที่เราขยายแผนกวัสดุก่อสร้าง เป้าหมายก็เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้รับเหมาซึ่งมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง จากปัจจุบันเรามีสัดส่วน ลูกค้ากลุ่มนี้ประมาณ 10% เป้าหมายจะเพิ่มเป็น 15-20%"

ล่าสุดได้ชิมลางเปิดแผนกวัสดุก่อสร้างภายในโฮมเวิร์คสาขาเพชรเกษมเป็นแห่งแรก มีพื้นที่ขาย 600 ตารางเมตร และไตรมาส 4 นี้จะขยายไปยังสาขารัตนาธิเบศร์และพัทยา โดยวางเป้าหมายยอดขายเดือนละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท

ถือเป็นการปรับกลยุทธ์มาเน้นทำตลาดใน เชิงรุกมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อรับมือแนวโน้มตลาดช่วงครึ่งปีหลัง ที่โฮมเวิร์คมองว่าธุรกิจศูนย์จำหน่ายวัสดุตกแต่งบ้านจะต้องเหนื่อยขึ้นอีก เนื่องจากคาดหมายว่าช่วงเวลาที่เหลือในปีนี้สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองน่าจะยังอยู่ในระดับทรงๆ ไม่ดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก แม้รัฐธรรมนูญจะผ่านการลงประชามติ และกำหนดวันเลือกตั้งเริ่มชัดเจนขึ้น

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 09-08-2550 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.