|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| อสังหาฯยุคโมเดิร์นเทรดครองเมือง 4บิ๊กปูพรมผุดสาขาทั่วปท.1.5หมื่นล. |
|
จับตามาร์เก็ตแชร์ร้านวัสดุ "โมเดิร์นเทรด" ไล่จี้ "เทรดิชั่นนอล" ร้านวัสดุก่อสร้างรูปแบบเก่า เพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 30% จากมูลค่ารวมตลาดวัสดุตกแต่งซ่อมแซมบ้าน หลังจากค่าย "โฮมโปร-โฮมเวิร์ค-อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์-เอส.บี.ฯ" ถมงบฯขยายสาขาในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา รวมกันแล้ว กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปีนี้ทุกค่ายยังเร่งผุดสาขาใหม่ไม่หยุดทั้งกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด
แม้ว่าหลายธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ธุรกิจโมเดิร์นเทรดวัสดุตกแต่งซ่อมแซมบ้านยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง และไซเคิลของธุรกิจนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกหลายปี ช่วงที่ผ่านมาจึงเห็นผู้ประกอบการชั้นนำอย่างโฮมโปร โฮมเวิร์ค อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และ เอส.บี.เฟอร์นิเจอร์ ขยายการลงทุนไม่หยุด ปัจจุบันทั้ง 4 ค่ายมีการเปิดสาขารวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 50 แห่ง
นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์วัสดุก่อสร้างและตกแต่ง "โฮมโปร" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากการประเมินตลาดวัสดุตกแต่งและซ่อมแซมบ้านคาดว่าปีที่ผ่านมามีมูลค่าตลาดรวม 1.17 แสนล้านบาท โดยร้านแบบเทรดิชั่นนอลเทรดมีแชร์ 70% และร้านโมเดิร์นเทรดมีแชร์รวมกัน 30%
ประมาณการว่าร้านโมเดิร์นเทรดมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% สูงกว่าตลาดวัสดุตกแต่งซ่อมแซมบ้านโดยรวมที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 5-10% ทำให้โมเดิร์นเทรดเข้าไปกินแชร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจัยหลักมาจาก 3 ส่วน คือ 1)มีการจัดวางสินค้าสวยงามและครบครัน 2)สะดวกในการชำระเงิน สามารถชำระและผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต และ 3)มีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ที่จอดรถ บริการจัดส่งสินค้า อย่างไรก็ตาม จะเติบโตได้อีกประมาณ 10 ปี หรือมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 60-65% จากนั้นจะเริ่มเข้าสู่จุดอิ่มตัว เนื่องจากร้านโมเดิร์นเทรดมีข้อจำกัดที่ต้องใช้งบฯลงทุนสูง การเปิดสาขาในบางทำเลจึงอาจไม่คุ้มทุน
ช่วงที่ผ่านมาโฮมโปรเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 27 สาขา มีพื้นที่ขายรวม 1.83 แสน ตร.ม. ปีนี้เตรียมเปิดบริการอีก 6 แห่ง ได้แก่ สาขาหนองแขม (เปิดบริการแล้ว) ชลบุรี รามอินทรา (กรุงเทพฯ) ระยอง พัทยา ส่วนสาขาสุดท้ายอยู่ระหว่างสรุป เบ็ดเสร็จใช้งบฯลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์เฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้าน "อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์" กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนธุรกิจโมเดิร์นเทรดว่า ช่วงที่ผ่านมาทั้งอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์, เอส.บี.เฟอร์นิเจอร์, โฮมโปร และโฮมเวิร์ค ขยายสาขาต่อเนื่องรวมกันกว่า 50 แห่งแล้ว ประเมินว่าต่อ 1 สาขาใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท เท่ากับว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีการลงทุนในธุรกิจนี้แล้วกว่า 15,000 ล้านบาท
สำหรับอินเด็กซ์ฯเริ่มเข้ามาในธุรกิจนี้ช่วงปลายปี 2545 ปัจจุบันมี 13 สาขา ใช้งบฯลงทุนแล้วเกือบ 4,000 ล้านบาท ปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ สาขาพิษณุโลก ในไตรมาสที่ 2 นี้ และอุดรธานี ช่วงปลายปี แต่ละสาขามีพื้นที่ขายประมาณ 10,000 ตร.ม. ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าเมื่อมีสาขาครบ 20 แห่ง จะเริ่มชะลอการเปิดสาขาใหม่ลง เพราะหาทำเลดีๆ ได้ยากขึ้น เฉพาะในกรุงเทพฯ คงมีสาขาใหม่อีกไม่เกิน 2 สาขา (รวมเป็น 10 สาขา)
ด้านนางธัญญรักข์ ชวาลดิฐ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท เอส.บี.อุตสาห กรรมเครื่องเรือน จำกัด ผู้บริหาร "เอส.บี.ดีไซน์สแควร์" เปิดเผยว่า ในปี 2550 เอส.บี.เตรียมเปิดตัวสาขาใหม่ในจังหวัดภูเก็ตบนพื้นที่ 6 ไร่ เยื้องเซ็นทรัล ใช้งบฯลงทุนกว่า 300 ล้านบาท นับเป็นสาขาแรกที่เป็นอาคารแบบสแตนด์อะโลน จากปัจจุบันมี 2 สาขา ตั้งอยู่ภายในโฮมโปร สาขารัชดาภิเษก และบางนา ใช้งบฯลงทุนรวม 600 ล้านบาท
ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัท ซีอาร์ซี เพาเวอร์รีเทล จำกัด ผู้บริหารศูนย์วัสดุตกแต่ง "โฮมเวิร์ค" ในเครือเซ็นทรัล เปิดเผยว่า โฮมเวิร์คใช้งบฯลงทุนในการขยายสาขาไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท ปัจจุบันมีสาขารวม 8 แห่ง แยกเป็นโฮมเวิร์ค โฮมเซ็นเตอร์ 6 แห่ง และโฮมเวิร์ค ดี.ไอ.วาย. (อยู่ภายในห้าง) 2 แห่ง
ส่วนในปี 2550-2551 วางแผนเปิดสาขาใหม่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดอีกอย่างน้อย 3 แห่ง อาทิ สาขาเชียงใหม่ เฉลี่ยต่อสาขาใช้งบฯลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท
"หลังจากนี้การขยายสาขาของโฮมเวิร์คจะเป็นแบบสแตนด์อะโลนทั้งหมด เพราะทำรายได้ดีกว่าสาขาแบบ ดี.ไอ.วาย. แต่ยังต้องผูกติดไปกับเซ็นทรัลหรือบิ๊กซีที่เป็นพันธมิตร เพราะการเปิดสาขาเดี่ยวโดยไม่อยู่ติดกับห้างค่อนข้างลำบากในการดึงลูกค้าเข้าร้าน"
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 12-03-2550
|
|
|
|
|
