Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
27 โครงการเปิดใหม่เดือนพฤษภาคม คอนโดฯแชมป์ขาย-เปิดตัว |
|
รายงาน
AREA (บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด) จัดทำรายงานสรุปสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์เดือนพฤษภาคม 2550 พบว่า มีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้
โครงการเกิดใหม่ ตัวเลขยังเป็นบวก
ในเดือนนี้มีจำนวนโครงการเกิดใหม่รวมทั้งสิ้น 27 โครงการ เปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 โครงการ โดยลักษณะการพัฒนาโครงการเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยจำนวน 25 โครงการ และเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ อีกจำนวน 2 โครงการ โดยทั้ง 27 โครงการดังกล่าวมีจำนวนหน่วยรวมกันทั้งสิ้น 5,744 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 14,258 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากจำนวน 27 โครงการเกิดใหม่ พบว่าเป็นประเภทที่อยู่อาศัยจำนวน 5,421 หน่วย หรือประมาณร้อยละ 94 ของอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด ที่เปิดในเดือนพฤษภาคม ที่น่าสนใจคือโครงการประเภทอาคารชุดยังคงร้อนแรง หรืออีกนัยหนึ่งเป็นที่อยู่อาศัยที่มีการพัฒนากัน มากที่สุดและครองสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยมีหน่วยขายมากถึง 3,441 หน่วย หรือประมาณ 58% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด
หากเปรียบเทียบกับสถิติเดือนที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 1,525 หน่วย (เดือนที่ผ่านมามีจำนวน 1,916 หน่วย) หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 45% รองลงมาคือประเภททาวน์เฮาส์มีหน่วยขายจำนวน 961 หน่วย หรือประมาณ 17% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด อันดับ 3 คือประเภทบ้านเดี่ยว มีหน่วยขายจำนวน 510 หน่วย หรือประมาณ 9% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด
โดยจะพบว่าจำนวนหน่วยของทาวน์เฮาส์ที่พัฒนาใหม่ในเดือนนี้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากเดือน ที่ผ่านมา ส่วนบ้านเดี่ยวมีการพัฒนาที่ลดลง
คอนโดฯราคาไม่เกิน 3 ล้านท่วมตลาด
ในแง่มูลค่ารวมของโครงการเกิดใหม่ในเดือนพฤษภาคม มีจำนวนทั้งสิ้น 14,258 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าเดือนที่ผ่านมาถึง 3,757 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 26% และมีจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายเพิ่มขึ้นด้วยจำนวน 2,116 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 58%
เนื่องจากในเดือนพฤษภาคมยังคงมีลักษณะการพัฒนาใกล้เคียงกับเดือนเมษายนที่ผ่านมา คือมีการเปิดตัวอาคารชุดระดับราคาถูกจำนวนเ พิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท มีหน่วยขายในกลุ่มนี้มากถึง 63% ของจำนวนอาคารชุดที่เปิดขายในเดือนนี้ทั้งหมด (2,163 หน่วย จากทั้งหมด 3,441 หน่วย) ในจำนวนนี้อาคารชุดเกิดใหม่ 84% ของการเปิดขายทั้งหมดเป็นอาคารชุดที่มีระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
ประเภทที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุดก็คือ อาคารชุดอีกเช่นเคย มีมูลค่าโครงการจำนวน 8,261 ล้านบาท ประมาณ 58% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 3,715 ล้านบาท (เดือนที่ผ่านมา 4,546 ล้านบาท) หรือมีมูลค่าของอาคารชุดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนประมาณ 82%
ส่งผลโดยตรงต่อราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของอาคารชุดในเดือนพฤษภาคมมีราคาสูง 2.401 ล้านบาท เป็นระดับราคาที่สูงกว่าเดือนที่ผ่านมาเล็กน้อย (เดือนเมษายน 2550 มีราคาขายเฉลี่ยที่ 2.373 ล้านบาท)
ส่วนประเภทที่มีมูลค่าการพัฒนาลำดับรองลงมา คือ โครงการบ้านเดี่ยว มีมูลค่าโครงการจำนวน 2,137 ล้านบาท หรือประมาณ 15% ของมูลค่าทั้งหมด และอันดับ 3 คือ ทาวน์เฮาส์ มีมูลค่าโครงการจำนวน 1,449 ล้านบาท หรือประมาณ 10% ของมูลค่าทั้งหมด
ดังนั้น สถิติโครงการเกิดใหม่ในเดือนพฤษภาคมพบว่า การพัฒนาอาคารชุดราคาถูกถึงปานกลางยังคงร้อนแรงมากเหมือนเดือนที่ผ่านมา ส่วนสินค้าประเภทอื่นๆ ยังมีสัดส่วนในการพัฒนาที่น้อยอยู่
บ้านแพงขยับราคาพุ่ง 22%
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึง "มูลค่าโครงการ" ในภาพรวมจะสูงกว่าเดือนที่ผ่านมา และมีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยสูงกว่าเนื่องจากมีจำนวนหน่วยขายที่มีระดับไม่เกินราคา 3.000 ล้านบาท สูงถึง 60% ของหน่วยขายทั้งหมด แต่มีมูลค่าเพียง 30% ของมูลค่าทั้งหมด
ประเด็น "ราคาขายเฉลี่ย" ในภาพรวมพบด้วยว่าเดือนพฤษภาคมจะมีราคาต่ำกว่าเดือนเมษายน โดยมีราคาขายที่ประมาณ 2.482 ล้านบาทต่อหน่วย เปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 2.894 ล้านบาทต่อหน่วย
จุดที่น่าสนใจในเดือนพฤษภาคมยังพบด้วยว่า ไม่มีหน่วยขายใหม่ที่มีราคาต่ำกว่า 0.5 ล้านบาทเลย โดยระดับราคาที่มีจำนวนหน่วยขายมากที่สุดจะอยู่ที่ระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายมากถึง 3,175 หน่วย หรือประมาณ 55% ของหน่วยขายทั้งหมด
รองลงมาคือระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขาย 1,320 หน่วย หรือประมาณ 23% ของหน่วยขายทั้งหมด โครงการระดับราคา 3-5 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขาย 1,079 หน่วย หรือประมาณ 19% ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3% จะเป็นหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาท ขึ้นไป
โดยรวมแล้วจะพบว่าในเดือนนี้มีจำนวนหน่วยขายที่มีระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายอยู่มากที่สุด แต่มีมูลค่ารวมกันสูงเพียง 58% ของมูลค่าทั้งหมด (8,286 ล้านบาท จากมูลค่ารวม 14,258 ล้านบาท) ส่วนมูลค่าที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาท มีมูลค่ารวมกันประมาณ 30% ของมูลค่าทั้งหมด (4,324 ล้านบาท จากมูลค่ารวม 14,258 ล้านบาท)
ส่วนที่เหลืออีก 12% เป็นหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนหน่วยอยู่เพียง 170 หน่วย หรือประมาณ 3% ของหน่วยขายทั้งหมดเท่านั้น แต่มีมูลค่าโครงการสูงถึง 12% ของมูลค่าทั้งหมด (1,649 ล้านบาท จากมูลค่ารวม 14,258 ล้านบาท)
ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองและภาวะ เศรษฐกิจขาลง แต่จะพบว่าราคาขายเฉลี่ยของหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไปมีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงถึง 9.700 ล้านบาท สูงกว่าราคาขายเฉลี่ยเดือนที่ผ่านมาถึง 22% (เดือนก่อนราคาเฉลี่ยที่ 7.937 ล้านบาท)
"กรุงเทพฯชั้นใน" เปิดตัวโครงการสูงสุด
เมื่อพิจารณาถึง "ผู้เล่น" หรือผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นส่วนใหญ่ พบว่ามีเพียง 5 บริษัท
คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน), บริษัท อารียา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน), บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น และบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททั่วไปที่ไม่ใช่บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯอีกจำนวนหนึ่ง
ในด้าน "ทำเลที่ตั้ง" ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จอันดับหนึ่ง พบว่ามีจำนวนมากถึง 10 โครงการที่เปิดตัวใหม่กระจายตามทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯชั้นใน และมีอีกจำนวน 7 โครงการที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลางและส่วน ต่อขยายของเมือง (intermediate area)
"ทำเลฮอต" โครงการเกิดใหม่ประกอบด้วยพื้นที่บริเวณย่านสุขุมวิทตอนปลาย ซึ่งเป็นส่วน ต่อขยายของรถไฟฟ้า BTS ถนนรามอินทรา ถนนศรีนครินทร์-พระราม 9 และถนนพระราม ที่ 2-ท่าข้าม
ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการที่ตั้งอยู่เขตรอบนอกอีกจำนวน 8 โครงการ เช่น ถนนร่มเกล้า, ถนนเทพารักษ์, ถนนวงแหวนตะวันออก, ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย และถนนวัดลาดปลาดุก เป็นต้น
เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้มีระบบโครงข่ายการคมนาคมที่ค่อนข้างพร้อม ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าและมีแหล่งงาน จึงทำให้เกิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในบริเวณดังกล่าว
และในเดือนนี้ยังมีโครงการที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคซึ่งเป็น "บ้าน/อาคารชุดตากอากาศ" อีกจำนวน 2 โครงการ
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 28-06-2550
|
|
|
|
|