| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 4 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 19-04-2550    อ่าน 12021
 วัสดุก่อสร้างตกแต่งซึม ปรับกลยุทธ์-ชูแคมเปญดึงกำลังซื้อ

ปัจจัยลบทั้งในเชิงเศรษฐกิจและการเมืองทำให้ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างและตกแต่งส่วนใหญ่ยอมรับว่าเป็นปีที่พวกเขาต้องเหนื่อยหนัก ! เพราะในภาพรวมตลาดช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา กำลังซื้อชะลอตัวลงทั้งระบบ ตั้งแต่งานโครงการจนถึงยอดขายหน้าร้าน แม้ว่าจะมีโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าเปิดตัวกันมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่พยายามลดต้นทุนค่าก่อสร้างและเลือกใช้วัสดุที่มีราคาถูกลง

ดังนั้น สำหรับตลาดวัสดุก่อสร้างและตกแต่งในห้วงเวลาที่เหลืออีกทั้งปี ทุกค่ายต้องปรับกลยุทธ์ขนานใหญ่ เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่เส้นกราฟการเติบโตของยอดขาย ขอแค่ "ได้เท่ากับปีที่แล้ว" ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว

สุขภัณฑ์ขยายตลาด-จัดโปรโมชั่น

จากการสำรวจตลาดสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ค่าย "คอตโต้" มีอัตราเติบโตประมาณ 5% ใกล้เคียงกับเป้าที่วางไว้ โดยคอตโต้ดำเนินกลยุทธ์ขยายตลาดทุกช่องทาง คือ 1)ตลาดในประเทศ รุกเจาะงานโครงการคอนโดฯ ควบคู่ไปกับการเจาะตลาดบ้านเก่า 2)เพิ่มวอลุ่มการขายตลาดส่งออก 30-40 ประเทศทั่วโลกเพื่อชดเชยกับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

"ธนศักดิ์ สาคริกานนท์" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำ "คอตโต้" บอกว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวม 5,200-5,300 ล้านบาท เติบโต 5-10% แยกเป็นสุขภัณฑ์ 3,000 ล้านบาท และก๊อกน้ำ 2,200-2,300 ล้านบาท โดยเฉพาะการเจาะตลาดบ้านเก่าที่ต้องการปรับปรุงห้องน้ำ เป็นตลาดหลักที่คอตโต้รุกขยายตลาดอย่างต่อเนื่องนับจากนี้ เน้นไปที่โครงการบ้านจัดสรรที่มีอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป

กลยุทธ์มี 2 ส่วน คือ การเข้าไปจัดอีเวนต์ออกบูทภายในโครงการเพื่อเข้าหาลูกค้า เฉพาะไตรมาสแรกคอตโต้เข้าไปเปิดบูทแนะนำบริการปรับเปลี่ยนห้องน้ำในโครงการจัดสรรแล้ว 6-7 แห่ง ขณะเดียวกันก็เดินหน้าเปิดจุดติดต่อกับลูกค้าในชื่อ "คอตโต้ บาธรูม เซอร์วิส" รวม 4 แห่งในปีนี้ ล่าสุดเปิดสาขาแรกไปแล้วบนถนนวิภาวดี รังสิต ตามแผนงานภายในช่วงต้นไตรมาสที่ 3 นี้ จะเปิดสาขาอโศก บริเวณชั้น 2 อาคารคอตโต้ ไทล์ ไลบรารี่ (ห้องสมุดกระเบื้องคอตโต้)

"เรามองลูกค้ารีโนเวตเป็นตลาดใหญ่และยั่งยืน แต่ต้องอาศัยระยะเวลาเปลี่ยนพฤติกรรมให้หันมาใช้ช่างของเรา"

ทั้งนี้ การเปิดตัว "คอตโต้ บาธรูม เซอร์วิส" จะเป็นจุดให้บริการแบบวันสต็อปเซอร์วิสสำหรับคนที่ต้องการปรับเปลี่ยนห้องน้ำ กล่าวคือ มีบริการออกแบบด้วยโปรแกรม 3 มิติ ลูกค้าจะมีค่าใช้จ่ายในการออกแบบไม่เกิน 1,000-3,000 บาท ขณะที่งบประมาณรวม (ค่าแรง+วัสดุ) ในการปรับห้องน้ำใหม่อยู่ที่ประมาณ 5 หมื่น-1 แสนบาท

ค่าย "อเมริกันสแตนดาร์ด" ที่มีกระแสข่าวว่าไม่ได้เน้นขยายการลงทุนและทำตลาดในประเทศไทยแล้ว มียอดขายในช่วงไตรมาสแรกใกล้เคียงปี 2549 (ไม่เปิดเผยตัวเลข) การตั้งเป้ายอดขายเป็นไปตามสูตรสำเร็จของภาพรวมตลาด กล่าวคือไม่ได้ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น

ในปีนี้อเมริกันสแตนดาร์ดยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องและจะเพิ่มความถี่ให้มากขึ้น ล่าสุดกำลังจัดแคมเปญ "Summer Lucky Door" ตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย.นี้ รูปแบบเป็นการทำเทรดโปรโมชั่นให้ส่วนลดกับร้านค้า รวมถึงลูกค้าทั่วไปให้สิทธิ์จับสลากลุ้นรางวัล โดยมีการให้ส่วนลดเพิ่มขึ้นและปรับเปลี่ยนของรางวัลใหม่ให้ดูน่าสนใจ เช่น จากเดิมให้ของแถมเป็นถ้วยชามปรับเปลี่ยนเป็นโทรทัศน์เพื่อกระตุ้นการขาย

สุขภัณฑ์ "นาม" ทำยอดขายช่วงไตรมาสแรกได้ใกล้เคียงกับปีก่อน (จริงๆ แล้วเป็นยอดขายที่หลุดเป้าจากเดิมตั้งไว้ว่าจะต้องเติบโต 10% หรือมียอดขายเกือบ 600 ล้านบาท) อีก 3 ไตรมาสที่เหลือฝากความหวังไว้กับสุขภัณฑ์รุ่น "นอร์ม" เป็นตัวกระตุ้นยอดขาย โดยเป็นสินค้าเวอร์ชั่นใหม่ที่ออกแบบแท็งก์น้ำ (ทำจากโพลีคาร์บอเนต) เป็นลวดลายต่างๆ รวม 6 รุ่น มีกำหนดวางตลาดในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าระดับกลาง เนื่องจากสินค้ารุ่นนี้มีราคาขายอยู่ในระดับ 3,000-4,000 บาท สูงกว่าสุขภัณฑ์นอร์มรุ่นปกติที่เคาะราคา 2,900 บาทต่อชิ้น

ขณะที่ "โมเก้น" น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ 2 ปี ทำยอดขายในช่วงไตรมาสแรกมีอัตราเติบโตกว่า 20% หรือมียอดขายในปีนี้กว่า 200 ล้านบาท ตามเป้าที่วางไว้ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการเร่งสร้าง แบรนด์และขยายช่องทางจำหน่าย

"พีรพัฒน์ ศรีสกุลภิญโญ" ประธานกรรมการสุขภัณฑ์ "โมเก้น" บอกว่า ปีนี้งานโครงการหันมาซื้อสินค้ามีราคาถูกลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอสังหาฯเปลี่ยนมาพัฒนาคอนโดมิเนียมแทนบ้านจัดสรร จากเดิมเคยสั่งซื้อสุขภัณฑ์ระดับราคา 3,000-10,000 บาทต่อชิ้น เปลี่ยนมาเป็นรุ่นที่มีราคาย่อมเยาลงเหลือ 3,000-5,000 บาทต่อชิ้น ทำให้ภาพรวมตลาดดูเหมือนไม่เติบโตขึ้น

"คาดว่าแนวโน้มไตรมาสที่ 2 น่าจะดีขึ้น หลังลดอัตราดอกเบี้ย บวกกับรัฐออกมาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาฯ น่าจะทำให้ตลาดวัสดุก่อสร้างรวมถึงสุขภัณฑ์กระเตื้องขึ้นได้บ้าง"

เสาเข็มดัมพ์ราคาแย่งลูกค้า

ผลิตภัณฑ์เสาเข็มเป็นวัสดุอีกประเภทที่ได้รับผลกระทบจากธุรกิจอสังหาฯที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้ผู้ผลิตบางรายออกมาดัมพ์ราคาเพื่อแย่งลูกค้า

"วิทวัส พรกุล" ประธานกรรมการ บมจ. ดีคอน โปรดักส์ หนึ่งในผู้ผลิตเสาเข็มและแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป บอกว่า ประเมินภาพรวมตลาดเสาเข็มในช่วงไตรมาสแรกค่อนข้างซบเซา ทำให้เกิดการแข่งขันราคาโดยมีผู้ผลิตบางรายยอมลดราคาสินค้าลง 3-5% เพื่อดึงลูกค้า

สำหรับบริษัทมีผลิตภัณฑ์หลัก 2 กลุ่ม คือ "เสาเข็ม" และ "แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป" ยอมรับว่าในกลุ่มเสาเข็มมีออร์เดอร์ลดลงพอสมควร ล่าสุดบริษัทได้ปรับตัวด้วยการเตรียมปรับเปลี่ยนมาผลิตสินค้าประเภท "คาน-เสาสำเร็จรูป" ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะติดตั้งสะดวกรวดเร็วกว่าเสา-คานแบบหล่อในไซต์งาน ประกอบกับมีกระบวนการผลิตคล้ายๆ เสาเข็มสามารถปรับเปลี่ยนกันได้ทันที

ส่วนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปยังมียอดขายต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มลูกค้าเอกชนและงานก่อสร้างโครงการเอื้ออาทร แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีข่าวเกี่ยวกับธุรกิจในโครงการบ้านเอื้อฯ แต่สำหรับโครงการที่เปิดให้ประชาชนจองไปแล้วก็ไม่ได้ชะลอหรือยกเลิกการก่อสร้าง ทำให้บริษัทยังมีออร์เดอร์ส่งสินค้าไปถึงปี 2552

"ยอดขายในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาของเรายังมีอัตราเติบโตตามเป้า โดยเฉพาะเดือนมีนาคมที่ผ่านมายอดขายถีบตัวสูงขึ้นกว่าที่ตั้งไว้

กลยุทธ์เชิงรุกของดีคอน คือ ขยายตลาดบล็อกกันความร้อนสินค้าใหม่มากขึ้น โดยเตรียมเดินกำลังผลิตโรงงานภาคเหนือเดือนพฤษภาคมนี้"

เฟอร์นิเจอร์แข่งหนักอัดแคมเปญดึงลูกค้า

สำหรับตลาดเฟอร์นิเจอร์ แม้ผู้ผลิตแบรนด์ชั้นนำในตลาดส่วนใหญ่มีอัตราเติบโตใกล้เคียงหรือเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่น่าสังเกตว่าผู้ผลิตแต่ละรายต่างก็มีกิจกรรมการตลาดออกมามากขึ้น

ค่าย "อินเด็กซ์" หลังจากเปิดตัวแคมเปญ จอยไพรซ์ลดราคาเฟอร์นิเจอร์แบรนด์อินเด็กซ์ลงแบบถาวร และประกาศไม่จัดโปรโมชั่นลดราคาอีกต่อไป ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ "Top 20 Shoppers To Top of The World" ลากยาว 6 เดือนเต็ม ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนถึงสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ในวันที่ 30 กันยายน 2550 ให้ลูกค้าของอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์สะสมยอดช็อปสินค้าสูงสุด 20 ราย รับแพ็กเกจทัวร์ท่องเที่ยวประเทศทิเบตนาน 6 วัน

"กิจจา ปัทมสัตยาสนธิ" กรรมการผู้จัดการ เฟอร์นิเจอร์ "อินเด็กซ์" บอกว่า การจัดแคมเปญนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลดราคา แต่มุ่งไปที่การทำกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ (ซีอาร์เอ็ม) มากกว่า โดยคาดว่าลูกค้าแต่ละรายที่มียอดซื้อสะสมสูงสุด 20 ท่าน น่าจะมียอดซื้อไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท/ราย

ส่วนทางค่าย "เอส.บี.เฟอร์นิเจอร์" ก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวแคมเปญ "ดีไซน์ พลัส" เฟอร์นิเจอร์ที่ให้ลูกค้าเลือกต่อเติม เปลี่ยนแบบ สี ฟังก์ชัน ได้ตามใจกว่า 1 หมื่นดีไซน์ พร้อมอัดงบ 40 ล้านบาท ออนแอร์หนังโฆษณา เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโต 15% ตามเป้า ขณะที่ช่วงไตรมาสแรกมีอัตราเติบโตประมาณ 12%

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 19-04-2550 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.