|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ขยายบางนา-ตราดเชื่อมเทพารักษ์ ติดเวนคืนที่ดินเปิดใช้ไม่ทันปลายปีนี้ |
|
คอลัมน์ เวนคืนอัพเดต
ย่านบางนา-ตราด ทำเลที่คึกคักอยู่แล้วยิ่งกลายเป็นที่สนใจของนักธุรกิจและนักลงทุนทุกแขนงมากขึ้น โดยเฉพาะ ผู้ประกอบการบ้านจัดสรรที่ดิน ผู้ประกอบการด้านลอจิสติก ฯลฯ สาเหตุมาจากมีสนามบินนานาชาติแห่งใหม่หรือสนามบินสุวรรณภูมิเข้ามาเป็นแม่เหล็กดึงดูด
ในอนาคตอันใกล้นี้ถนนสายนี้จะเปล่งรัศมีดึงดูดการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
เนื่องจากกรมทางหลวง (ทล.) มีโครงการ ก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3256 สาย แยกทางหลวงหมายเลข 34 หรือถนนบางนา-ตราด บรรจบกับทางหลวงหมายเลข 3268 หรือถนนเทพารักษ์
ด้วยการขยายช่องการจราจรเพิ่ม จากเดิม 2 ช่องจราจรไป-กลับ เป็น 6- 8 ช่องจราจร ไป-กลับ พร้อมปรับปรุงถนนสายเดิมเสริมความหนาของผิวคอนกรีตให้หนาขึ้นอีกประมาณ 25 เซนติเมตร เพื่อให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันสภาพเส้นทางส่วนใหญ่ชำรุดทรุดโทรมเป็นหลุมเป็นบ่อ เพราะดินในบริเวณนี้ค่อนข้างอ่อนตัว
โดยกรมทางหลวงจะเริ่มทำการปรับปรุงและขยายถนน ตั้งแต่กิโลเมตรที่ 22+487.429 ถึง กิโลเมตรที่ 25+641.786 รวมระยะทางประมาณ 3.154 กิโลเมตร
เปิดประกวดราคาไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2548 ที่ผ่านมา โดยบริษัท สุวลี จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง วงเงินค่างาน 448 กว่าล้านบาท เริ่มต้นสัญญาก่อสร้างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2549 ที่ผ่านมา สิ้นสุดสัญญาวันที่ 10 สิงหาคม 2550 ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด 540 วัน
ถึงตอนนี้งานก่อสร้างผ่านไป 1 ปีเศษ แต่ความคืบหน้าของโครงการยังล่าช้ากว่าแผนงานมาก ช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การก่อสร้างมีความคืบหน้าเพียงแค่ 15% ล่าช้ากว่าแผนถึง 50%
"นาวิน พุทธคุ้มวงศ์" นายช่างโครงการ บอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัญหาหลักๆ คือเรื่องของการเวนคืนที่ดิน บริเวณสะพานข้ามคลองสำโรง ที่กรมทางหลวงจะต้องรื้อสะพานออกเพื่อสร้างใหม่ และขยายถนนเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 2 ช่องจราจร เนื่องจากบริเวณนี้เป็นคอขวดทำให้การจราจรติดขัดมาก
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ขณะนี้การเวนคืนที่ดินยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเจรจากับเจ้าของที่ดินอีกประมาณ 16 ราย เพราะ เจรจาเรื่องการจ่ายค่าชดเชยไม่ลงตัว
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการก่อสร้าง เนื่องจากสภาพพื้นที่บริเวณนี้ดินค่อนข้างอ่อนตัว ดังนั้นในการก่อสร้างผู้รับเหมาจะต้องมีการถมทรายทิ้งไว้ก่อน จากนั้นรอเวลาให้ทราบทรุดตัวไปตามธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 270 วัน เหมือนกับการก่อสร้างถนนบางพลี-บางบ่อ จึงจะเดินหน้าก่อสร้างได้
"จากปัญหาเหล่านี้ ทำให้ตอนนี้กรมทางหลวงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่างานทั้งหมดจะสร้างเสร็จและเปิดใช้ได้ทันเดือนสิงหาคมนี้ตามที่ได้ทำสัญญาไว้กับผู้รับเหมาก่อสร้างหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องเวนคืนที่ดิน ที่ต้องเจรจากับชาวบ้าน ยังไม่รู้ว่าจะจบและได้พื้นที่ส่งมอบให้ผู้รับเหมาเมื่อไหร่"
นายช่างนาวินยังบอกอีกว่า ความตั้งใจของกรมทางหลวงที่ขยายถนนเส้นนี้ เนื่องจากต้องการปรับปรุงถนนเดิมที่เก่าและชำรุดให้มีสภาพใหม่ และรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะเป็นถนนสายหลักที่สามารถเดินทางไปยังเทพารักษ์ สำโรง สมุทรปราการ บางนา-ตราด ถนนสุขุมวิทได้ ซึ่งรถที่มาใช้บริการถนนเส้นนี้ วันหนึ่งเฉลี่ย 40,000 คันต่อวัน
"ที่สำคัญเป็นการรองรับการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะคนเข้า-ออกเยอะมากในแต่ละวัน ถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ใช้ทางเส้นนี้ และผู้ประกอบการด้านขนส่งต่างๆ เพราะถนนเส้นนี้จะมีรถขนส่งเข้า-ออกตลอดทั้งวัน เนื่องจากเป็นย่านโรงงานและชุมชน"
พร้อมกับทิ้งท้ายว่า แม้โครงการจะล่าช้าไปบ้าง แต่อีกไม่นานโครงการต้องก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแน่ๆ และจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้การจราจรเคลื่อนตัวได้สะดวกมากขึ้น เอื้ออำนวยให้การจราจรเกิดความคล่องตัว รวดเร็วและประหยัดเวลาในการเดินทาง
ดูแล้วไม่ใช่แค่ผู้สัญจรไปมาเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ เจ้าของที่ดินและผู้ประกอบการจัดสรร ก็จะได้รับอานิสงส์ด้วย เพราะเมื่อโครงการเสร็จเรียบร้อยก็จะส่งผลให้ที่ดินมีมูลค่าสูงขึ้น และมีศักยภาพที่จะนำมาพัฒนามากขึ้น
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 02-04-2550
|
|
|
|
|
