|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ทำตลาดบ้านเชิงลึกโดนใจลูกค้า ฝ่ามรสุมกำลังซื้อ |
|
รายงาน
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต จุลาสัย ภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหกรรมที่อยู่อาศัยโฮมบายเออร์ไกด์ ที่จัดขึ้นทุกปีนั้น สำหรับปีนี้บรรยากาศบ้านเมืองดูจะไม่เป็นใจ ทำให้งานคึกคักน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา หลังสอบถามผู้เข้าชมงานเกี่ยวกับสถานภาพและความต้องการ ที่อยู่อาศัยเป็นข้อมูลพื้นฐานและใช้วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยได้ระดับหนึ่ง เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลที่สำรวจในปี พ.ศ.2547, 2548 และ 2549 พบประเด็นที่น่าสนใจ ด้วยเป็นฐานข้อมูลที่จัดเก็บภายใต้เงื่อนไขงานมหกรรมเหมือนกันและสถานที่จากการจัดงานเดียวกัน คือ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี ในวันเวลาใกล้เคียงกัน คือ ประมาณเดือนมีนาคมหรือเมษายน
ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเปรียบเทียบ พบว่าสถานภาพผู้เข้าชมงานในปีนี้ เปลี่ยนไปจากปีก่อนๆ อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่มีรายได้ครัวเรือนอยู่ที่ 2 หมื่นบาทต่อเดือนขึ้นไป หนึ่งในห้าของ ผู้เข้าชมงานมีรายได้มากกว่าแสนบาทต่อเดือน ซึ่งสัดส่วนผู้เข้าชมงานที่มีรายได้สูงนี้เพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อนๆ เกือบเท่าตัว
นอกจากรายได้ครัวเรือนของผู้เข้าชมงานจะสูงขึ้น ผู้เข้าชมงานครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝด ส่วนที่เหลืออาศัยอยู่ในทาวน์เฮาส์หรืออาคารพาณิชย์พักอาศัย และอยู่ในอาคารชุดพักอาศัย แฟลต หรืออพาร์ตเมนต์ ซึ่งสอดคล้องกับสัดส่วนการเช่าที่อยู่อาศัย และการอยู่อาศัยกับเพื่อนหรืออยู่คนเดียว
เนื่องจากสถานที่จัดงานอยู่ทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ ดังนั้นทำเลที่อยู่อาศัยปัจจุบันของผู้เข้าชมงานครึ่งหนึ่งจะอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนทางทิศตะวันออกและศูนย์กลางธุรกิจ จะมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน มีเพียงส่วนน้อยที่เดินทางมาจากทางทิศตะวันตก ใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ คือ สัดส่วนเข้าชมงานที่อยู่อาศัยทางทิศใต้
ผู้เข้าชมงานเกือบทั้งหมดระบุว่า มีปัญหาที่อยู่อาศัย ในเรื่องพื้นที่ใช้สอย เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สภาพแวดล้อม ห่างไกลสิ่งอำนวยความสะดวก มีปัญหาสาธารณูปโภค ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยปัญหาด้าน การเงินเป็นลำดับสุดท้าย
แม้ว่าผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่มีปัญหาที่อยู่อาศัย แต่สัดส่วนผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ กลับลดลงจากปี พ.ศ.2547 ถึง 2550 ร้อยละ 88.0, 70.8, 69.3 และ 59.9 ตามลำดับ สอดคล้องกับตัวเลขเจ็ดในสิบของผู้เข้าชมงาน ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล โดยเลือกวิธีเข้าชมงาน เพื่อหาข้อมูลเพิ่มขึ้นจากข้อมูลที่มีอยู่ในนิตยสารที่อยู่อาศัยและอินเทอร์เน็ต
กลุ่มที่น่าสนใจ คือ สองในสิบของผู้เข้าชมงาน กำลังอยู่ในขั้นตอนการประเมินทางเลือก และวางแผนจะซื้อภายในปีนี้ กลุ่มสุดท้ายคือมีอยู่หนึ่งในสิบระบุว่า ใกล้จะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย เนื่องจากสถานการณ์ของเศรษฐกิจ จึงทำให้ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยไม่มั่นใจ ส่งผลให้สัดส่วนผู้ที่ต้องการซื้อบ้านพร้อมอยู่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เป็นร้อยละ 65 เทียบกับร้อยละ 45 เมื่อปี พ.ศ.2547
ข้อกังวลใจที่ทำให้ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ยังไม่ตัดสินใจในปีนี้ เป็นเรื่องข้อมูลทำเลโครงการและเกี่ยวกับบ้าน แต่ไม่ใช่เรื่องสภาพเศรษฐกิจของประเทศอย่างที่เข้าใจ ผลการสำรวจที่กล่าวมา จะเห็นว่าข้อมูลทั้งหมดสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน และเป็นไปตามสภาวการณ์บ้านเมืองที่ผันผวนไม่แน่นอน ส่งผลให้จำนวนผู้จะซื้อที่อยู่อาศัยลดลง
โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทต่อเดือน ที่ปัจจุบันอยู่อาศัยคนเดียวหรืออยู่กับเพื่อน หรือเช่าพักในอาคารชุดพักอาศัย แฟลต หรืออพาร์ตเมนต์ และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
แต่กลุ่มผู้มีรายได้สูงกว่า 2 หมื่นบาทต่อเดือน กลับมีความสนใจจะซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งผู้ที่อยู่อาศัยทางทิศใต้ มีสัดส่วนสนใจจะซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยระบุว่า ไม่มีปัญหาทางการเงิน คงมาจากภาวะดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ วิธีลงทุนโดยการซื้ออสังหาริมทรัพย์จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม กลุ่มนี้จึงมีความพร้อมที่จะซื้อ เพียงแต่ขาดข้อมูล ที่อยู่อาศัยหรือโครงการที่ตรงกับความต้องการ
เมื่อผลการสำรวจออกมาเช่นนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงจัดกิจกรรมในรูปแบบเดิม นำเสนอสินค้าแบบเดิม หรือเหมือนผู้ประกอบการอื่น หรือจัดกิจกรรมเพียงเพื่อเรียกร้องความสนใจ คงจะลำบากในภาวะเช่นปัจจุบัน แต่ถ้าผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ศึกษาวิจัยเชิงลึก วางแผนและจัดกิจกรรมให้ตรงกับโครงการหรือสินค้า ที่สำคัญสอดคล้องกับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่กล่าวมาก็จะพบโอกาสในภาวะวิกฤต
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 14-05-2550
|
|
|
|
|
