Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
สุวรรณ คงขุนเทียน มือออกแบบ "โยธกา" เปิดตลาดใหม่ปั้นเฟอร์นิเจอร์เด็ก |
|
อาจกล่าวได้ว่า ช่วงชีวิตในวัย 57 ปี ของ "สุวรรณ คงขุนเทียน" อัดแน่น ไปด้วยประสบการณ์ ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง "โยธกา" แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่มีอายุยาวนาน 19 ปี
วันนี้ "โยธกา" ส่งออกสินค้าไปแล้วเกือบ 40 ประเทศทั่วโลก และยังไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาโปรดักต์และขยายตลาดใหม่ๆ ด้วยการวางกลยุทธ์ "ดีไซน์" นำหน้า "การตลาด" เพราะ กลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัททั้ง 6 ราย ทุกคนล้วนเรียนจบทางด้านการออกแบบมาทั้งสิ้น
ถามว่า "โยธกา" มีวิธีคิดอย่างไร ?
"หลักของผมคือสิ่งที่เราออกแบบมาต้องสนอง need เพราะเราเป็นดีไซเนอร์ไม่ใช่นักการตลาด" "สุวรรณ คงขุนเทียน" ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ บริษัท โยธกา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สรุปสั้นๆ เมื่อ "ประชาชาติธุรกิจ" ถามถึงแนวคิดในการออกแบบ
เขาขยายความต่อว่า การจะบอกว่า อะไรที่ทำให้มั่นใจว่าสิ่งที่ออกแบบมาแล้วจะสนอง need ได้ ทั้งหมดเกิดจากประสบการณ์ที่สั่งสม ชิ้นงานออกแบบที่ผ่านมาในแต่ละรุ่นจึงมีน้อยมาก ที่ทำยอดขายไม่เข้าเป้าคือไม่ถึง 1 ล้านบาทต่อปี
ล่าสุดเขากำลังสนุกกับการปลุกปั้นแบรนด์ใหม่ "ปิโย จูน บาย โยธกา" เฟอร์นิเจอร์ย่อส่วนที่ทำออกมาสำหรับเด็กอายุ 4-9 ขวบโดยเฉพาะ เป็นนิชมาร์เก็ตที่น่าสนใจ
"จริงๆ ผมอยากทำเฟอร์นิเจอร์เด็กมาตั้งนาน แต่ติดตรงที่วัตถุดิบอย่างผักตบชวามันมีกลิ่น จนมาเจอวัสดุ "โพลีเอทธิลีน" เมื่อ 2 ปีก่อน มันตอบโจทย์ได้หมดก็ลงมือทำทันที เพราะงาน 90% ของโยธกาเป็นแฮนด์เมดทั้งหมด จึงไม่จำเป็นต้องลงทุนเครื่องจักรเพิ่ม"
ผลตอบรับของ "ปิโย จูน" แบรนด์ที่เกิดจากการผสมคำว่า "ปิโย" ในภาษาบาลีสันสกฤตที่หมายถึงความน่ารัก และ "จูน" มาจาก "Jurior" ที่แปลว่าเด็ก ในงาน BIG 2005 เมื่อปลายปีที่ผ่านมาถือว่าเริ่มต้นได้สวย เพราะทำยอดขายภายในงานเดียวได้ 13 ล้านบาท
ตลาดต่างประเทศค่อนข้างให้การตอบรับดี เช่น อเมริกา ยุโรป ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ เพราะไลฟ์สไตล์แตกต่างจากคนไทย ฝรั่งจะแยกห้องนอนลูกตั้งแต่เด็ก ของใช้ทุกอย่างสำหรับเด็กจึงเป็นอีกตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล ส่วนลูกค้าคนไทยที่ซื้อจริงๆ จะเป็นกลุ่มที่มีฐานะดีหรือเรียนจบมาจากนอก เพราะบางคนยังคิดว่าเฟอร์นิเจอร์เด็กเป็นของฟุ่มเฟือย สามารถใช้ร่วมกับผู้ใหญ่ก็ได้
วิธีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์เด็ก "สุวรรณ" ยืนยันว่า ไม่ใช่แค่การย่อไซซ์ให้เล็กลง แต่ต้องทำให้เฟอร์นิเจอร์ต้องสมส่วน สวยงาม และนั่งสบายในเวลาเดียวกัน
เบ็ดเสร็จแล้วทั้งคอลเล็กชั่นมีประมาณกว่า 20 ชิ้น เช่น เก้าอี้ โซฟาเบด ฯลฯ เรียกว่าสามารถตกแต่งบ้านสำหรับเด็กได้ทั้งหลัง ส่วนราคาถือว่าใช้ได้ทีเดียว เช่น เก้าอี้นั่งราคาประมาณ 3,000-4,000 บาท ขณะที่เก้าอี้ผู้ใหญ่ราคา 5,000-6,000 บาท
ที่น่าทึ่งก็คือเรื่องความแข็งแรง เพราะเฟอร์ นิเจอร์บางตัวรองรับน้ำหนักตัวผู้ใหญ่ได้สบายๆ
"หลังจากเปิดตัวมาประมาณ 1 ปี เราทำยอดขายได้แล้วเกือบ 20 ล้านบาท ถือว่าได้ดั่งใจนะ อย่างน้อยเราก็เดินมาถูกทาง แต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าจะอยู่รอดไปตลอด ต้องดูไปอีก 3 ปี 5 ปี"
ถามว่า อะไรคือความยากของการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ "สุวรรณ" นิ่งคิดพักหนึ่งก่อนตอบว่า... "ไม่มีอะไรยากนะ แต่ความยากคือการออกแบบสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอมากกว่า ผมว่าดีไซเนอร์มีเรื่องแบบนี้เหมือนกันทุกคน"
ที่ผ่านมาโยธกาจึงไม่หยุดนิ่งในการคิดค้นสิ่งใหม่ จากยุคแรกๆ ที่ใช้วัตถุดิบเป็น "ผักตบชวา" พัฒนาสู่วัสดุที่เป็น "โพลีเอทธิลีน" และล่าสุดกำลังพัฒนาไปสู่การนำ "กระดาษใยสับปะรด" มาเป็นวัตถุดิบส่วนหนึ่งในการผลิตเก้าอี้
"ผมเอากระดาษใช้ทำพนักพิงเก้าอี้ ก็ลองมาหลายวิธีมาก ทั้งขยำ ปั้น ก็ยังไม่ได้ สุดท้ายมาปิ๊งตอนเห็นสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองที่มันหนาๆ ก็เลยปิ๊งขึ้นมาว่า ทำไมไม่เอากระดาษมาอัดให้แน่น"
สินค้ารุ่นใหม่ที่ "สุวรรณ" เรียกว่า เป็นเก้าอี้ลูกผสมที่เกิดจากการ "มิกซ์โปรดักต์" ได้แก่ พนักพิงที่ทำจากกระดาษอัด โครงเหล็ก และวัสดุปิดผิวทำจากหนัง เตรียมเปิดตัวเป็นทางการในงาน TIFF 2007 ช่วงต้นปีหน้า ถือเป็นการแตกไลน์ในเชิงโปรดักต์อีกครั้งของโยธกา
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นดีไซเนอร์เขากลัวการถูกลอกเลียนแบบหรือไม่ ?
เขาบอกว่า วันนี้มีมุมมองที่แตกต่างออกไปจากเดิม สมัยก่อนเรื่องความกลัวมีแน่นอนแต่ตอนนี้ไม่แล้ว ถ้ามีคนเลียนแบบแสดงว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบนั้นขายดี เป็นที่ยอมรับถึงมีคนทำตาม
ที่สำคัญโยธกาจับกลุ่มลูกค้าค่อนข้างไฮเอนด์ แต่สินค้าเลียนแบบตลาดจะขายได้ในตลาดล่างเป็นส่วนใหญ่ เพราะไม่ได้มองว่าจะต้องซื้อของที่ผลิตโดยบริษัทนี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็มีการป้องกันตัวเองด้วยการจดสิทธิบัตรถึงวันนี้มีแล้วมากกว่า 100 รายการ ล่าสุดโยธกาเพิ่งชนะคดีฟ้องร้องละเมิดสิทธิบัตร ซึ่งว่ากันว่าเป็นเคสแรกที่เกิดขึ้นในวงการเฟอร์นิเจอร์
"สุวรรณ" ให้ข้อคิดในฐานะดีไซเนอร์ว่า ทุกคนอาจมองประเทศจีนว่าใช้การก๊อบปี้สินค้า แต่วันหนึ่งจีนต้องพัฒนาดีไซน์และสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าเรายังมัวมาก๊อบปี้สินค้ากันเองก็จะตกเป็นทาสความคิด สิ่งใหม่ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น
อาจเป็นเพราะจุดนี้จึงทำให้เขาตัดสินใจรับตำแหน่งนายกสมาคม Design & Object (D & O) ที่เกิดจากการรวมกลุ่มของดีไซเนอร์ที่ผันตัวเองมาทำธุรกิจเอสเอ็มอี เป้าหมายเพื่อพัฒนางานออกแบบและสร้างแบรนด์ ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 80 ราย โดยเพิ่งเปิดตัว "เอาต์เลต" แห่งแรกที่ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่าเมื่อเร็วๆ นี้
เพราะถ้าโปรดักต์ดี มีดีไซน์ มันก็จะขายได้ด้วยตัวมันเอง และจงอย่ากลัวการถูกเลียนแบบ !
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 04-01-2550
|
|
|
|
|