| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 53 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 15-01-2550    อ่าน 11501
 เปิดผลสำรวจตลาดอสังหาฯ วัดกำลังซื้อบ้าน-คอนโดปี"50

สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2549 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆ แม้จะเจอกับปัจจัยลบรุมเร้าต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 แต่ทิศทางการเติบโตถือว่ายังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้บริษัทพัฒนาที่ดินหลายๆ รายจะผลักดันยอดขายได้ตามเป้าแบบเฉียดฉิว และมีอีกไม่น้อยที่ต้องปรับลดเป้ารายได้ลง ขณะที่กำลังซื้อไหลรูดมาอยู่ที่กลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง โดยมีสินค้าเด่น "ซิตี้ คอนโดมิเนียม" ราคาขาย 1 ล้านต้นๆ เกาะแนวรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินเป็นพระเอก

ล่าสุด ฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในเครือบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยผลวิจัยตลาดอสังหาฯ ปี 2549 โดยวิเคราะห์ข้อมูลเป็นรายเซ็กเตอร์ แบบละเอียดยิบ

ข้อมูลจากการสำรวจของพลัสฯ ระบุว่าปี 2549 ตลอดทั้งปีธุรกิจอสังหาฯ มีสัญญาณชะลอตัวในส่วนของสินค้าประเภทบ้านเดี่ยว สวนทางกับคอนโดมิเนียมที่มีอัตราการขยายตัวสูงมาก จนอาจกล่าวได้ว่าช่วงปี 2545-2548 ซึ่งเป็นช่วง ที่ตลาดคอนโดฯ เติบโตสูงสุด

ปีที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาฯ ต้องผจญกับปัจจัยลบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมันที่ยังมีความผันผวน อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นรวดเร็ว ซึ่งส่งผลต่อภาวะอุปสงค์ในตลาดและต้นทุนการพัฒนาโครงการ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการตัดสินใจซื้ออสังหาฯ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรก ที่มีผลโดยตรงต่อการตัดสินในการซื้อที่อยู่อาศัย ทำให้ผู้ประกอบการต้องศึกษาตลาดอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพลัสฯ ระบุว่า จากการสำรวจพบว่าครึ่งหลังปี 2549 มีโครงการใหม่เกิดขึ้น 609 โครงการ คิดเป็นจำนวนยูนิต 39,406 ยูนิต ลดลง 11% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี 2548 แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 25,190 ยูนิต จาก 456 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 14,216 ยูนิต จาก 153 โครงการ

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยอดขายช่วงครึ่งปีแรกชะลอตัว ปริมาณบ้านเหลือขายในโครงการต่างๆ ยังมีอยู่ และผู้ประกอบการได้รับแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้น รวมทั้งตลาดมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง ทำให้อัตรากำไรของผู้ประกอบการลดลงจากที่ประมาณการไว้ สำหรับจำนวนยูนิตที่เสนอขายส่วนใหญ่ยังคงกระจายตัวในพื้นที่ทิศเหนือเป็นหลักจำนวน 14,871 ยูนิต คิดเป็น 38% ของยอดขายทั้งหมด

"กันติทัต มลทา" ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ให้ความเห็นว่า อสังหาฯในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2549 ที่ผ่านมาโครงการทาวน์เฮาส์เติบโตขึ้นมากกว่าครึ่งปีแรก ขณะที่โครงการบ้านเดี่ยวเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก เป็นจากผลจากการปรับตัวของผู้ประกอบการที่มุ่งพัฒนาโครงการให้สอดรับกับความต้องการซื้อในภาวะตลาดปัจจุบันมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการเริ่มพิจารณาใช้กลไกตลาดเป็นเครื่องชี้นำการผลิต

เมื่อพิจารณาระดับราคาที่เปิดขาย จะพบว่าโครงการบ้านเดี่ยว 3-5 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 37% ส่วนทาวน์เฮาส์ที่เปิดขายมากที่สุดอยู่ในระดับ 1-3 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 43%

ยอดขายบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ลดฮวบ

โดยยอดขายเฉลี่ยของบ้านเดี่ยวในทุกพื้นที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 37% ปรับลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 3.1 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ จาก 5.3 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548

โดยพื้นที่โซนตะวันออกมียอดขายสูงสุด 46% มียอดขายเฉลี่ย 5.2 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ส่วนพื้นที่โซนเหนือ และโซนใต้มียอดขายต่ำสุด ที่ 29% นอกจากนี้ยอดขายบ้านเดี่ยวในพื้นที่ทิศเหนือได้ปรับลดจากช่วงเดียวกันของปี 2548 ถึง 26% โดยมียอดขายเฉลี่ยลดลงอยู่ที่ 2.9 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ จาก 9.8 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ เนื่องจากมีปริมาณยูนิตเปิดขายสูงกว่าพื้นที่อื่นๆ

ส่วนยอดขายทาวน์เฮาส์ในทุกพื้นที่อยู่ที่ 43% ลดลงกว่า 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2548 มียอดขายเฉลี่ย 6.1 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ พื้นที่ทางโซนใต้และโซนเหนือมียอดขายสูงสุด 57% และ 45% ตามลำดับ

"จะเห็นว่ายอดขายโครงการแนวราบชะลอตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ตามแรงกดดันของปัจจัยลบต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสถานะเป็นอยู่และรายจ่ายของผู้บริโภคโดยตรง ประกอบกับราคา ที่อยู่อาศัยที่มีการปรับขึ้น จึงทำให้ความต้องการ ที่อยู่อาศัยอ่อนตัวลง"

คอนโดฯโตพรวด 78%b>

สำหรับตลาดคอนโดฯ ครึ่งหลังปี 2549 มีโครงการใหม่เปิดขายทั้งสิ้น 56 โครงการ คิดเป็นจำนวนยูนิต 17,637 ยูนิต เติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก 78% หรือเพิ่มขึ้น 7,260 ยูนิต

ตลอดทั้งปี 2549 มีคอนโดฯ เปิดขายทั้งสิ้น 27,550 ยูนิต โดย 1 ใน 3 ของจำนวนห้องชุด เปิดขายใหม่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่รัชดาภิเษก-ลาดพร้าว ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 1-3 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายสะสม ณ ปี 2549 อยู่ที่ 91% เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 0.6%

ฝ่ายวิจัยฯของพลัสระบุว่า ปริมาณยอดขายคอนโดฯ ในปี 2549 มีทั้งสิ้น 18,095 ยูนิต สูงกว่าปี 2548 ถึง 9,926 ยูนิต คิดเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.2 เท่าตัว โดยพื้นที่รัชดาภิเษกยังคงมียอดขายสูงสุด 6,785 ยูนิต นอกนั้นมีสุขุมวิท 3,303 ยูนิต, ธนบุรี-ริมแม่น้ำ 2,182 ยูนิต และพหลโยธิน 2,162 ยูนิต สาเหตุที่ยอดขายเพิ่มขึ้นเกือบทุกพื้นที่ เนื่องจากผู้ประกอบการได้ทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ช่องทางการขายที่หลากหลาย เช่น โฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกแขนง

ทำเลพญาไทแชมป์ปรับราคาขึ้น

ในส่วนของราคาขายห้องชุดในคอนโดฯ นั้น ช่วงที่ผ่านมาราคาขายโดยเฉลี่ยปรับขึ้น 11% เนื่องจากต้นทุนในการก่อสร้าง และราคาที่ดิน มีการปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน และสภาพตลาด โดยพื้นที่พญาไทมีการปรับราคาขายมากที่สุด 34% หรือเพิ่มขึ้น 19,280 บาทต่อตารางเมตร คิดเป็น 75,280 บาทต่อตารางเมตร รองลงมาพื้นที่สุขุมวิท 10% หรือปรับเพิ่มขึ้น 7,818 เป็น 83,103 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่พื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจยังคงเป็นพื้นที่ที่มีโครงการคอนโดฯ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 91,198 บาทต่อตารางเมตร ปรับขึ้นจากช่วงเดียวกัน 4% หรือเพิ่มขึ้น 3,426 บาทต่อตารางเมตร

อสังหาฯ ปี"50 ไม่ "หมู"

"เมธา จันทร์แจ่มจรัส" ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ฯ วิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจอสังหาฯ ปี 2550 ว่า ยังคงเติบโตใกล้เคียงกับปี 2549 โดยมีสมมติฐานว่า ระดับราคาน้ำมันทรงตัวและไม่ผันผวนเหมือน 1-2 ปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงอยู่ในระดับ 1.5-3.0% ซึ่งจะทำให้แรงกดดันด้านภาระรายจ่ายของผู้บริโภคลดลง

นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง 0.5-1% ในปีนี้ จะเป็นช่วยเอื้อต่อการซื้อที่อยู่อาศัยให้ขยายตัวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ที่น่าจับตามองคือการลงทุนของภาครัฐด้านสาธารณูปโภค เพราะจะมีส่วนสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการขยายการลงทุนในธุรกิจมากขึ้น

ปี 2550 ซัพพลายที่อยู่อาศัยใหมทุกประเภท ทั้งบ้านเดี่ยว,ทาวน์เฮาส์, คอนโดฯ คาดว่าจะอยู่ที่ 66,000 ยูนิต ในจำนวนนี้ คาดว่าจะมีปริมาณการดูดซับออกไปแล้วประมาณ 62% โดยกลุ่มราคาที่มีความต้องการซื้อมากสุด ได้แก่ บ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 1.5-3 ล้านบาท และคอนโดฯ ราคา 1-3 ล้านบาท

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 15-01-2550 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.