| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 107 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 02-07-2550    อ่าน 11708
 ทุนตะวันออกกลางบุกไทย จับตากลุ่ม "ดูไบ" ลุยอสังหาฯ

วิกฤตเศรษฐกิจรอบที่ผ่านมาทำให้การเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของกลุ่มทุนข้ามชาติก้าวถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ จากเดิมที่ส่วนใหญ่จะเข้ามาลงทุนโดยร่วมทุนกับกลุ่มทุน ไทย ก็กลายเป็นการเข้ามาถือหุ้นใหญ่หรือใช้วิธีเทกโอเวอร์โครงการ

ผลพวงจากเศรษฐกิจฟองสบู่และปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งการประกาศให้ค่าเงินบาทลอยตัว ที่กระทบชิ่งทำให้ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงเกือบเท่าตัว ส่งผลให้สินทรัพย์ในมือคนไทยกลายเป็นของถูกในสายตานักลงทุนต่างชาติ

ดังนั้น ไม่แปลกที่ทุนสิงคโปร์ ฮ่องกง สหรัฐ อังกฤษ กลุ่มสแกนดิเนเวีย รวมทั้งกลุ่มทุนจีน ไต้หวัน ต่างแห่เข้ามาลงทุนด้วยการเข้าถือหุ้นหรือซื้อทรัพย์สินจากกลุ่มทุนไทยจำนวนมาก เนื่องจากช่วงนั้นทุนไทยขนาดใหญ่หลายกลุ่มธุรกิจต่างประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน ธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ทำให้ต้องดิ้นรนหาพันธมิตรต่างชาติเข้ามาร่วมทุนเพื่อเสริมฐานทางด้านการเงิน และขยายเครือข่ายธุรกิจเพื่อความอยู่รอด

ผ่านพ้นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาเกือบ 10 ปีเต็ม นอกจากทุนต่างชาติจะยังเคลื่อนเข้ามาลงทุนในหลากหลายธุรกิจอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเพิ่มขึ้นทั้งในแง่ปริมาณและมูลค่าการลงทุนด้วย โดยเฉพาะช่วงหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน ที่ทำให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ในแถบตะวันออกกลาง หรือทุนน้ำมัน เริ่มไม่มั่นใจในการนำเงินไปลงทุนในสหรัฐและยุโรป เบนเข็มมาลงทุนในประเทศแถบเอเชียแทน โดยไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการลงทุน

หนึ่งในจำนวนนั้นคือทุนดูไบ จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ "อิสทิทมาร์ โฮเต็ล เอฟแซดอี" หรือ "Istithmar Hotels FZE" บริษัทเพื่อการลงทุนของ "ดูไบ เวิรลด์" ที่รัฐบาลดูไบเป็นเจ้าของ

ประเด็นน่าสนใจคือ ความเคลื่อนไหวล่าสุดได้เข้ามาร่วมทุนกับบริษัท โกลเด้นแลนด์ พร็อพ เพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป“นพันธมิตรรายใหมˆเข‰ามารˆวมพัฒนาโรงแรมในโครงการสาธร สแควร์

"วันชัย ศรีหิรัญรัศมี" กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.โกลเด้นแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ประชุมได้อนุมัติการทำสัญญาร่วมลงทุนกับ "อิสทิทมาร์ โฮเต็ล เอฟแซดอี"

โดยจะจัดตั้งบริษัท คือ บริษัท นอร์ท สาธร โฮเต็ล จำกัด ทุนจดทำเบียนชำระแล้ว 1 แสนบาท ขึ้นมาดำเนินการ ซึ่ง "อิสทิทมาร์ฯ" จะถือหุ้น 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% จะถือโดย โกลเด้นแลนด์ฯ ถือหุ้น 20% โดยจะเพิ่มทุนในบริษัทร่วมทุนจาก 1 แสนบาท เป็น 1.1 พันล้านบาท ภายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ โดยที่โกลเด้น แลนด์ฯจะยังคงถือหุ้นที่ระดับ 20% ของทุนจดทะเบียนเหมือนเดิม

"วันชัย" แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า โครงการโรงแรมที่จะร่วมกันพัฒนาขึ้น จะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้ และเปิดให้บริการประมาณปี 2553 รูปแบบเป็นอาคารสูง 30 ชั้น มีจำนวนห้องพักทั้งหมดกว่า 400 ห้อง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมศูนย์การประชุม

สำหรับทำเลที่ตั้งของโครงการจะอยู่ในโครงการสาธร สแควร์ ของบริษัท นอร์ท สาธร เรียลตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มโกลเด้นแลนด์ฯ ที่ได้รับสิทธิการเช่าที่ดินมาจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สัญญาเช่า 3 ปี 9 เดือน และ 30 ปีตามลำดับ โดยนอร์ท สาธร เรียลตี้ จะให้บริษัทนอร์ท สาธร โฮเต็ล เป็นผู้เช่าช่วงอีกทอดหนึ่ง มูลค่าลงทุนสูงถึง 130 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.5 พันล้านบาท

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัท อุตสาหกรรมพรมไทย จำกัด (มหาชน) ของตระกูล "ศรีวิกรม์" ผู้ผลิตพรม "ไทปิง" ก็ดึงกลุ่มทุนดูไบ "เดป้ายูไนเต็ด กรุ๊ป" เข้ามาถือหุ้นในพรมไทปิง 20% หรือประมาณ 100 ล้านบาทมาแล้ว

การที่ "อิสทิทมาร์ฯ" เข้ามาร่วมทุนกับโกลเด้น แลนด์ฯ ที่ตระกูล "ศรีวิกรม์" ถือหุ้นอยู่ด้วยอีกทางหนึ่ง จึงเท่ากับว่าเวลานี้ ทั้ง "โกลเด้น แลนด์ฯ" ทั้ง "พรมไทปิง" ต่างมีกลุ่มทุนที่มีทุนมหาศาลจากตะวันออกกลางเป็นพันธมิตร

สำหรับกลุ่ม "อิสทิทมาร์ฯ" การเข้ามาร่วม ทุนกับโกลเด้นแลนด์ฯครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ก็เข้าถือหุ้นในบริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 25% มาแล้ว เหมือนกับประกาศเป็นนัยๆ ว่า พร้อมจะบุก ตลาดอสังหาฯในเมืองไทยอย่างเต็มร้อย ควบคู่ไปกับการลงทุนพัฒนาโปรเจ็กต์ทั้งโรงแรม รีสอร์ต ที่มีแผนจะลงทุนแบบปูพรมในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านทางกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ ที่จัดตั้งขึ้นร่วมกับบริษัทในเครือ "ซิตี้ ดีเวลอปเมนต์" ของสิงคโปร์

ส่วนทุนตะวันออกกลางโดยเฉพาะจาก ดูไบกลุ่มอื่นๆ ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเวลานี้ นอกจาก "อิสทิทมาร์ฯ" แล้ว ยังมีกลุ่ม "ทีจีอาร์ กรุ๊ป" ที่ลงทุนพัฒนาโครงการ Barama Bay วิลล่าหรู ระดับราคา 40-60 ล้านบาท ต่อยูนิต และโครงการรีสอร์ต "Jumeirah Phuket Private Island Resort" บนเกาะภูเก็ต เป็นต้น

ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ดีเวลอปเปอร์ไทยแท้ต้องจับตามอง เพราะทุนน้ำมันจากตะวันออกกลางคงไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้แน่

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 02-07-2550 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.