Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ตลาดแสนล.สตาร์ตก่อนมีชัยไปกว่าครึ่ง ปูนใหญ์จัดทัพลุยลูกค้ารีโนเวตบ้านเก่า |
|
เครือซิเมนต์ไทยหันหัวรบเจาะตลาดบ้านรีโนเวตมูลค่า 100,000 ล้านบาท "พิชิต ไม้พุ่ม" ซีอีโอกลุ่มวัสดุชี้มีตลาดใหญ่กลุ่มบ้านทรงไทยรอการดูแลรักษาอีกกว่า 10 ล้านยูนิต ฉายภาพธุรกิจเน้น 2 กลยุทธ์ พัฒนาสินค้าอินโนเวชั่นควบคู่ระบบเซอร์วิส "หลังคา-พื้น-ห้องน้ำ-ผนังและฝ้า" ปี"50 จับมือกลุ่มธุรกิจจัดจำหน่ายทุ่มงบฯลงทุน 400-500 ล้านบาท ตั้ง "รีโนเวชั่นเซ็นเตอร์-สถาบันฝึกอบรม" พัฒนาบุคลากรรองรับ
นายพิชิต ไม้พุ่ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างซิเมนต์ไทย จำกัด ผู้บริหารระดับสูงกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างเครือซิเมนต์ไทย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ศึกษาและวิจัยตลาดเพื่อเก็บข้อมูลกลุ่มลูกค้ารีโนเวตบ้าน (ปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน) ประกอบการวางแผนขยายตลาดเข้ามาเจาะลูกค้ากลุ่มนี้อย่างจริงจัง เพื่อช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตต่อเนื่องโดยไม่ต้องยึดติดกับลูกค้าบ้านใหม่เพียงอย่างเดียว
จากข้อมูลทำให้บริษัทมั่นใจว่ากลุ่มลูกค้ารีโนเวตเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ประมาณการว่าบ้าน ทรงไทยที่มีอายุเก่าแก่ที่ต้องซ่อมแซมและบำรุงรักษาในปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านยูนิต เป็นเซ็กเมนต์ที่ยังไม่มีใครเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง เพราะถ้าเป็นช่างทั่วไปอาจมองว่าค่อนข้างยุ่งยาก แต่สำหรับเครือซิเมนต์ไทยกลับมองว่าเป็นโอกาส
ทั้งนี้ ในแต่ละปีตลาดรีโนเวตมีเงินหมุนเวียนประมาณ 100,000 ล้านบาท หรือ 1 ใน 3 จากมูลค่างานก่อสร้างที่อยู่อาศัยประมาณ 300,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการเข้าไปให้บริการมีรายละเอียดซับซ้อน สิ่งสำคัญก็คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าเพราะเป็นการขายเซอร์วิส โดยมีชื่อเสียงเครือซิเมนต์ไทยเข้าไปเป็นแบรนด์การันตี
ในเชิงกลยุทธ์บริษัทได้กำหนดแผนดำเนินงานและเป้าหมายการเจาะตลาดรีโนเวตภายใต้สโลแกนว่า "Your Happy Life is My Success" ทั้งหมดจะเห็นภาพชัดเจนในอีก 4-5 ปีข้างหน้า กลยุทธ์จะมาจาก 2 ส่วน คือ 1) พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เป็นอินโนเวชั่น และ 2) พัฒนาซิสเต็มหรือการบริการครอบคลุมบ้านทั้งหลัง ได้แก่ หลังคา ห้องน้ำ พื้นและผนัง-ฝ้า เท่ากับว่าต่อไปเครือ ซิเมนต์ไทยจะไม่ได้ขายวัสดุก่อสร้างเท่านั้น แต่มีเซอร์วิสเกี่ยวข้องกับบ้านแบบครบวงจรด้วย สิ่งที่จะต้องทำร่วมกับบริษัท ค้าวัสดุซิเมนต์ไทย จำกัด ที่ดูแลด้านธุรกิจจัดจำหน่ายคือ การขยายจุดให้บริการลูกค้า และการสร้างโรงเรียนหรือสถาบันเพื่อฝึกอบรมบุคลากรขึ้นมารองรับ
ก่อนหน้านี้ได้เริ่มไปแล้ว คือ "ซิเมนต์ไทย รูฟฟิ่ง เซ็นเตอร์" จุดให้บริการลูกค้าเกี่ยวกับหลังคาแบบครบวงจร ปัจจุบันมี 2 แห่ง และ ปี 2550 จะเปิดเพิ่มรวมเป็น 8 แห่ง และ "คอตโต้ ไทล์ สตูดิโอ" จุดให้บริการเกี่ยวกับกระเบื้องแบบครบวงจร เป้าหมายปีนี้จะเปิดบริการทั้งหมด 47 แห่ง และปี 2550 ตั้งเป้าเปิดเพิ่มเป็น 60 แห่ง ส่วนจุดให้บริการเกี่ยวกับระบบ "ผนัง-ฝ้า" เตรียมเปิดตัวต่อไปในอนาคต
"ผลตอบรับจากการเปิดจุดบริการทั้ง 2 ส่วนถือว่าเข้าเป้า ตอนนี้เฉพาะงานเปลี่ยนหลังคาเรามีลูกค้ารออยู่อีก 20-30 ราย ส่วนการเปิดคอตโต้ ไทล์ฯช่วยเพิ่มยอดขายกระเบื้องพรีเมี่ยมได้ 20-60% โดยเฉพาะแถบภาคอีสานขายดีขึ้นมาก"
นายพิชิตกล่าวอีกว่า สำหรับปีนี้คาดว่าบริษัทมียอดขายรวม 22,000-23,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3% ส่วนปี 2550 ตั้งเป้ายอดขายรวม 25,000 ล้านบาท เติบโต 10% ซึ่งจะมาจากการขยายตลาด รีโนเวต
ส่วนสาเหตุที่ยอดขายในปีนี้เติบโตต่ำกว่าเป้าเนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวขึ้นเพียง 1% บวกกับได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจาก 39 บาทต่อดอลลาร์ เป็น 35 บาทต่อดอลลาร์ โดยเฉพาะธุรกิจกระเบื้องปูพื้น-บุผนังสูญเสียรายได้ไปเดือนละ 20-30 ล้านบาท คำนวณค่าเงินบาทแข็งขึ้นทุกๆ 1 บาท ทำให้เครือซิเมนต์ไทยสูญเสียรายได้ประมาณ 700 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มธุรกิจกระเบื้องปูพื้น-บุผนังในปี 2550 จะยังคงรักษาสัดส่วนการส่งออกไว้ที่ 40% แต่จะเน้นเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าเกรดพรีเมี่ยมเป็นครึ่งหนึ่งจากการส่งออกทั้งหมด
ส่วนตลาดในประเทศล่าสุดได้เปิด "คอตโต้ ไทล์ ไลบรารี่" (ห้องสมุดกระเบื้องคอตโต้) แห่ง ที่ 3 บริเวณถนนนิมมานเหมินท์ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นโชว์รูมที่รวบรวมกระเบื้องคอตโต้ลวดลายต่างๆ ไว้มากที่สุด เพื่อเป็นจุดแนะนำสินค้ารุ่นใหม่ๆ ให้กับสถาปนิก มัณฑนากร และเจ้าของบ้านได้เลือกชม เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมามีลูกค้าอีกจำนวนมากที่ไม่ทราบว่าคอตโต้มีกระเบื้องลวด ลายที่ต้องการทำให้สูญเสียโอกาสในการขาย
นายขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ค้าวัสดุซิเมนต์ไทย จำกัด กล่าวว่า ปีหน้าได้วางงบฯลงทุน 400-500 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจที่จะทำควบคู่ไปกับกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างในปีหน้า ได้แก่ 1) จัดตั้ง "รีโนเวชั่นเซ็นเตอร์" จุดให้บริการปรับเปลี่ยนซ่อมแซมบ้าน และ 2) จัดตั้งโรงเรียนหรือสถาบันฝึกอบรมบุคลากร
สำหรับการจัดตั้งรีโนเวชั่นเซ็นเตอร์สาขาแรกจะอยู่บริเวณถนนสุขาภิบาล 3 โดยจะปรับเปลี่ยนร้านซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ทแมกซ์สาขาต้นแบบเป็นศูนย์ดังกล่าว ใช้งบประมาณกว่า 70 ล้านบาท คาดว่าพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในช่วงกลางปี 2550 ประเมินว่าปีแรกจะมีรายได้ประมาณ 120 ล้านบาท ส่วนการจัดตั้งสถาบันคาดว่าจะใช้งบประมาณ 300-400 ล้านบาท ตัวสถาบันจะตั้งอยู่ภายในสำนักงานใหญ่ถนนบางซื่อ ปัจจุบันอยู่ระหว่างร่างหลักสูตร ได้แก่ บ้าน หลังคา ห้องน้ำ และผนัง-ฝ้า รวมถึงรองรับธุรกิจอื่นๆ ของเครือในอนาคต
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 28-12-2549
|
|
|
|
|