| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 345 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 17-05-2550    อ่าน 11625
 "เครดิตบูโร" แนะคนซื้อบ้าน รักษาเครดิตเสริมภูมิคุ้มกันก่อนขอสินเชื่อ

การกู้เงินซื้อบ้านแต่ละครั้งอาจกลายเป็นสถานการณ์ยากหรือง่ายแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารแต่ละแห่งกำหนดขึ้น ซึ่งมักพิจารณาจากความสามารถในการชำระคืน รายได้ประจำในปัจจุบัน และหลักประกันรับรอง รวมไปถึงอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ รายงานข้อมูลเครดิต (credit report) หรือ รายงานที่รวบรวมข้อเท็จจริงในการชำระสินเชื่อของลูกค้าแต่ละบุคคลเอาไว้ คือ มีทั้งการชำระที่ตรงตามกำหนด และไม่ตรงตามกำหนด โดยเก็บในลักษณะประวัติย้อนหลัง ไม่เกิน 3 ปี

เนื่องจากตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องนำส่งข้อมูลของลูกค้าแก่บริษัทข้อมูลเครดิต โดยเมื่อได้นำส่งข้อมูลในครั้งแรกแล้ว สถาบันการเงินนั้นต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่นำส่งข้อมูล และสถาบันการเงินจะนำส่งประวัติการชำระเงินใหม่ของลูกค้าให้บริษัทข้อมูลเครดิตอีกในทุกๆ สิ้นเดือน โดยแจ้งให้ลูกค้าทราบในทุกครั้งหรือรวบรวมเป็นรายปีแล้วจึงแจ้งก็ได้

ดังนั้น ทุกคนที่เคยผ่านการทำธุรกรรมทาง การเงินกับสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ บริษัทลีสซิ่งเช่าซื้อ บริษัทผู้ออกบัตรเครดิตที่เรียกกันว่าน็อนแบงก์ ซึ่งเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิต จึงต่างมีรายงานข้อมูลเครดิตเป็นของตนเองโดยอัตโนมัติ

ข้อมูลเครดิตนี้มีความสำคัญในการช่วยสร้างประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการขอกู้ซื้อบ้าน ขอสินเชื่อ หรือบัตรเครดิตอื่นๆ อย่างมาก เพราะจะแสดงให้เห็นถึงวินัยในการชำระเงินคืนของลูกค้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้สถาบันการเงินรู้จักลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้ได้รับการอนุมัติวงเงินที่สูงขึ้น และได้ดอกเบี้ยลดลงด้วย หากลูกค้าเป็นผู้ที่มีประวัติการชำระตรงตามกำหนด

เพียงแต่ผู้บริโภคเรียนรู้ที่จะบริหารการชำระเงินคืนให้เป็นปกติ ด้วยการชำระสินเชื่อให้ตรงเวลา เป็นจำนวนอย่างน้อยตามที่สถาบันการเงินนั้นๆ กำหนด ก็จะมีประวัติการชำระเงินที่ดีได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถสร้างได้ง่ายกว่าการย้อนกลับไปแก้ไขข้อมูลเครดิต ภายหลังจากที่ข้อมูลเครดิตมีประวัติการชำระที่ผิดนัดไปแล้ว

ในการขอสินเชื่อต่างๆ เช่น สินเชื่อเพื่อการซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม ฯลฯ ถือว่าเป็นการขอสินเชื่อครั้งสำคัญในชีวิตและชีวิตครอบครัว เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อผ่อนชำระ ดังนั้น เจ้าของข้อมูล หรือผู้ขอสินเชื่อจึงไม่ควรละเลยสิทธิในการเข้ามาตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตนเอง เพื่อตรวจดูว่าข้อมูลเครดิตของตนเองเป็นอย่างไร และถูกต้องหรือไม่ เพื่อรักษาสิทธิในการขอสินเชื่อครั้งต่อไป

อย่างไรก็ดี มี "หลักในการบริหารข้อมูลเครดิต" เพื่อสงวนไว้ซึ่งสิทธิในการกู้เงินซื้อบ้าน ในฐานะผู้บริโภค ดังนี้

1.หากมีสินเชื่อหรือบัตรเครดิตอยู่ก่อนแล้ว ควรจะชำระสินเชื่อเหล่านั้นให้ตรงเวลา

2.หากมีสินเชื่อหรือบัตรเครดิตอยู่ก่อนแล้ว แต่เกิดมีปัญหาด้านการเงิน ลูกค้าควรเข้าไปเจรจากับสถาบันการเงินที่ให้กู้เพื่อที่จะลดหนี้หรือยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ออกไป

3.ปฏิบัติตนดังสำนวนที่ว่า "นกน้อยสร้างรังแต่พอตัว" คือ เมื่อต้องการกู้เงินซื้อบ้าน ควรพิจารณาซื้อบ้านตามความสามารถในการผ่อนชำระของตนเอง

4.แม้ว่าจะยังไม่มีแผนซื้อบ้าน แต่ก็ควรตรวจเช็กข้อมูลเครดิตของตนเองอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง รวมถึงไม่ละเลยที่จะตรวจสอบสเตตเมนต์ที่สถาบันการเงินส่งมาให้ด้วย

ประวัติการชำระสินเชื่อที่ตรงตามเวลานั้น เปรียบเสมือน "วัคซีนทางการเงิน" ที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดี ทำให้มีความพร้อมสำหรับการได้รับอนุมัติสินเชื่อในอนาคต เพราะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีเครดิตดี มีสิทธิในการขอกู้จากสถาบันการเงินได้โดยง่าย และไม่ต้องเสียเวลายุ่งยากหลายขั้นตอนอีกต่อไป

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ  ] วันที่ 17-05-2550 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.