Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
"อินทีเรียร์ ดีไซน์ เซ็นเตอร์" จิ๊กซอว์ตัวใหม่ของพรมไทปิง |
|
น่าจับตามองสำหรับการเปลี่ยนแปลงทั้งวิธีคิดและการทำตลาดของ "พรมไทปิง" หนึ่งในแบรนด์ลีดเดอร์ของธุรกิจพรมที่อยู่ในวงการมานาน 40 ปี
ภายใต้การบริหารงานของคนหนุ่มรุ่นใหม่
"ณัฐพล ทีปสุวรรณ" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บมจ.อุตสาหกรรมพรมไทย (พรมไทปิง) ที่กำลังจัดทัพปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีนที่เขามองว่าจะกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคตอันใกล้นี้
"เท่าที่ทราบประเทศจีนมีโรงงานผลิตพรมแบบ customize (ผลิตให้ลูกค้าเฉพาะราย) ขนาดใกล้เคียงกับเราคือประมาณ 4 แสนตารางเมตรต่อปี ถึง 4 แห่ง ไม่นับรวมโรงงานขนาดกลางและเล็กอีกจำนวนหนึ่ง และน่าจะทำให้จีนเป็นผู้ผลิตพรมรายใหญ่ที่สุดในตอนนี้ เชื่อว่าตั้งแต่ปี 2008 หลังจากสนามกีฬาโอลิมปิกแล้วเสร็จ จีนจะหันมาส่งออกพรมอย่างเต็มตัว เราจึงต้องปรับตัวเพื่อรับมือการแข่งขันในอนาคตไว้ล่วงหน้า" ณัฐพลบอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ"
บริษัทจึงต้องลงทุนเพื่อรองรับการแข่งขันในระยะยาว สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่คือการเช่าพื้นที่ภายในอาคารมหาทุนพลาซ่าใกล้สถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต ที่ถือเป็นทำเลไข่แดง ผุดโชว์รูมขนาดใหญ่แห่งแรกบนเนื้อที่ 2,000 ตารางเมตร งบฯลงทุน 30 ล้านบาท มีคอนเซ็ปต์และชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "อินทีเรียร์ ดีไซน์ เซ็นเตอร์"
นับเป็น "จิ๊กซอว์" ตัวใหม่ ที่ผู้บริหารของพรมไทปิงมองว่าจะช่วยให้บริษัท "เข้าถึง" และ "ขยายฐานลูกค้า" กลุ่มอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ กับเจ้าของโครงการได้มากขึ้น
แน่นอนว่าโชว์รูมแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่สินค้า "พรม" อย่างเดียว แต่จะเป็นแหล่งรวบรวมสินค้าของพันธมิตรในกลุ่มวัสดุตกแต่งอีก 4-5 ราย
ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่ กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ผ้า กระเบื้อง ไม้ สุขภัณฑ์ เข้ามาร่วมแชร์พื้นที่แสดงสินค้าและค่าใช้จ่ายร่วมกัน ส่วนหนึ่งเป็นพันธมิตรที่เคยร่วมกันจัดอีเวนต์ในห้างสรรพสินค้าร่วมกันมาก่อน
นั่นคือเป็นลักษณะของ "เน็ตเวิร์ก มาร์เก็ตติ้ง" เหมือนที่ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์อย่าง "เอส.บี." จับมือจัดอีเวนต์เปิดตัวเฟอร์นิเจอร์ร่วมกับทีวีแอลซีดีของ "โซนี่" เมื่อเร็วๆ นี้
กับคอนเซ็ปต์ของโชว์รูมที่วางไว้ ไม่ได้ตั้งเป้าเป็นโชว์รูมเพื่อขายสินค้า แต่เป็นโชว์รูม เพื่อโชว์สินค้าและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์การออกแบบตกแต่ง โดยพุ่งเป้าไปที่การสร้างให้เป็นจุดนัดพบของดีไซเนอร์ สถาปนิก หรือเจ้าของโครงการ มาทำกิจกรรมร่วมกัน โดยอาจจัดเป็นอีเวนต์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ
เพราะในการจัดอีเวนต์แต่ละครั้งประเมินว่าต้องใช้งบประมาณเฉลี่ย 5 แสน-1 ล้านบาท ถ้ามีพันธมิตรเข้ามาแชร์ค่าใช้จ่ายเท่ากับ แต่ละรายจะมีค่าใช้จ่ายสูงสุดไม่เกิน 2 แสนบาท แถมยังสามารถโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่ต้องการได้ อาทิ เชิญกลุ่มผู้จัดการทั่วไปโรงแรมต่างๆ ผู้ประกอบการอสังหาฯ มาร่วมฟังสัมมนาย่อย หรือจัดเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับเทรนด์การตกแต่งโดยโฟกัสไปที่กลุ่มดีไซเนอร์โดยเฉพาะ เป็นต้น
พื้นที่ภายในโชว์รูมจึงถูกแบ่งออกเป็น 3-4 โซน เพื่อแยกส่วนพื้นที่แสดงสินค้าต่างๆ ของไทปิงและกลุ่มพันธมิตร ส่วนพื้นที่ด้านหลังเป็นห้องสมุดเพื่อให้ดีไซเนอร์นั่งอ่านหนังสือค้นคว้าหาความรู้ ดังนั้น
"อินทีเรียร์ ดีไซน์ เซ็นเตอร์" แห่งนี้จึงมีส่วนผสมระหว่างศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบหรือ TCDC กับคอตโต้ ไทล์ ไลบรารี่ (ห้องสมุดกระเบื้อง
คอตโต้) ที่เป็นทั้งจุดนัดพบและเลือกชมสินค้าในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม จิ๊กซอว์ตัวใหม่ที่พรมไทปิงกำลังดำเนินการอยู่คือการลงทุนเพื่อซื้ออนาคต โดยมองไปที่การสร้างคอนเน็กชั่นกับ กลุ่มดีไซเนอร์ ผู้ประกอบการอสังหาฯ เพื่อรับมือกับการ แข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
"ช่วงก่อนวิกฤตฟองสบู่แตกเราไม่ได้มองถึงการ แข่งขันในอนาคตมากนัก แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ มองหาแนวทางที่จะทำให้บริษัทเติบโตไปข้างหน้าได้ในระยะยาว จะเห็นว่า ยอดขายของเรา 50% มาจากการส่งออก แม้ว่าปัจจุบันเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นแต่เราก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ทุกวันนี้เรายังรับพนักงานเพิ่มและขยายงานต่อเนื่อง"
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 09-07-2550
|
|
|
|
|