|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| เตือนจัดสรรรายเล็กบริหารสภาพคล่อง ผู้ว่าแบงก์ชาติฟันธงอสังหายังเป็นบวก |
|
ผู้ว่าการแบงก์ชาติฟันธงอสังหาฯปี"50 ทิศทางยังเป็นบวก เหตุจากปัจจัยดอกเบี้ย น้ำมัน เงินเฟ้อเอื้อ แถมได้น้ำเลี้ยงงบประมาณภาครัฐ-เมกะโปรเจ็กต์ ชี้ระดับบิ๊กไม่น่าห่วง แต่รายกลางรายเล็กเริ่มขาดสภาพคล่อง นายแบงก์ปลุกใจดีมานด์ไม่ได้หายไปไหนแค่คนซื้อบ้านชะลอการตัดสินใจ เผยมาร์จิ้นลดฮวบทั้งระบบเพราะแข่งหนัก มือสมัครเล่นตกที่นั่งลำบาก หืดขึ้นคอขอโปรเจ็กต์ไฟแนนซ์ยากขึ้น
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในงานสัมมนาใหญ่ประจำปีของ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ "อสังหาริมทรัพย์ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2550" ซึ่งจัดขึ้นที่สวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด รัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ธุรกิจอสังหาฯมีความสำคัญและเป็นดัชนีหลักอันหนึ่งที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และภาวะเศรษฐกิจก็มีผลต่อธุรกิจอสังหาฯทั้งระบบ การมองว่าแนวโน้มของธุรกิจนี้จะเป็นอย่างไร อาจวิเคราะห์ได้จากเศรษฐกิจโดยรวมทั้งระบบ
จากข้อมูลล่าสุดของ ธปท. ณ ไตรมาสที่ 3/2549 จีดีพีมีการขยายตัวจากไตรมาสก่อน 17% และตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจหลักยังเป็นการส่งออก และเมื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ้นปี 2549 คาดว่าทั้งปีตัวเลขจีดีพีคงขยายตัวประมาณ 5.1% จากปี 2548 ส่วนปีนี้อัตราการเติบโตน่าจะอยู่ที่ 4.5% และตัวขับเคลื่อนสำคัญยังเป็นการส่งออก ส่วนการลงทุนและการใช้จ่ายของภาคเอกชนจะอยู่ที่ 4.5-5.5% ภาคราชการ 3.5-4.5% สำหรับภาวะเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยปีนี้จะทรงตัว และเงินเฟ้อพื้นฐานประมาณ 1-2%
 นางธาริษากล่าวว่า นอกจากตัววัดหลักๆ ข้างต้นแล้ว ปัจจัยอื่นๆ ก็อยู่ในระดับที่ดี ทั้งความมีเสถียรภาพทางการเงิน ระบบสถาบันการเงินที่มีความแข็งแกร่ง หนี้ภาคครัวเรือน หนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ลดลง ทั้งหมดนี้จะช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่อาจชะลอตัวลงตามเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้งบประมาณรายจ่ายภาครัฐและเมกะโปรเจ็กต์จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง
ในส่วนของอสังหาฯเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ปี 2548 สำหรับปีนี้อัตราการชะลอตัวจะมากกว่าปี 2549 ทั้งกำลังซื้อและการลงทุนของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายกลางและรายเล็กที่เริ่มขาดสภาพคล่อง โดยสรุปปีนี้ปัจจัยหลายอย่างยังเอื้อต่อธุรกิจอสังหาฯ แต่ปัจจัยเสี่ยงก็ยังมีอยู่
นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ตัวเลขที่น่าสนใจซึ่งน่าจะสะท้อนให้เห็นภาวะตลาดอสังหาฯช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา คือยอดสินเชื่อคงค้างและสินเชื่อปล่อยใหม่ที่มีแนวโน้มลดลง จากเดิมมักจะเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะมาจากราคาซื้อขายบ้านลดลง และกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง
 ที่น่าห่วงคือที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จกลับมีปริมาณเพิ่มขึ้น ภาครัฐจึงน่าจะเข้ามาช่วยกระตุ้นโดยการลดดอกเบี้ย โดยปีนี้ตลาดบ้านจะชะลอตัวรุนแรงขึ้น สภาพคล่องของธุรกิจจะลดลง และปัญหา โอเวอร์ซัพพลายบ้านระดับบนจะมีมากขึ้น
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มองว่าดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทำให้คนซื้อบ้านมีภาระเพิ่มขึ้นมาก จึงอยากให้ภาครัฐลดดอกเบี้ยเพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อ ในส่วนของ ธอส.เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมาปรับลดดอกเบี้ยลงแล้ว 0.25% ส่วนด้านซัพพลายมั่นใจว่ายังไม่มีปัญหา แม้ปีนี้จะมีบ้านสร้างเสร็จ 8.3 หมื่นหน่วย แต่การเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีแนว โน้มลดลงจะทำให้ซัพพลายออกสู่ตลาดลดลงด้วย
ด้านนายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล กรรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) มองว่า แม้ลูกค้าชะลอตัดสินใจซื้อบ้านเนื่องจากไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจและการเมือง แต่ดีมานด์ยังมีอยู่ โดยเฉพาะในตลาดทาวน์เฮาส์ ซิตี้คอนโดฯ ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ในส่วนของคอนโดฯแม้จะมีซัพพลายเพิ่มแต่ดีมานด์ก็ยังมีและหลายโครงการยังขายดี
ที่น่าห่วงคือผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ล้วนมีกำไรน้อยลง โดยปี 2549 มีกำไรสุทธิ 5-15% เทียบกับปี 2548 ที่อยู่ในระดับ 10-20% สาเหตุมาจากส่วนใหญ่หันมาจับตลาดบ้านและคอนโดฯ ในระดับราคาที่ต่ำลง และการขยายตัวของธุรกิจอสังหาฯต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ มีการแข่งขันด้านราคามากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายกลางรายเล็กตกที่นั่งลำบาก ส่งผลความเป็นไปได้ของโครงการมีน้อยลง และขอสินเชื่อพัฒนาโครงการได้ยากขึ้น
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 05-02-2550
|
|
|
|
|
