Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
บิ๊กสมาคมอสังหาฯฟันธงปีหมูยังไปได้สวย เทใจตลาด"คอนโดฯ-บ้าน2ล้าน"มาแรง |
|
บิ๊กอสังหาฯมองโลกในแง่ดี ชี้ "ปีหมู" ปัจจัยบวกเพียบ มั่นใจตลาดไปได้สวย ฟันธงโตแบบไม่หวือหวาใกล้เคียงปี"49 ขยายตัว 5-10% หรือ 6-7 หมื่นยูนิต ซิตี้ คอนโดฯ-ทาวน์เฮาส์ 1 ล้าน และบ้านเดี่ยวไม่เกิน 2 ล้านมาแรงจัด ขาใหญ่-เล็กแห่แย่งเค้กอุตลุด มีหวังแข่งกันมันหยด
ปี 2549 เป็นอีกปีหนึ่งที่แม้ตลาดบ้านจะไม่หวือหวา แต่ก็ยังขยายตัวต่อเนื่อง ท่ามกลางปัจจัย ลบทั้งราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย รวมทั้งสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ปกตินัก อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดบ้านระดับกลางและล่าง และคอนโดฯ ในเมืองกลับเติบโตสวนทางภาวะเศรษฐกิจ โดยกระแสบูมของบ้านระดับ กลาง-ล่างน่าจะยังร้อนแรงข้ามปีถึงปี 2550 แม้การแข่งขันก็จะรุนแรงขึ้น
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้ความเห็นกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2550 จะมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนให้มีอัตราการขยายตัวที่ดีต่อไปอีก แต่จะขยายตัวมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เข้ามากระทบด้วย เช่น หากเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นก็จะทำให้การขยายตัวมีมากขึ้น ในทางกลับกันหากมีปัจจัยลบมากตลาดก็อาจชะลอตัวลง
"จริงๆ ภาพรวมเรียลเอสเตตขณะนี้ถือว่าไม่ได้เลวร้าย สถานการณ์ค่อนข้างเป็นบวกด้วยซ้ำ เช่น น้ำมัน เริ่มทรงตัว ดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มลดลง ทุกอย่างดีหมด น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดที่อยู่อาศัยด้วย"
สำหรับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์จะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลัก คงจะไม่หวือหวามากนัก แต่จะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า เนื่องจากผู้ประกอบการต่างเพิ่มความระมัด ระวังในการลงทุนมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น
นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยมองว่า ปี 2550 ตลาดที่อยู่อาศัยน่าจะขยายตัวไม่เกิน 10% หรือขยายตัวใกล้เคียงกับปี 2549 คิดเป็นจำนวนยูนิตขายประมาณ 6-7 หมื่นยูนิต โดยที่อยู่อาศัยระดับกลางยังเป็นตลาดใหญ่ที่สุด และผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด โดยสินค้าดาวเด่นที่มีความต้องการค่อนข้างมาก ได้แก่ ซิตี้ คอนโดมิเนียม ราคา 1 ล้านบาทต้นๆ, ทาวน์เฮาส์ ราคา 1 ล้านบาท (บวก-ลบ) และบ้านเดี่ยวราคา 2 ล้านบาท
ขณะที่บ้านระดับบนยังเป็นสินค้าที่มีกำลังซื้อแบบเฉพาะกลุ่ม (นิชมาร์เก็ต) อัตราการขายอาจไม่เร็วนัก ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งโครงการ ในส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภคยอมรับว่ายังไม่ค่อยดีนัก แต่ไม่ถึงกับเลวร้าย เนื่องจากตลาดยังมีความต้อง การซื้อบ้าน (read demand) สังเกตได้จากยอดขายแต่ละโครงการที่เพิ่มขึ้น
"ผมหวังว่าในปี 2550 เศรษฐกิจของประเทศจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้แบงก์ยอมผ่อนปรนความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรายย่อยมากขึ้นด้วย" นายสมเชาว์กล่าว
ขณะที่นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย ให้ความเห็นในทำนองเดียวกันว่า ธุรกิจอสังหาฯปี 2550 จะขยายตัวใกล้เคียงกับปี 2549 ที่ 5-10% ปัจจัยบวกมาจากอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะทรงตัวหรือลดลง ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น โดยดอกเบี้ยที่ลดลงจะกระตุ้นให้ผู้มีเงินออมหันมาซื้อทรัพย์สินมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการจะขายสินค้าได้มากขึ้น และมีต้นทุนทางการเงินลดลง
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาตรการสกัดค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกมาช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลทางอ้อมต่อธุรกิจอสังหาฯ โดยเฉพาะกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากไม่สามารถนำเงินไปลงทุนได้ 100% เพราะต้องกันสำรองไว้ 30% ดังนั้นการออกพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ใหม่ๆ ในอนาคตน่าจะขายหน่วยลงทุนได้ยากขึ้น
"แม้ ธปท.จะผ่อนผันมาตรการดังกล่าวบางส่วนแล้ว แต่ยังส่งผลกระทบในด้านจิตวิทยา ทำให้นักลงทุนต่างประเทศชะลอเข้ามาลงทุน ซึ่งหากตลาดหุ้นเคลื่อนไหวน้อย ก็จะส่งผลต่อการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ เพราะระดมทุนยากขึ้น"
สิ่งที่น่ากังวลในปี 2550 คือ ภาวะการเมืองที่ ไม่นิ่ง อาจส่งผลต่อบรรยากาศการซื้อขายที่อยู่อาศัย คาดว่าสถานการณ์อสังหาฯ จะอยู่ในภาวะ คล้ายคลึงกับปี 2549 ผู้ประกอบการจึงต้องระมัด ระวังในการลงทุน อย่าโหมลงทุนที่เกินขีดความสามารถของตนเอง
"ผมว่าทุกๆ ฝ่ายต้องเร่งสร้างบรรยากาศการซื้อขายอสังหาฯให้คึกคักมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะสถาบันการเงินจะมีส่วนอย่างมาก หากเร่งปล่อยสินเชื่อก็จะกระตุ้นได้มาก" นายอธิปกล่าว
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 01-01-2550
|
|
|
|
|