|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| คอมมิวนิตี้มอลล์ จุดขาย-แหล่งรายได้ใหม่ "จัดสรร-คอนโดฯ"กำไร 2 ต่อ |
|
รายงาน
ในยามที่เศรษฐกิจและการเมืองอยู่ในภาวะที่เอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างเวลานี้ ทำให้ดีเวลอปเปอร์ไม่อาจหวังที่จะพึ่งพารายได้จากการพัฒนาโครงการเพื่อขาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม ได้เพียงอย่างเดียว เพราะค่อนข้างจะสุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจและการเมืองผันผวน ผู้บริโภคขาดความมั่นใจและชะลอตัดสินใจซื้อบ้าน
ทางออกคือ ต้องพยายามมองหาช่องทางสร้างรายได้ประจำ หรือรายได้อื่นๆ เข้ามาเสริม เป็นน้ำหล่อเลี้ยงองค์กรเพื่อให้อยู่รอด ยิ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ยิ่งต้องดิ้นรนมากขึ้น เพราะต้องเร่งปั๊มรายได้ให้มากที่สุด เพื่อโชว์ตัวเลขผลประกอบการดึงดูดความสนใจของนักลงทุน สร้างมูลค่าเพิ่มในหุ้นของบริษัทไปในตัวด้วย
สำหรับ "เทคนิค" หรือกลยุทธ์หนึ่งที่ดีเวลอป เปอร์นิยมนำมาใช้ในการสร้างรายได้เสริมนอกเหนือจากธุรกิจหลัก คือ การลงทุนพัฒนาโครงการเพื่อเช่าในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับมุมมอง จังหวะ และโอกาส ในธุรกิจนั้นๆ ทั้งในแง่การร่วมทุน, ลงทุนเอง หรือการให้เช่าพื้นที่ที่เป็นไพรมแอเรียบริเวณด้านหน้าโครงการ
ไม่แปลกที่ยุคนี้บริษัทพัฒนาที่ดินในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่างขยายฐานลงทุนหลากหลายรูปแบบทั้งในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และต่างจังหวัด อย่างเช่น แตกไลน์ไปพัฒนาอาคารสำนักงาน เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โรงแรม รีสอร์ต รวมทั้ง การผุดคอมมิวนิตี้ มอลล์ ที่เหมือนกับยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว เพราะนอกจากจะมีรายได้จากการพัฒนาพื้นที่ในเชิงพาณิชย์จากการปล่อยเช่าให้ประกอบธุรกิจการค้าซึ่งถือเป็นรายได้ประจำทางหนึ่งแล้ว ยังสามารถใช้เป็นจุดขายให้กับตัวโครงการบ้านและคอนโดฯได้อีกด้วย
ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แนวทางการสร้างรายได้จากค่าเช่าของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ หลายบริษัท "โฟกัส" ไปที่การสร้างศูนย์การค้าขนาดย่อมในย่านชุมชน (community mall) จนกลายเป็นกระแสหนึ่งที่มาแรง และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เหตุผลคือ สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ได้อย่างครบวงจร และหลากหลาย นอกเหนือจากความสะดวกสบายที่ผู้บริโภคจะได้รับแล้ว การประหยัดเวลาในการเดินทางก็เป็นอีกคำตอบหนึ่งที่ทำให้ศูนย์การค้าในรูปแบบนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่มีความชัดเจน พร้อมกับการวางคอนเซ็ปต์ให้มีความสอดคล้อง ก็เป็นสิ่งสำคัญเปรียบเสมือน "แม็กเนต" ที่ดึงดูดความสนใจของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่จะสะท้อนออกมาผ่านแนวคิดและการดีไซน์รูปแบบโครงการ
สำหรับบริษัทพัฒนาที่ดินที่หันมาลงทุนพัฒนาคอมมิวนิตี้ มอลล์ ขณะนี้มีอยู่จำนวนมาก ทั้งรายใหญ่-เล็ก ขึ้นอยู่กับขีดความสามารถด้านการเงิน โดยรายที่สร้างความฮือฮาค่อนข้างมาก โดยขนาดสเกลการลงทุนค่อนข้างหนา คือ ค่าย เค.อี.แลนด์ เจ้าของโครงการบ้านเดี่ยวระดับหรูย่านเกษตร- นวมินทร์ ที่ผุดช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ไฮเอนด์ และศูนย์จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไฮเอนด์ บริเวณด้านหน้าโครงการคริสตัล พาร์ค ถนนประดิษฐ์มนูธรรม บนเนื้อที่รวมกว่า 70 ไร่ ภายใต้ชื่อ "เดอะคริสตัล" และ "คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์"
การพัฒนาในเฟสแรกบนเนื้อที่ 15 ไร่ มีพื้นที่ขายกว่า 1.5 หมื่น ตร.ม. มูลค่าโครงการกว่า 600 ล้านบาท คอนเซ็ปต์เป็น "แฟมิลี่ ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์" ประกอบด้วย ร้านค้า และซูเปอร์ มาร์เก็ต นอกจากนี้ยังมีที่ทำการสาขาของธนาคารพาณิชย์ จับลูกค้าระดับบี-เอ ในย่านเอกมัย-ลาดพร้าว-รามอินทรา
"ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์" กรรมการบริหาร บจ.เค.อี. แลนด์ วางเป้าไว้ว่า หลังเปิดให้บริการจะสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทปีละประมาณ 70-100 ล้านบาท และจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 7 ปี ส่วนการพัฒนาในเฟส 2 ภายใต้ชื่อ "คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์" จะเป็นศูนย์การค้ารูปแบบเดียวกับต่างประเทศ รูปแบบเป็นบูติคโฮเต็ล และ อาคารสำนักงานให้เช่า มูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท แต่คงต้องรออีกระยะหนึ่ง หลังจากที่เฟสแรกเป็นรูปเป็นร่างเรียบร้อย
ค่าย ที.ซี.ซี. แลนด์ เป็นอีกรายที่เปิดแนวรบตลาดคอมมิวนิตี้ มอลล์ บริเวนด้านหน้าโครงการเสนา มาสเตอร์ แพลน ย่านเกษตร-นวมินทร์ เนื้อที่ 16 ไร่ โดยให้สิทธิ์ในการเช่า 30 ปี 150 ล้านบาท ให้กับ บมจ.สยาม ฟิวเจอร์ ดีเวลลอป เมนท์ พัฒนาศูนย์การค้าและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร เพื่อรองรับกับลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการ
โครงการดังกล่าวมีพื้นที่ขายกว่า 2.5 หมื่น ตร.ม. มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ซูเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ The Avenu, ฟิตเนส, ซิเมนต์ไทย ดีไซน์เซ็นเตอร์, ภัตตาคาร รวมถึงโรงหนังในกลุ่มเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์
คอมมิวนิตี้ มอลล์ แบรนด์ "เพียว เพลส" รังสิตคลอง 2 โปรเจ็กต์นำร่องที่เกิดขึ้นจากการร่วมทุนระหว่าง บมจ.สัมมากร กับ บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์ เป็นอีกโครงการหนึ่งที่มีไอเดีย คล้ายๆ กัน แต่โครงการนี้นอกจากจะเป็นศูนย์การค้าขนาดย่อม ที่ให้บริการแบบเต็มรูปแบบ และหลากหลายแล้ว ยังใช้จุดแข็งของพันธมิตรเปิดให้บริการสถานีน้ำมันเข้ามาเป็นจุดขาย อีกด้วย
ตามแผนบริษัทร่วมทุนของ 2 พันธมิตรจะจับมือกันพัฒนาโครงการในรูปแบบดังกล่าวอีกหลายจุด เพราะยังมีที่ดินด้านหน้าโครงการหมู่บ้านสัมมากรอีกหลายแปลงที่มีศักยภาพ สามารถนำมาพัฒนาเป็นคอมมิวนิตี้ มอลล์ ได้ ตามแผน คอมมิวนิตี้ มอลล์ "เพียว เพลส" จะมีอีกอย่างน้อย 7-8 แปลง โดยจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้แต่เจ้าตลาดคอนโดฯอย่าง บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ก็พัฒนาคอมมิวนิตี้ มอลล์ รองรับลูกค้าที่อยู่อาศัยในคอนโดฯหลายๆ โครงการ
ขณะที่ค่ายไพรม์ เนเจอร์ กรุ๊ป เป็นบริษัทพัฒนาที่ดินรายล่าสุด ที่ประกาศตัวผุดศูนย์ การค้าขนาดย่อม เพื่อสร้างรายได้ระยะยาวให้กับบริษัท โดยได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีก 8 ไร่ พัฒนา คอมมิวนิตี้ มอลล์ มูลค่าลงทุน 50 ล้านบาท เป้าหมายโครงการนี้ให้บริการลูกค้าในโครงการ รวมถึงโครงการจัดสรรที่อยู่ในบริเวณใกล้
"สุนัทที เนื่องจำนงค์" บิ๊กบอส ไพรม์ เนเจอร์ กรุ๊ป อธิบายว่า คอนเซ็ปต์โครงการจะคล้ายๆ กับเจ อเวนิว ย่านทองหล่อ ซึ่งจะมีการแบ่งโซนที่หลากหลายเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้มาใช้บริการให้มากสุด ทั้งร้านอาหารหรูแบรนด์ "พายุ บิสโทร" โซนโรงเรียนสอนภาษาและดนตรี เป็นต้น
ก่อนหน้านี้บริษัทพัฒนาที่ดินหลายรายใช้วิธีเปิดพื้นที่โซนด้านหน้าให้กับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเช่าพื้นที่เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์การค้า อาทิ บมจ.เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง บจ.เฉลิมนคร จำกัด ให้บริษัทเทสโก้ โลตัส ยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติรายใหญ่เช่าพื้นที่บริเวณด้านหน้าโครงการ
ปรากฏว่าประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย มีลูกค้าเข้าไปใช้บริการอย่างหนาแน่น ขณะเดียวกันยังทำให้จำนวนลูกค้าที่แวะเข้าเยี่ยมชมโครงการมีเพิ่มขึ้นด้วย
ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการ ผุดคอมมิวนิตี้ มอลล์ ด้านหน้าโครงการจัดสรรของบรรดาดีเวลอปเปอร์ นอกจากจะเป็นตัวสร้างรายได้แล้ว ยังเป็นตัวดึงดูดลูกค้าให้เข้ามายังโครงการอีกทางหนึ่งเหมือนกับที่หลายๆ บริษัทคาดหวังไว้จริงๆ
อย่าแปลกใจ...ถ้าจากนี้ไป "คอมมิวนิตี้ มอลล์" จะเกาะติดโครงการบ้านและคอนโดฯ เปิดให้บริการลูกค้าแบบครบวงจรถึงที่ เพราะงานนี้มีแต่ได้กับได้
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 19-04-2550
|
|
|
|
|
