Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
"เครดิตบูโร" แนะคนซื้อบ้าน รักษาเครดิตเสริมภูมิคุ้มกันก่อนขอสินเชื่อ |
|
การกู้เงินซื้อบ้านแต่ละครั้งอาจกลายเป็นสถานการณ์ยากหรือง่ายแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารแต่ละแห่งกำหนดขึ้น ซึ่งมักพิจารณาจากความสามารถในการชำระคืน รายได้ประจำในปัจจุบัน และหลักประกันรับรอง รวมไปถึงอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ รายงานข้อมูลเครดิต (credit report) หรือ รายงานที่รวบรวมข้อเท็จจริงในการชำระสินเชื่อของลูกค้าแต่ละบุคคลเอาไว้ คือ มีทั้งการชำระที่ตรงตามกำหนด และไม่ตรงตามกำหนด โดยเก็บในลักษณะประวัติย้อนหลัง ไม่เกิน 3 ปี
เนื่องจากตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องนำส่งข้อมูลของลูกค้าแก่บริษัทข้อมูลเครดิต โดยเมื่อได้นำส่งข้อมูลในครั้งแรกแล้ว สถาบันการเงินนั้นต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่นำส่งข้อมูล และสถาบันการเงินจะนำส่งประวัติการชำระเงินใหม่ของลูกค้าให้บริษัทข้อมูลเครดิตอีกในทุกๆ สิ้นเดือน โดยแจ้งให้ลูกค้าทราบในทุกครั้งหรือรวบรวมเป็นรายปีแล้วจึงแจ้งก็ได้
ดังนั้น ทุกคนที่เคยผ่านการทำธุรกรรมทาง การเงินกับสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ บริษัทลีสซิ่งเช่าซื้อ บริษัทผู้ออกบัตรเครดิตที่เรียกกันว่าน็อนแบงก์ ซึ่งเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิต จึงต่างมีรายงานข้อมูลเครดิตเป็นของตนเองโดยอัตโนมัติ
ข้อมูลเครดิตนี้มีความสำคัญในการช่วยสร้างประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการขอกู้ซื้อบ้าน ขอสินเชื่อ หรือบัตรเครดิตอื่นๆ อย่างมาก เพราะจะแสดงให้เห็นถึงวินัยในการชำระเงินคืนของลูกค้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้สถาบันการเงินรู้จักลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้ได้รับการอนุมัติวงเงินที่สูงขึ้น และได้ดอกเบี้ยลดลงด้วย หากลูกค้าเป็นผู้ที่มีประวัติการชำระตรงตามกำหนด
เพียงแต่ผู้บริโภคเรียนรู้ที่จะบริหารการชำระเงินคืนให้เป็นปกติ ด้วยการชำระสินเชื่อให้ตรงเวลา เป็นจำนวนอย่างน้อยตามที่สถาบันการเงินนั้นๆ กำหนด ก็จะมีประวัติการชำระเงินที่ดีได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถสร้างได้ง่ายกว่าการย้อนกลับไปแก้ไขข้อมูลเครดิต ภายหลังจากที่ข้อมูลเครดิตมีประวัติการชำระที่ผิดนัดไปแล้ว
ในการขอสินเชื่อต่างๆ เช่น สินเชื่อเพื่อการซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม ฯลฯ ถือว่าเป็นการขอสินเชื่อครั้งสำคัญในชีวิตและชีวิตครอบครัว เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อผ่อนชำระ ดังนั้น เจ้าของข้อมูล หรือผู้ขอสินเชื่อจึงไม่ควรละเลยสิทธิในการเข้ามาตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตนเอง เพื่อตรวจดูว่าข้อมูลเครดิตของตนเองเป็นอย่างไร และถูกต้องหรือไม่ เพื่อรักษาสิทธิในการขอสินเชื่อครั้งต่อไป
อย่างไรก็ดี มี "หลักในการบริหารข้อมูลเครดิต" เพื่อสงวนไว้ซึ่งสิทธิในการกู้เงินซื้อบ้าน ในฐานะผู้บริโภค ดังนี้
1.หากมีสินเชื่อหรือบัตรเครดิตอยู่ก่อนแล้ว ควรจะชำระสินเชื่อเหล่านั้นให้ตรงเวลา
2.หากมีสินเชื่อหรือบัตรเครดิตอยู่ก่อนแล้ว แต่เกิดมีปัญหาด้านการเงิน ลูกค้าควรเข้าไปเจรจากับสถาบันการเงินที่ให้กู้เพื่อที่จะลดหนี้หรือยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ออกไป
3.ปฏิบัติตนดังสำนวนที่ว่า "นกน้อยสร้างรังแต่พอตัว" คือ เมื่อต้องการกู้เงินซื้อบ้าน ควรพิจารณาซื้อบ้านตามความสามารถในการผ่อนชำระของตนเอง
4.แม้ว่าจะยังไม่มีแผนซื้อบ้าน แต่ก็ควรตรวจเช็กข้อมูลเครดิตของตนเองอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง รวมถึงไม่ละเลยที่จะตรวจสอบสเตตเมนต์ที่สถาบันการเงินส่งมาให้ด้วย
ประวัติการชำระสินเชื่อที่ตรงตามเวลานั้น เปรียบเสมือน "วัคซีนทางการเงิน" ที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดี ทำให้มีความพร้อมสำหรับการได้รับอนุมัติสินเชื่อในอนาคต เพราะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีเครดิตดี มีสิทธิในการขอกู้จากสถาบันการเงินได้โดยง่าย และไม่ต้องเสียเวลายุ่งยากหลายขั้นตอนอีกต่อไป
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 17-05-2550
|
|
|
|
|