Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
เลือดใหม่ปั้นแบรนด์ "คอมมูน" พลิกสไตล์คอนโดฯขายความแตกต่าง |
|
สัมภาษณ์
ไม่น่าเชื่อว่าบริษัทน้องใหม่วงการอสังหาริมทรัพย์ "ทวีสิน พร็อพเพอร์ตี้" ที่ 3 หนุ่มไฟแรง "สุชาติ จุลละทรัพย์" "สุรพล บรรจงรัตนะงาม" และ "วิพิชญ์ ดุลยพัชร์" รวมตัวกันจัดตั้งขึ้น และเพิ่งจะประเดิมปักธงโครงการแรก "คอมมูน 80" ย่านลาดพร้าว 80 ก็สร้างความฮือฮาขนาดที่รายการทีวี รวมทั้งแมกาซีนดังขอทาบทามใช้สถานที่ ด้วยความโดดเด่นฉีกแนวในสไตล์การออกแบบรูปโฉมอาคาร และการจัดวางฟังก์ชันที่แตกต่าง สมกับเป็นคน รุ่นใหม่ที่ใฝ่ฝันจะเดินบนเส้นทางที่ตัวเองได้เลือก และต้องการจะสร้างดาวดวงใหม่ประดับวงการพัฒนาที่ดิน
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีโอกาสได้สัมผัสในบางแง่มุมของทั้ง 3 หนุ่ม ก็พอจะเห็นวิธีคิดและมุมมองที่ไม่เหมือนใครของดีเวลอปเปอร์หน้าใหม่ ที่แม้เพิ่งจะเริ่มต้นบนถนนสายนี้ แต่มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะฟันฝ่าอุปสรรคพัฒนาโครงการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการบ้านในสไตล์ที่โดนใจสำหรับที่อยู่อาศัยในทำเลกลางเมือง
- รวมตัวกันนานหรือยัง
สุชาติ : ก่อนหน้านี้เราต่างคนต่างทำงานกัน อยู่แล้ว แต่คิดว่าอยากจะทำโครงการร่วมกัน เลยตั้งบริษัทนี้ขึ้นมาเมื่อปี 2547 จากนั้นปี 2548 ก็เริ่มรันโครงการ ศึกษาความเป็นไปได้ด้วย ตัวเอง ออกแบบเอง ลงทุนก่อสร้างเอง แม้กระทั่งการขายก็เซตทีมขึ้นมาเองด้วย เริ่มต้นด้วยทุนที่ค่อนข้างต่ำมาก ที่ดินก็เริ่มจากเพื่อนอีกคน คล้ายๆ กับว่าเขานำที่ดินมาลงทุนด้วย
- เพราะอะไรจึงสนใจพัฒนาอสังหาฯ
วิพิชญ์ : เราเรียนกันมาทางด้านนี้ ผมจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยศิลปากร แล้วไปต่อปริญญาโทที่เนเธอร์แลนด์ ช่วงที่กลับมาสุชาติกับสุรพลทำงานร่วมกันอยู่ สุรพลก็เป็นสถาปนิกเหมือนกัน แต่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
สุชาติ : ส่วนผมจบปริญญาตรีคณะนิเทศ ศาสตร์ การโฆษณา และไปเรียนต่อที่อเมริกาโปรแกรม Interactive Communication เกี่ยวกับการบริหาร ว่าทำยังไงนอกจากจะมีฟังก์ชันที่ดีแล้ว ก็ควรจะมีการดีไซน์ที่ค่อนข้างดีด้วย
จากนั้นก็ทำงานในบริษัทเอกชน 3 ปี พอดีต้องกลับมาช่วยดูแลโรงแรมที่พัทยา ซึ่งเป็นของครอบครัว พออิ่มตัวก็เลยมาเป็นน้องใหม่ในตลาดอสังหาฯ มองว่าในตลาดส่วนใหญ่ไม่มีงานถึงขนาดที่สนใจ เลยคิดกันว่าน่าจะทำโครงการที่แตกต่างจากคนอื่น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค
- ทำไมเลือกพัฒนาคอนโดฯ
วิพิชญ์ : ก่อนจะมาจบที่คอนโดฯ เรามีที่บางแปลงอยู่ก่อนแล้ว มีการ study ความเป็นไปได้ของโครงการหลายที่ หลายรูปแบบ บางที่ก็ขายไปบ้าง จนกระทั่งสุดท้ายคุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของที่ดินแปลงนี้ เห็นว่ามีความเป็นไปได้ก็สานต่อจนกลายมาเป็นโครงการนี้
เมืองไทยไปให้คำจำกัดความของคำว่า คอนโดฯหรืออพาร์ตเมนต์ก็ว่ากันไป แต่เราไม่อยากบอกว่าโครงการของเราเป็นคอนโดฯหรืออะไร อยากให้เป็นแบบการอยู่อาศัยในเมืองดีกว่า ที่สำคัญไม่ต้องการให้อาคารของเราเป็นที่อยู่ อาศัยชั่วคราว แต่อยากให้อยู่ได้จริงๆ ใน ระยะยาว
- เป็นคอนโดฯขนาดเล็ก
วิพิชญ์ : เป็นโครงการเล็กๆ สูงแค่ 5 ชั้น จำนวน 20 ยูนิต ยูนิตทุกยูนิตมีที่จอดรถ 1 คัน จำนวนยูนิตน้อย พื้นที่เริ่มต้นที่ 48 ตร.ม. 4 ห้อง ที่เหลือเป็นขนาด 70 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 2 ล้านกว่าบาท จนถึง 3.2 ล้านบาท ปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ 44,500 บาท/ตร.ม.
เอมของเราคือ เป็นตึกหลังหนึ่งที่เหมือนบ้านหลังหนึ่งใหญ่ๆ ถ้าหากว่าสามารถหาผู้พักอาศัยที่ใกล้เคียงกัน คือ 20 ยูนิต ไม่ใช่ว่าลูกค้าเขามาเลือกเรา เพราะมีแค่ 20 ห้อง แต่เป็นเราที่เลือกว่าใครควรจะมาอยู่ เหมือนกับว่าเขามาจาก 1 ใน 100 หรือ 1 ใน 200
จริงๆ แล้วเราคงเลือกไม่ได้ว่าจะไป force ว่าให้ใครมาอยู่ (หัวเราะ) แต่การเลือกลูกค้าของเรา วิธีการ approach ลูกค้า ทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าได้ลูกค้าตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเรา คือเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพที่อยู่อาศัย และตึกหน้าตามันดีหน่อย ทำแล้วน่าจะอยู่ร่วมกันได้ ธีมจึงออกมาว่าเป็นกลุ่มคนเล็กๆ ที่อยู่ร่วมกัน เลยใช้ชื่อ "คอมมูน"
- ช่วยกันทำเองทั้งหมด
สุชาติ : ครับทำเอง ลงทุนเอง คุยกับลูกค้าเอง แม้แต่โบรชัวร์ก็ออกแบบกันเอง
- กลุ่มเป้าหมาย
วิพิชญ์ : ก็เป็นคนทำงานแถวนี้ มีบริษัทโฆษณา เอเยนซี่ โปรดักชั่นเฮาส์ ลูกค้าที่ได้บางคนเป็นผู้กำกับหนังโฆษณา บริษัทอีเวนต์ บริษัทออร์แกไนเซอร์ เป็นมีเดียโซไซตี้
- ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
สุรพล : คิดว่าค่อนข้างดี ทั้งๆ ที่มีการปรับราคาขึ้นมาแล้ว ที่ปรับขึ้นเพราะมีหลายปัจจัย เรื่องแรกคือแมทีเรียล ตอนออกแบบมาอย่างนี้ แต่เมื่อก่อสร้างแล้วเรารู้สึกว่าไม่ดี ไม่เหมาะสม ก็ต้องอัพบางอย่างขึ้นมา อย่างเช่นพื้น และผนัง เราอัพเกรดเข้ามาค่อนข้างเอถึงเอบวก
วิพิชญ์ : จริงๆ การเมืองไม่ได้เอฟเฟ็กต์กับเราโดยตรง แต่เอฟเฟ็กต์กับมู้ดของคน ที่เลือกจะเก็บตังค์ไว้ในกระเป๋าดีกว่า แต่ปัจจัยอัตราดอกเบี้ย กับความเข้มงวดในการปล่อยกู้ของสถาบันการเงินมีผลมาก เพราะลูกค้ากู้ยากขึ้น
- ช่วงที่ขอสินเชื่อโครงการแบงก์เข้มงวดมากแค่ไหน
สุชาติ : เราคุยหลายแบงก์เลย กว่าจะกู้ได้ก็ค่อนข้างยาก โครงการนี้แบงก์ที่ซัพพอร์ตคือไทยธนาคาร ประมาณ 25% จากมูลค่าโครงการ 50 ล้านบาท
- มองตลาดอสังหาฯในบ้านเราอย่างไร
สุชาติ : บางเรื่องเราคงไปฝืนน้ำเชี่ยวไม่ได้ พยายามทำให้ดีที่สุด หลังเข้ามาทำโครงการนี้ เรารู้คำตอบว่าทำไมเมืองไทยถึงไม่มีโครงการที่ดีต่อสังคมในลองรัน รูปแบบโครงการออกมาเหมือนกันหมด ราคาใกล้เคียงกันหมด ทุกอย่างใกล้เคียงกันหมด
- แผนในอนาคต
สุชาติ : ผมมองว่าเราไม่ต้องการทำโครงการขนาดใหญ่ ด้วยเราไม่ได้เอมว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือไม่ได้เอมว่าต้องมีเงินในพอร์ตมาก ถึงขนาดต้องไปโชว์ใคร เราคุยกันตอนเริ่มต้น ว่า ถ้ากำลังดีสักปีละ 1 โปรเจ็กต์ หรือ 2 ปี 1 โปรเจ็กต์ ถ้าเรามีเงินมากพอ ก็อาจจะขยายไปเรื่องของอพาร์ตเมนต์ให้เช่า
หรือในเรื่องของการบริหาร สเกลของบริษัทเราก็อยากจะ keep ให้เล็กอย่างนี้ไปด้วย ตอนนี้ก็คือบริษัทมีคนแค่สิบคน นิดหน่อย แล้วแต่ละคนก็ยังทำงานบริษัทของตัวเองได้
- โครงการใหม่ๆ ที่อยากจะทำ
สุชาติ : สิ่งที่เราจะสร้าง เราไม่ได้บอกว่าเราจะสร้างใหม่ที่สุด ดีที่สุด แต่เราพยายามจะเป็น ออปชั่นใหม่ เป็นทางเลือกใหม่ ว่าคนต้องการอย่างนี้ อย่างน้อยมีทางเลือกมากกว่าที่ตลาดให้มา ของเราเป็นนิชมาร์เก็ตที่อย่างน้อยมีคนรู้จักว่ามีคนทำอย่างนี้อยู่นะ
วิพิชญ์ : ในตลาดน่าจะมีคนอย่างนี้สักเสี้ยว สักกลุ่มเล็กๆ เพราะที่จริงแล้วตลาดมันถูก dominate โดยบริษัทใหญ่ๆ ไม่กี่บริษัท ถ้านับเป็นบริษัทลูก บริษัทหลาน บริษัทญาติกันมันก็คือกลุ่มคนไม่กี่คนที่สร้างกรุงเทพฯทั้งกรุงเทพฯ
- เทสต์ตลาดแล้วโครงการนี้คนมองว่าเป็นยังไง
วิพิชญ์ : เราอาจจะยังไม่มีชื่อเสียงหรือมีลูกค้ามากนักที่จะมาซื้อ แต่ลูกค้าถ้าแบบว่าคนกันเอง หรือกลุ่มเพื่อนฝูง หรือคนในวงการ เราได้รับความชื่นชมพอสมควร
- มาร์จิ้นเข้าเป้าไหม
สุชาติ : หมายถึงผลกำไรบริษัท ก็อาจจะ สมน้ำสมเนื้อกับที่ลงทุน
- โครงการออกมาตามที่ฝันไว้หรือเปล่า
วิพิชญ์ : โครงการนี้เราทำได้แทบจะตามที่เราคาดหวังเกือบจะทั้งหมด โครงการหน้าเราอยากจะขยายสเกลกว่านี้นิดหน่อย บวกกับความรู้ที่ได้จากโครงการนี้ น่าจะสามารถลงทุนได้มากขึ้น และขยายสเกลได้มากขึ้น
- เตรียมขึ้นโครงการที่สองเอาไว้แล้ว
สุรพล : เตรียมไว้แล้ว จะพัฒนาบนที่ดินเกือบ 1 ไร่ ลงทุนเกือบสองเท่าของโครงการนี้ จำนวนยูนิตก็จะมากกว่าสองเท่า อยู่แถวถนนวิภาวดีฯ ก็น่าจะใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงที่จะไปดอนเมือง
- จะแตกต่างจากโครงการแรกไหม
สุชาติ : ในแง่การใช้งานโดยพื้นที่ก็ใกล้เคียง แต่อาจจะปรับยูนิตให้เล็กลง แต่คอนโดฯไทป์ที่ เราทำ ยังไม่ค่อยมีในตลาด เราคิดว่าถ้าจะทำโครงการแค่มาเอากำไร เราก็คงไม่ทำ
ส่วนบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ยังไม่ได้คิด ยังโฟกัสที่คอนโดฯ หรืออาจจะเป็นอพาร์ตเมนต์ หรือเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์มากกว่า
- จะใช้แบรนด์ "คอมมูน"
สุชาติ : ถ้าเราจะขึ้นถนนใหญ่ แบรนด์คงไม่ใช่คอมมูนแล้ว ยังนึกไม่ออก เพราะไกลเกินไป แต่เป้าหมายระยะสั้นคือทำโครงการต่อโครงการ และเป้าหมายที่สองคือ ถ้ามีเงินทุนมากพอจะทำเป็นโครงการอพาร์ตเมนต์
วิพิชญ์ : ต่อให้เป็นโครงการหน้า ก็ยังคงยึดกลุ่มคนเดิมๆ จำนวนห้องไม่มาก มาแชร์คอมมอนกัน แต่ไม่ก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคลกัน
- แบ่งกันดูแลงานในบริษัทอย่างไร
สุชาติ : ส่วนใหญ่จะรับผิดชอบงานคนละ อย่าง ผมเองส่วนใหญ่จะดูเรื่องแบงก์ ส่วนราชการ สุรพลดูเรื่องก่อสร้าง ก็ตั้งแต่เช้า ยันเย็น
ส่วนวิพิชญ์ ดูเรื่องการควบคุม ดูเรื่องแบบ บางครั้งอยู่กันถึงตีสี่ บางทีก็นอนอยู่ด้วยกัน บางทีจะมีงานปูไม้เราไม่ไว้ใจ บางทีเราเลือกเอง ตีตะปูเอง มีงานตรงไหนก็ทำไปตรงนั้น
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 21-06-2550
|
|
|
|
|