Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
"จัดสรรเชียงใหม่" อนาคตสดใส ทุนส่วนกลาง-ท้องถิ่นโดดชิงเค้ก |
|
รายงาน
ปัจจุบันนี้เชียงใหม่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 5 ของโลก และอันดับ 2 ของเอเชีย ทำให้ผู้บริโภคทั้งไทยและต่างชาติต้องการจะมีบ้านในเชียงใหม่เป็นของตนเอง เห็นได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ช่วง 1-2 ปี ที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ และ AREA สำรวจไว ชี้วัดการเติบโตของตลาดบ้านจัดสรร และอาคารชุดในเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี
"วัชระ ตันตรานนท์" นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่-ลำพูน วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดปี 2549 และแนวโน้มป 2550 ในวารสารของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการ ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย รวมทั้งผู้ที่สนใจ
ปี"49 ซัพพลายเพิ่ม-ดีมานด์หด
โดยระบุว่าตลาดอสังหาฯ ประเภทบ้านจัดสรร และอาคารชุดในเชียงใหม่ปี 2549 เป็นไปตามทิศทางใหญ่ของประเทศ คือชะลอตัวลงจาก ปี 2548 เพราะได้รับผลกระทบราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ความไม่แน่นอนทางการเมือง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง เศรษฐกิจถดถอย อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ภาวะเงินเฟ้อที่ขยายตัวจาก 2-3% เป็น 6%รวมทั้งปัญหาความไม่สงบในภาคใต้
จากการรวบรวมข้อมูลของสำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2549 พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลลดลง 16.1% การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการโอนซื้อขายที่ดินลดลง 19.3% เมื่อเทียบกับปี 2548 แต่แนวโน้มในไตรมาส 4 เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น โดยจัดเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ดินได้เพิ่มขึ้น 2.3% เทียบกับไตรมาสก่อนที่เพิ่มขึ้น 1.8%
อย่างไรก็ตาม ด้านของอุปทานยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปี 2546 มีการจัดสรรที่ดินทั้งหมด 1,851 แปลง ปี 2547 มี 2,690 แปลง ปี 2548 มี 2,379 แปลง และปี 2549 มี 3,026 แปลง โดยนักลงทุนรายใหญ่จากส่วนกลางหลายรายเข้าไปพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร และอาคารชุด โดยเฉพาะในตลาดระดับบน ราคา 3.5-5.5 ล้านบาท ขณะที่ผู้ประกอบการท้องถิ่นจะพัฒนาโครงการระดับกลางถึงล่าง ผู้บริโภคจึงมีโอกาสเลือกซื้อบ้าน คอนโดฯ ได้ตามกำลังซื้อของตนเอง และต่อรองราคาเงื่อนไขต่างๆ ได้ โดยเฉพาะช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 2549 ที่ตลาดชะลอตัวลง
ลูกค้าหลักคนต่างถิ่น-ต่างชาติ
ด้านอุปสงค์ (demand) เนื่องจากประชากรในเชียงใหม่กว่าครึ่งหนึ่งไม่มีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย จากการสำรวจข้อมูลของศูนย์ต้อมูลอสังหาฯ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) อัตราส่วนของผู้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยกับผู้ที่มีปัญหาคือ 55% และ 45% ชาวเชียงใหม่ส่วนใหญ่จึงซื้อบ้านหลังใหม่เพราะคิดว่าเป็นการลงทุน หรือออมไว้เป็นทรัพย์สินในอนาคต บ้านที่เป็นที่นิยมคือบ้านจัดสรรราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ส่วนบ้านราคาสูงกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไป หรือบ้านจัดสรรระดับบน ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างถิ่นหรือต่างชาติ ที่ต้องการมีบ้านหลังที่สองเพื่อเป็นพักผ่อน
อานิสงส์ "พืชสวนโลก-เมกะโปรเจ็กต์"
แนวโน้มตลาดบ้านจัดสรร และอาคารชุด ไตรมาสสุดท้ายปี 2549 เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่เข้าใจและสามารถปรับตัวให้เข้ากับราคาน้ำมัน และค่าครองชีพที่สูงขึ้น สถานการณ์โดยรวมจะดีหรือไม่จึงขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมืองเป็นหลัก คือต้องมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จึงจะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจ
ในด้านอุปทาน ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2549 ธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่คึกคักขึ้นมาก เป็นผลมาจากงานมหกรรมพืชสวนโลก ทำให้ธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2550 ได้รับอานิสงส์ด้วย โดยราคาที่ดินตำบลแม่เหียะ ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการขนาดใหญ่ ทั้งไนท์ซาฟารี และงานมหกรรมพืชสวนโลกสูงขึ้นกว่า 700% ราคาที่ดินต่ำสุดไร่ละ 3.5-5 ล้านบาท จากเดิมไร่ละ 5-6 แสนบาท
ในส่วนของบ้านจัดสรรมีโครงการขนาดใหญ่ทั้งหมด 18 โครงการ ทั้งที่เปิดตัวไปแล้ว และเกิดใหม่หลังงานมหกรรมพืชสวนโลก นอกจากนี้มีคอนโดฯ และโรงแรม ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอีก 2 แห่ง เป็นห้างค้าปลีกบิ๊กซี บนพื้นที่ 34 ไร่ มูลค่าลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ที่จะเปิดตัวภายในไม่เกิน 8 เดือนจากนี้ไป รวมทั้งโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ (กคช.)
ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อภาพรวมตลาดอสังหาฯ เชียงใหม่ ได้แก่ การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2550 จะยังขยายตัวได้ดี และการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ
ซึ่งในเชียงใหม่ มีเมกะโปรเจ็กต์หลายโครงการคือ โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ โครงการก่อสร้างศูนย์ส่งเสริมพัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคเหนือ
โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งหลังมีการประชุมแผนการตลาดและนโยบายการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวภาคเหนือ ประจำปี 2550 จะให้มีการพัฒนาชุมชนในเชียงใหม่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ นำเสนอวิถีชีวิตของชุมชน และตั้งเป้าให้ 17 จังหวัดภาคเหนือ จัดกิจกรรมเล็ก-ใหญ่รวมกว่า 400 กิจกรรมหมุน เวียนกันไปทุกจังหวัด เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งตลาดหลักคือ ยุโรป, เอเชีย, อเมริกา, โอเชียเนีย, แอฟริกา และตะวันออกกลาง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของตลาดอสังหาฯ ในปี 2550 ได้มาก
แบ่งเค้กตลาด "ล่าง-กลาง-บน"
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุน ก็ยังมีถนนวงแหวนรอบสองและรอบสามที่ยังมีพื้นที่ว่างรองรับการเกิดโครงการใหม่ๆ ได้อีกมาก ทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อตลาดอสังหาฯ ในเชียงใหม่ ขณะที่นักลงทุนก็มีการ ปรับตัว เห็นได้จากนักลงทุนรายใหญ่จากส่วนกลาง ลงทุนพัฒนาโครงการบ้านราคาระดับ กลางและล่าง ทำให้ตลาดมีการแข่งขันสูง ผู้ประกอบการ จึงต้องบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 26-04-2550
|
|
|
|
|