Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
มุมมองเปิดตลาดจีนของ "เคทีจีวาย" เชียร์สถาปนิกไทยโกอินเตอร์ |
|
สัมภาษณ์
แม้สภาพโดยรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยชะลอตัวลงจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเมือง แต่ตลาดอสังหาฯในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม หรือยักษ์ใหญ่อย่างจีนยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศจีนกล่าวได้ว่า ยุคนี้อสังหาฯกำลังบูมสุดขีด ตามผลพวงจากจีดีพีที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 8-9% มาโดยตลอด
โดยเฉพาะโครงการตึกสูง โรงแรม รีสอร์ต คอมเพล็กซ์ ที่ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เมืองใหญ่ไซซ์ "เมกะซิตี้" ในประเทศจีน อาทิ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ฯลฯ ในวันนี้ถูกพลิกโฉมหน้าจนแทบ จำไม่ได้
ธุรกิจอสังหาฯที่บูมต่อเนื่องทำให้บริษัทสถาปนิกจากต่างประเทศสนใจเข้าไปรับงานเป็นจำนวนมาก สะท้อนจากมุมมองของ "สุนันทพัฒน์ เฉลิมพันธุ์" ประธานบริษัทของ "เคทีจีวาย แอทโซซิเอส" หนึ่งในบริษัทสถาปนิกชั้นนำ เป็นอีกรายที่เบนเข็มเข้าไปตักตวงออร์เดอร์ออกแบบใน ดินแดนมังกร
"เป้าหมายของเคทีจีวาย ก็คือ รับงานออกแบบทั่วเอเชีย ตอนนี้เราก็มีรับงานในหลายประเทศ อาทิ เมืองดูไบ ประเทศอินเดีย ยูกันดา บังกลาเทศ ภูฏาน แต่ที่บูมที่สุดคงเป็นจีน"
ปัจจุบัน "เคทีจีวาย" รับงานออกแบบในประเทศจีนรวมแล้วกว่า 10 โครงการ คิดเป็นสัดส่วนถึง 60-70% จากพอร์ตงานออกแบบในต่างประเทศทั้งหมด อาทิ งานออกแบบโครงการ The Resedale Resort & Villa ในเกาะไหหลำ เกาะที่กำลังถูกพัฒนาให้เป็น "ฮาวายออฟเอเชีย"
งานออกแบบโครงการสนามกอล์ฟ Lu Hui Tou International ในเมืองซานย่า (เกาะไหหลำ) นอกจากนี้ก็ยังมีงานออกแบบรีสอร์ต 4-5 โปรเจ็กต์ในเมืองซานย่า เป็นห้องพักระดับ 5-6 ดาว สนนราคาห้องพักไม่มากไม่น้อย คืนละ 1-2 หมื่นบาท
รวมถึงโครงการล่าสุดที่เพิ่งได้มา คือ งานออกแบบและปรับสถาปัตยกรรม "12 ปันนา" ที่กำลังจะถูกแปลงรูปเปลี่ยนร่างให้เป็นเมืองใหม่ ในอนาคตโครงการเข้าข่ายเป็นเมกะคอมเพล็กซ์ขนาดย่อมๆ กินพื้นที่ถึง 2,000 ไร่ ประกอบด้วยศูนย์ประชุมระดับชาติ ท่าเทียบเรือ รีสอร์ต สนามกอล์ฟ และอยู่ที่อาศัย ภายใต้สถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างไทยลื้อกับสไตล์โมเดิร์น
สังเกตได้ว่างานออกแบบที่เคทีจีวายรับมา หลักๆ จะเป็นสไตล์ "รีสอร์ต" ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ถนัดของเคทีจีวายเสียด้วย ในแง่โอกาสทางธุรกิจต้องถือว่าอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบรีสอร์ต มีช่องว่างอยู่มากในตลาดจีน ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจเป็นเพราะบริษัทสถาปนิกใหญ่ของต่างประเทศที่เข้าไปรับงานในประเทศจีน มักเลือกงานออกแบบโครงการขนาดใหญ่ เช่น สนามกีฬา เมกะคอมเพล็กซ์ ฯลฯ
ที่น่าสนใจคือลูกค้าที่พัฒนาโครงการเกือบทั้งหมดเป็นเศรษฐีใหม่ในวัย 30-40 ปี และกล้าลงทุนทำโครงการระดับไฮเอนด์
ปัจจุบันสังคมในประเทศจีนเปลี่ยนแปลงไปมาก ถนนหนทางที่รัฐบาลทุ่มเททั้งกำลังคนกำลังเงินจนทำให้มีเครือข่ายการคมนาคมขนส่งทางบกที่ถือว่า "พร้อม" ที่สุดในโลกอีกประเทศหนึ่ง สิ่งที่พบเคียงคู่กันไปในเขตเมือง ก็คือ ภาพรถหรูวิ่งเต็มท้องถนน ไม่นับรวมโครงการก่อสร้างต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เรียกได้ว่าถนนสายหลัก สายรอง ทุกหัวถนนที่วิ่งรถผ่าน จะต้องมีเครนก่อสร้างเป็นของคู่กัน
ในแง่การยกระดับความรู้ กลุ่มนักลงทุนหรือเศรษฐีใหม่เหล่านี้เริ่มส่งลูกหลานไปเรียนต่อต่างประเทศ เมื่อเรียนจบและนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศ เครื่องเคียงที่ติดมากับตัวคือวิถีดำเนินชีวิตกำลังสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน ไลฟ์สไตล์คนจีนเริ่มเปลี่ยนแปลง อสังหาริมทรัพย์แนวใหม่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เช่น โครงการลงทุนก่อสร้างคลับสำหรับสาวสังคมโดยเฉพาะ มีบริการทั้งสปา โยคะ เป็นแหล่งพบปะของสาวสังคมชั้นสูงที่มีฐานะโดยตรง
ขณะที่เทรนด์การออกแบบประเทศจีนเริ่มเปลี่ยนแปลง จากเดิมชอบแนว "โมเดิร์น" ปัจจุบันเริ่มกลับมาสู่แนว "โมเดิร์นไชนีส" คือ ผสมผสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้าไป คล้ายๆ กับประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนจากสไตล์มาสู่ คอนเทมโพรารีมากขึ้น
"ในฐานะที่เรามีประสบการณ์อยากบอกว่า ถึงแม้อสังหาฯในเมืองไทยจะสโลว์ดาวน์ แต่งานออกแบบในเมืองจีนมีเยอะมาก คิดว่าบริษัทขนาดกลางก็มีโอกาสเข้าไปรับงานได้ แต่อาจต้องเลือกเซ็กเมนต์ที่แข่งขันน้อย และสถาปนิกคนไทยก็ได้รับการยอมรับในฝีมือไม่แพ้สิงคโปร์หรือฮ่องกง"
อย่างไรก็ตาม ในเชิงการเข้าไปขุดทองตลาดงานออกแบบโครงการในจีน จำเป็นต้องอาศัยการปรับตัวอยู่พอสมควร เพราะจีนขึ้นชื่อลือชาในเรื่องการใช้มาตรการกีดกันที่ไม่ใช่ตัวภาษี ทำให้มีการออกระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการเข้าไปทำมาหากินของคนต่างชาติ ซึ่งจะมีมากบ้างน้อยบ้างขึ้นกับนโยบายของผู้บริหารประเทศ
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ หลักปฏิบัติที่เป็นตัว "บล็อก" สำคัญคือ ข้อกำหนดเกี่ยวกับการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นโครงการใดก็ตาม จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลก่อนทุกครั้ง จึงจะสามารถลงมือออกแบบได้ ขณะที่ขั้นตอนการทำงานก็คล้ายๆ กับสถาปนิกต่างชาติที่เข้ามาในเมืองไทย คือไม่สามารถออกแบบเองได้ แต่เป็นลักษณะการทำงานร่วมกับสถาปนิกท้องถิ่นที่เป็นคนจีน
ปัจจุบันเริ่มมีสถาปนิกอิสระ (ไม่ได้สังกัดบริษัท) เข้าไปรับงานออกแบบในประเทศจีนเพราะได้ค่าแรงคุ้มค่า เรื่องภาษาไม่ใช่อุปสรรคใหญ่เพราะสามารถจ้างล่ามส่วนตัวเพื่อติดต่อทำธุรกิจ ในอีกด้านหนึ่ง การออกไปรับงานในต่างประเทศก็เท่ากับเป็นการเปิดมุมมองใหม่และพัฒนาตัวเองอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ "สุนันทพัฒน์" เชื่อว่า สถาปนิกไทยมีศักยภาพทำได้หมด เพียงแต่ต้อง "กล้าๆ หน่อย" ถ้าอยากจะโกอินเตอร์ !
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 14-06-2550
|
|
|
|
|