|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| วัดฝีมือ "อภิรักษ์" ประเดิมรถเมล์ "บีอาร์ที" สายแรก ช่องนนทรี-สะพานกรุงเทพ |
|
ถูกดองมานานนับปี ในที่สุดก็สามารถ ปลดล็อกได้สำเร็จ สำหรับโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ หรือ บีอาร์ที โครงการหาเสียงของ "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไฟเขียว อนุมัติให้ กทม.รับใบอนุญาตประกอบการเดินรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ จากกรมการขนส่งได้ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2550 ที่ผ่านมา
แต่ให้นำร่องก่อน 1 สาย คือสายช่องนนทรี-สะพานกรุงเทพ ระยะทาง 16.5 กิโลเมตร มูลค่า 1,400 ล้านบาท เนื่องจากเป็นเส้นทางที่เคยมีการจัดทำช่องทางเดินรถพิเศษเฉพาะช่วงก่อนหน้านี้มาแล้ว ลักษณะกายภาพจึงเหมาะสมจะดำเนินการ ที่สำคัญถนนสายนี้ยังเป็นเส้นทางสายรอง เสริมโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสได้
ส่วนสายนวมินทร์-เกษตร-หมอชิต ครม.ให้ชะลอออกไปก่อน เพราะติดปัญหาพื้นที่ก่อสร้างที่ไม่เอื้อ เนื่องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) มีโครงการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ บริเวณเกาะกลางถนนช่วงเกษตร-นวมินทร์ อีกทั้งยังมีปัญหาสภาพการจราจรที่แออัดบริเวณแยกเกษตรอีกด้วย
พลันที่ ครม.มีมติอนุมัติ "อภิรักษ์" ก็ถือ โอกาสลุยงานแบบติดจรวด ด้วยการเชิญบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่ชนะการประกวดราคาในช่วงก่อนหน้านี้ มาลงนามในสัญญาก่อสร้าง วงเงิน 661.21 ล้านบาท ช่วงเช้าของวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมาทันที พร้อมตั้งเป้าจะเปิดให้บริการได้ปลายปีนี้ หรือไม่ก็ต้นปีหน้า
หากมองแบบผิวเผิน ดูเหมือนทุกอย่างจะไปได้สวย แต่เมื่อลงลึกไปในรายละเอียดแล้ว โครงการนี้ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยเป็นรูปธรรมสักเท่าไหร่ เพราะรายละเอียดรูปแบบของโครงการยังไม่ได้ ข้อสรุปว่า รูปแบบระบบรถที่จะนำมาวิ่งออกมาเป็นแบบไหน เอกชนหรือ กทม.จะเป็นผู้ลงทุนเอง แม้แต่ "อภิรักษ์" เองก็ยังตอบไม่ได้
ล่าสุดในการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.เพิ่งมีคำสั่งให้สำนักการจราจรขนส่งและขนส่ง (สจส.) ไปจัดทำรายละเอียดมาเสนอ
อย่างไรก็ตาม โครงการรถบีอาร์ทีตามแนวคิดของผู้ว่าฯ กทม. จะแยกระบบขนส่งมวลชนออกจากกระแสการจราจร ทำให้การเดินรถสามารถทำได้เร็ว ไม่ต้องติดไฟแดง โดยใช้ช่องทางชิดเกาะกลางถนน และมีสถานีตั้งอยู่บนเกาะกลาง ให้บริการทุกๆ 3-5 นาที ในรูปแบบเดียวกับการขนส่งมวลชนระบบราง มีศูนย์ควบคุมและบริหารจัดการเดินรถ โดยใช้ระบบขนส่งอัจฉริยะ เพื่อให้ตรงต่อเวลาและความปลอดภัย
ส่วนระบบตั๋วจะเป็นแบบไร้สัมผัส (contact-less smart card) จัดเก็บค่าโดยสารก่อนขึ้นรถ และสามารถใช้ตั๋วร่วมกับระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ได้
สำหรับอัตราค่าโดยสารจะไม่เกินอัตราของรถโดยสารปรับอากาศ คิดเป็นค่าแรกเข้า 10 บาท จากนั้นจะคิดในอัตรากิโลเมตรละ 1 บาท ทำให้ผู้โดยสารประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มาก
ด้านสเป็กรถโดยสารจะมีลักษณะทันสมัย นำเข้าจากต่างประเทศ มีความยาว 18 เมตร จุผู้โดยสาร 150 คน ใช้เชื้อเพลิงสะอาด ไม่ก่อมลพิษ ระบบเอ็นจีวี หรือดีเซลยูโร
สำหรับสายช่องนนทรี-สะพานกรุงเทพ ที่ ครม.อนุมัติให้ กทม.ประเดิมก่อนเป็นสายแรก จะมีทั้งหมด 15 สถานี โดยจุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีสีลม ช่องนนทรี สาทร เย็นอากาศ ถนนจันทน์ รัชดาภิเษก พระรามที่ 3 คลองตาเริก วัดด่าน ปริวาส วัดดอกไม้ สะพานพระราม 9 เจริญราษฎร์ ถนนตก สิ้นสุดที่สถานีราชพฤกษ์
หลังจากเปิดให้บริการแล้ว กทม.คาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสาร เข้ามาใช้บริการในปีแรกที่เปิดให้บริการปี 2550 จำนวน 55,500 คน ปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 108,600 คน
หากไม่มีปัญหาอุปสรรคทำให้โครงการนี้สะดุดไปอีก ปลายปีนี้ฝันของคนกรุงเทพฯก็จะเป็นจริง ได้ใช้รถเมล์บีอาร์ทีสมใจเสียที
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 08-01-2550
|
|
|
|
|
