|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ซีอีโอ โลธาร์ แฮร์มันน์ ภารกิจดัน "ซีเมนส์" สู้ศึกรถไฟฟ้า |
|
สัมภาษณ์
เกือบ 2 ปีเต็ม ที่ "โลธาร์ แฮร์มันน์" นั่งในตำแหน่งซีอีโอ บริษัท ซีเมนส์ จำกัด ประจำประเทศไทย ในฐานะเป็นผู้นำองค์กรธุรกิจข้ามชาติรายใหญ่ จึงมีภารกิจมากมายต้องสานต่องานด้านนโยบายและที่ริเริ่มขึ้นใหม่ แม้สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงที่ผ่านมาจะไม่ค่อยเอื้อมากนัก
ท่ามกลางปัจจัยลบหลายด้าน มุมมองในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทยของซัพพลายเออร์ยักษ์ใหญ่รายนี้เป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่หลายคนอยากรู้ ยิ่งหลังบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ลูกค้าที่ค้าขายกันมานานจะเปลี่ยนระบบอาณัติสัญญาณรถใหม่ ไม่ใช้ระบบของซีเมนส์อีกต่อไป และช่วงเวลาที่รัฐจะเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้า 5 สายทางขยับใกล้เข้ามา เขาจะพลิกกลยุทธ์รูปแบบไหนขึ้นสู่คู่แข่งขัน
"แฮร์มันน์" บอกว่าปีที่ผ่านมายอดขายกลุ่มระบบขนส่งของซีเมนส์เพิ่มขึ้น 20% ทำรายได้สูงถึง 4,500 ล้านยูโร มียอดสั่งซื้อใหม่ๆ เพิ่มขึ้น 30% คิดเป็นมูลค่า 6,200 ล้านยูโร เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ส่วนในประเทศไทยปีนี้ยังไม่มีโปรเจ็กต์ ทำให้คาดการณ์ลำบาก แต่เชื่อว่าน่าจะมียอดขายดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว
สำหรับในไทย ซีเมนส์ฯ ได้รับงานหลายโครงการ เริ่มตั้งแต่ปี 2538 ที่ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส 23.5 กิโลเมตร ต่อมาปี 2544 ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางซื่อ และปี 2548 ได้งานโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ และงานบำรุงรักษาให้บีทีเอส 10 ปี ถึงปี 2557
"ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แม้มีรัฐบาลหลายชุดเข้ามาบริหาร แต่เราก็ได้รับงาน และทำภายใต้กรอบงบประมาณที่วางไว้ และเสร็จล่วงหน้า แสดงให้เห็นว่าเราเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จ และโปร่งใส"
"แฮร์มันน์" มั่นใจว่าผลงานที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าซีเมนส์มีทีมงานที่แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพ และมีขีดความสามารถระดับโลก ในส่วนของทีมงานกลุ่มขนส่งปัจจุบันมีอยู่ 400 กว่าคน ซึ่งมีการพัฒนาทีมงานอย่างต่อเนื่องในการถ่ายทอดโนว์ฮาวให้กับพนักงานในท้องถิ่นต่างๆ อย่างเช่นร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ฝึกอบรมนักเรียนอาชีวะทุกปีๆ ละ 20 คน เป็นต้น ในส่วนนี้จะทำต่อไปเรื่อยๆ
เพราะนอกจากจะเผยแพร่เทคโนโลยีของ ซีเมนส์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างแล้ว ยังถือเป็นการต่อยอดทางธุรกิจ โดยใช้สังคมมาเป็นตัวทำการตลาด เพราะที่ผ่านมามีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าระบบของซีเมนส์ไม่เปิดกว้าง เหมือนกับรายอื่นๆ ทั้งที่จริงๆ แล้วเปิดกว้าง เพียงแต่ทุกอย่างต้องทำตามเงื่อนไขสัญญา
"การที่บีทีเอสเปลี่ยนระบบอาณัติสัญญาณใหม่ ไปใช้ยี่ห้ออื่น ยอมรับว่าเรามีผลกระทบ เพราะต้องคิดกระบวนการนำเสนอใหม่ในการประมูลงานต่อไปในอนาคต แต่มั่นใจว่าระบบของเราปลอดภัย เชื่อถือได้ และมีอายุใช้งานจริงนานถึง 30 ปี ไม่ใช่แค่ 15 ปี"
เพื่อไขข้อข้องใจว่าระบบของซีเมนส์เปิดกว้างจริงหรือไม่ บริษัทจะจัดสัมมนาเรื่องระบบ open system วันที่ 29 มีนาคมนี้ โดยจะเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งตัวแทนภาครัฐ และเอกชนมาชี้แจง
เมื่อถามถึงสาเหตุที่บีทีเอสเปลี่ยนระบบอาณัติสัญญาณใหม่ว่าอาจจะมาจากซีเมนส์แพงเกินไปหรือเปล่า ปรากฏว่าซีอีโอของซีเมนส์ทำท่าตกใจพร้อมกับรีบปฏิเสธเสียงดัง และเลี่ยงที่จะไม่ตอบ แต่ย้ำว่าปีที่แล้วยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 35% มียอดขายถึง 6,200 ล้านยูโร แสดงให้เห็นว่าลูกค้าทั่วโลกไม่คิดว่าซีเมนส์ขายของแพง
แม้ว่าการรื้อระบบอาณัติสัญญาณของ บีทีเอส จะทำให้ซีเมนส์ทำงานยากขึ้น แต่ยังเดินหน้าจะเข้าร่วมประมูลงานโครงการอื่นๆ ต่อไปอีก
"ตอนนี้กำลังดูรายละเอียดงานประมูลงานวางระบบอาณัติสัญญาณรถไฟฟ้าสายสีลม ช่วงสถานีตากสิน-สะพานตากสิน ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่กำลังจะเปิดประมูลใหม่แทนการจ้างโดยวิธีพิเศษ ส่วนโครงการอื่นๆ มีโครงการรถไฟฟ้า 5 สายทาง ก็เตรียมความพร้อมไว้แล้ว"
เมื่อถามว่าซีเมนส์มีข้อได้เปรียบคู่แข่งในจุดไหน "แฮร์มันน์" บอกว่าไม่มีข้อได้เปรียบเลย เพราะในการประมูลจะแข่งขันกันเต็มที่ แต่คิดว่าบริษัทมีข้อดีคือ มีทีมงานที่แข่งแกร่งกว่า 2,000 คน และส่วนใหญ่เป็นวิศวกร ทำให้การเดินรถไฟฟ้าที่ผ่านมาเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่บกพร่อง และนอกจากโนว์ฮาวแล้ว ซีเมนส์ยังมีประสบการณ์จากการวางระบบรถไฟฟ้า 3 สายในกรุงเทพฯ
"ผมเชื่อมั่นว่ารัฐต้องสร้างโครงการรถไฟฟ้าแน่ๆ เพราะกรุงเทพฯ ไม่ได้แตกต่างจากเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกแห่งอื่นๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในด้านการขนส่งระบบมวลชน ตอนนี้เมกะเทรนด์กำลังจะเกิดขึ้นคือ มีการกระจุกตัวในเมืองใหญ่ เพราะมีโครงสร้างพื้นฐานหลักจำนวนมาก ทำให้คนต้องการความสะดวกสบายมากขึ้นในการเดินทาง"
"แฮร์มันน์" มั่นใจว่า ซีเมนส์น่าจะมีสิทธิ์ได้งานโครงการสำคัญๆ เพราะมีทีมงานแข็งแกร่ง และที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจหลายงาน ทั้งบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน และแอร์พอร์ตเรลลิงก์
ในระหว่างรอประมูลรถไฟฟ้า 5 สาย ปัจจุบันซีเมนส์ฯ มีงานในมือหลายโครงการทั่วโลก อาทิ โครงการรถไฟฟ้าใต้ดินจากเมืองเกาจุง-ไต้หวัน ระยะทาง 42 กิโลเมตร ไฮสปีดเทรน ในประเทศจีนระยะทาง 115 กิโลเมตร เป็นรถไฟความเร็วสูงเชื่อมกรุงปักกิ่ง ที่จะรองรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปีหน้า
รถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นโครงการแรกที่ไม่ใช้คนขับ แต่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุม สำหรับโครงการที่ภาคภูมิใจมากที่สุด คือ รถไฟความเร็วสูงที่ประเทศสเปน เพราะใช้รถไฟรุ่น Velaro E ความเร็ว 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง เชื่อมระหว่างเมืองมาดริด-บาร์เซโรนา จะเริ่มดำเนินการกลางปีนี้
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 29-03-2550
|
|
|
|
|
