| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 228 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 26-07-2550    อ่าน 11328
 บีทีเอสส้มหล่นค่าเงินบาทแข็ง ประหยัดงบฯซื้อรถ20ล.เหรียญ

"บีทีเอส" ส้มหล่นจากค่าเงินบาทแข็ง ประหยัดเงินซื้อรถไฟฟ้า 12 ขบวนจาก "มิตซุย-ชางชุน" ได้ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้านแผนลุ้นระทึกฟื้นฟูกิจการ รอศาลฎีกาตัดสินกรณีเจ้าหนี้ 4 รายคัดค้าน ส่งผลทุนใหม่ชะลอตัดสินใจเข้ามาลงทุน 2 หมื่นล้าน

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานบริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เปิดเผยว่า บริษัทได้รับประโยชน์จากที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เพราะจะทำให้วงเงินที่ใช้ซื้อรถไฟฟ้าใหม่อีกจำนวน 12 ขบวน ซึ่งสั่งซื้อโดยใช้เงินสกุลดอลลาสหรัฐ ลดลงกว่าเดิม เห็นได้จาก ก่อนหน้านี้บริษัท มิตชุย และ ชางชุน จำกัด เสนอราคาขายรถไฟฟ้าคิดเป็นวงเงิน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่ำกว่าวงเงินที่ประเมินตั้งไว้แต่แรกที่อยู่ในระดับ 90 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่ากับประหยัดเงิน ไปได้ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงิน ที่เหลือไปใช้ในการติดตั้งระบบอาณัติ สัญญาณ และเครื่องมือสื่อสารสำหรับรถไฟฟ้าขบวนใหม่ โดยได้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา

"เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลดีต่อเรามาก ทำให้ซื้อของได้ถูกลง เพราะการจ่ายเงินจะคิดจากค่าเงิน ณ วันที่จ่ายตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ ตอนที่เราตกลงซื้อรถไฟฟ้าจากบริษัทมิตซุยและชางชุน ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34 บาท แต่ตอนนี้ค่าเงินบาทแข็งตัวขึ้นมาเป็น 32-33 บาท ทำให้สามารถประหยัดเงินได้ส่วนหนึ่ง โดยเร็วๆ นี้บริษัทจะจ่ายเงินค่าซื้อรถไฟฟ้างวดแรก โดยใช้เงินสดที่มีอยู่ในมือประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท"

นายคีรีกล่าวว่า สำหรับรถไฟฟ้าขบวนใหม่ทั้ง 12 ขบวน จะนำเข้ามาให้บริการในอีก 2 ปีข้างหน้า โดย 1 ขบวนจะมี 4 ตู้ จุผู้โดยสารประมาณ 1,100 คน ส่วนรถไฟฟ้าที่ให้บริการอยู่ 35 ขบวน ขณะนี้ยังพอรับปริมาณผู้โดยสารได้อีก 3 ปี ซึ่งรวมถึงการเข้าไปรับบริหารโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย บีทีเอส อีก 2.2 กิโลเมตร จากสถานีตากสิน-แยกตากสิน ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ด้วย แต่ช่วงเปิดให้บริการเส้นทางส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าขบวนใหม่จะเข้ามาพอดี

"การที่เราเลือกรถไฟฟ้าที่ผลิตจากประเทศจีน เพราะมั่นใจเกิน 100% ว่าคุณภาพดีและราคาถูก นอกจากนี้ในประเทศจีนก็ใช้อยู่ จึงไม่น่าห่วงเรื่องคุณภาพ แต่ถ้าเลือกซีเมนส์ ราคาจะแพงกว่าหลายเท่า ที่สำคัญสามารถใช้ร่วมกับระบบอาณัติ สัญญาณที่ติดตั้งใหม่โดยใช้ของบอมบาดิเอร์ได้ด้วย เพราะไม่มีการล็อกรหัสเหมือนที่ผ่านมา"

นายคีรีกล่าวว่า สำหรับการฟื้นฟูกิจการของบีทีเอสซี ซึ่งมีภาระหนี้กว่า 60,000 ล้านบาท มีปัญหาเล็กน้อย เนื่องจากเจ้าหนี้รายเก่า 4 รายยื่นอุทธรณ์คัดค้านการฟื้นฟูกิจการที่ศาลฎีกา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ส่งผลให้นักลงทุนรายใหม่ที่จะเข้ามาชะลอการตัดสินใจ เพราะต้องการรอความชัดเจนจากศาลก่อน แผนฟื้นฟูจึงยังไม่มีความคืบหน้า เพราะต้องหาเงินทุนใหม่เข้ามาอีก 20,000 กว่าล้านบาท หรือ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ

"ทุนใหม่ที่เข้ามาจะมีทั้งในรูปแบบเพิ่มทุน และแบบให้เงินกู้ อยู่กับการพิจารณาว่าจะเป็นในรูปแบบไหนจะดีที่สุด"

นายคีรีกล่าวต่อว่า ส่วนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯยังจะดำเนินการตามแผนเดิมให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลฎีกาว่าจะพิจารณาคำร้องอุทธรณ์เมื่อใด แต่ถ้าไม่ทันสิ้นปีนี้ก็เลื่อนเป็นปีหน้าแทน มั่นใจว่าการชะลอเข้าจดทะเบียนในตลากหลักทรัพย์จะไม่ส่งผลกระทบกับบริษัทปัญหาคือการฟื้นฟูต้องให้เสร็จจะได้หมดปัญหา และเดินหน้าส่วนต่อขยายในอนาคตได้

"ส่วนต่อขยายบีทีเอสอีก 2.2 กิโลเมตรหรือสายอื่นๆ ของ กทม. บริษัทสนใจจะเข้าไปบริหารการเดินรถไฟฟ้าให้ แต่ต้องรอความชัดเจนจาก กทม.ด้วย สำหรับผู้โดยสารปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 7% เป็น 5 แสนคน" นายคีรีกล่าว

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 26-07-2550 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.