| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 117 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 19-02-2550    อ่าน 11362
 "คอนโดวัน" ดันเรตติ้ง "แสนสิริ" "เพอร์เฟค"พลิกรับรู้รายได้ 3.3 พันล้าน

"ทริสเรทติ้ง" ประกาศจัดอันดับเครดิต "แสนสิริ" ของ เศรษฐา ทวีสิน ที่ระดับ "BBB" แนวโน้ม Stable หรือคงที่ สะท้อนสถานะผู้นำในตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะตลาดคอนโดฯ ระดับกลาง และมีแนวโน้มว่าอันดับเครดิตอาจเปลี่ยนแปลงเป็น "บวก" หากเพิ่มทุนเป็น 2 เท่าของทุนได้ตามแผน

ทริสระบุว่า แสนสิริแนวโน้มอันดับเครดิต "stable" มาจากความคาดหวังว่าบริษัทจะยังสามารถบริหารการก่อสร้างโครงการคอนโดฯ ได้ตามแผน ณ เดือนกันยายน 2549 แสนสิริมีโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดฯ สำหรับขาย 43 โครงการ มูลค่ารวม 43,547 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 58% คอนโดฯ 30% และทาวน์เฮาส์ 9% ราคาขายเฉลี่ยลดลงเป็น 5.6 ล้านบาท/หน่วย ชี้ให้เห็นว่าหันไปเน้นตลาดระดับปานกลางมากขึ้น ณ เดือนกันยายน 2549 แสนสิริมียอดขายรอรับรู้รายได้ 15,000 ล้านบาท มีมูลค่าโครงการพร้อมขาย 15,662 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 82% คอนโดฯ 11% และทาวน์เฮาส์ 3%

ช่วง 9 เดือนแรกปี 2549 แสนสิริมีอัตราการเติบโตของยอดขายบ้านและคอนโดฯ สูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม มาจากความสำเร็จของสินค้าใหม่ คือ "คอนโดวัน" และการเปิดตัว โครงการอย่างต่อเนื่อง มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจาก 6,569 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 9,910 ล้านบาทในปี 2548 และ 8,092 ล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2549 หรือคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 26% จาก 6,430 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของ ปี 2548

แม้ความสามารถในการทำกำไรจะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 25%-28% อัตรากำไรจากการดำเนินงานประมาณ 10% ระหว่างปี 2548-2549 แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างและค่าโสหุ้ย นอกจากนี้การมีโครงการจำนวนมากแต่ล้วนมีขนาดเล็ก ทำให้ไม่สามารถสร้างประโยชน์การประหยัดจากขนาด (economy of scale) ได้ อีกทั้งการแข่งขันในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

สัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของ แสนสิริปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 49% ณ เดือนกันยายน 2549 แต่การพัฒนาคอนโดวันและโครงการคอนโดฯอื่นๆ มียอดรอส่งมอบ 9,000 ล้านบาท จะทำให้ต้องใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างอย่างต่ำ 3,000 ล้านบาท และมีแผนเพิ่มทุนอีก 1 เท่าเป็น 12,608 ล้านบาท โดยขายหุ้นทุนแบบเฉพาะเจาะจง 6,304 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายโครงการ และรักษาสัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ไม่ตึงตัวจนเกินไปที่ 1 เท่า

ในส่วนของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคฯ ของ ชายนิด โง้วศิริมณี ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุถึงสาเหตุที่ปรับลดอันดับเครดิต เพราะนอกจากผลประกอบการต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และการเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนหนี้สินในปี 2549 ทำให้มีความคล่องตัวทางการเงินลดลง และมีความเสี่ยงในการกู้เงินใหม่เพื่อชำระคืนหนี้เดิม (refinancing risk) แล้ว ยอดขายและกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ยังลดลงมาก โดยเฉพาะช่วง 9 เดือนแรก มียอดขายลดลง 17% และ EBITDA ลดลง 63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียว กันของปีก่อน จากการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาฯ ต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น และแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2549 น่าจะมียอดขายและ EBITDA ดีขึ้น และคาดว่าในปี 2550 จะมีผลประกอบการดีขึ้นมาก จากยอดขายที่ยังไม่ได้รับรู้เป็นรายได้ที่ 3.3 พันล้านบาท ณ สิ้น ปี 2549 ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2550 เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้การที่มีแผนการซื้อที่ดินลดลง และคาดว่าบริษัทจะงดจ่ายเงินปันผลในปี 2550 น่าจะทำให้หนี้สินสุทธิของบริษัทลดลง โดย อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (Net Debt to Ebitda) น่าจะลดมาอยู่ที่ 7 เท่า ภายในสิ้นปี 2550

ทั้งนี้ การแข่งขันในธุรกิจอสังหาฯ ที่รุนแรงขึ้น น่าจะกระทบกระแสเงินสดของเพอร์เฟ็กต์ แม้บริษัทจะมีเงินสด 313 ล้านบาท และวงเงินที่สามารถเบิกจ่ายได้จากธนาคาร2.8 พันล้านบาท

ถ้าบริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีอัตราส่วนหนี้สินลดลงจะช่วยให้เครดิตปรับตัวดีขึ้น

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 19-02-2550 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.