Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ฟันธงอสังหาฯ ปีหมูทอง ตลาดระดับกลางซัดกันหนัก |
|
"ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2549 เกิดปัจจัยลบมากมาย ทั้งความไม่แน่นอนทางการเมือง เศรษฐกิจในประเทศเกิดภาวะถดถอยและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง แต่ภาพรวมคาดว่า ปี 2550 น่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น" อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) ให้ความเห็น
เธอเชื่ออีกว่าการพื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาค และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นจะมีผลช่วยให้บรรยากาศการซื้อขายดีขึ้นบ้าง ยิ่งหากมีการแก้ไขปรับปรุงกฎเกณฑ์ข้อบังคับในเรื่องภาษี การให้วีซ่าและการถือครองกรรมสิทธิ์โดยชาวต่างชาติสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการที่พักอาศัยได้ก็จะทำให้ตลาดดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว
"ปีหน้าตลาดอสังหาฯจะแข่งขันกันอย่างรุนแรง เพราะผู้ประกอบการจำนวนมากหันมาบุกตลาดคอนโดฯชิงยอดขายตลาดระดับกลางและล่างกันมากขึ้น ถ้าโฟกัสอีก 2 ปีข้างหน้าเชื่อว่าจะมีห้องชุดเข้าสู่ตลาดอีกไม่น้อยกว่า 18,853 ยูนิต หรือเพิ่มขึ้นอีก 61% ในย่านทำเลใจกลางเมือง"
อย่างไรก็ตาม บอสสาวแห่งซีบี ริชาร์ดฯเสริมประเด็นใหม่ว่า จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศออกมาตรการดำรงเงินสำรองเงินทุนนำเข้าระยะสั้นถือว่ายังเป็นเรื่องที่ไม่แน่ชัดว่าจะส่งผลกระทบอะไรต่อตลาดอสังหาฯ เพราะที่ผ่านมาไม่มีการระบุเป็นการเฉพาะเจาะจงในธุรกิจนี้โดยตรง
ตอนนี้เธอจึงไม่อยากฟันธงว่ามาตรการดังกล่าวจะไปกระทบชิ่งกับชาวต่างชาติผู้ที่คิดซื้อคอนโดมิเนียม แต่ขอให้ ธปท.ให้ความกระจ่างถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริงในเรื่องนี้ด้วย
กล่าวถึงตลาดที่พักอาศัยในปี 2549 ที่ผ่านมา ซีบีฯมองว่าผู้ประกอบการจำนวนมากมุ่งให้ความสนใจกับตลาดระดับล่างมากขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งมีราคาต่อยูนิตไม่สูงมากนัก เช่น ทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวราคาที่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท โดยปริมาณการจดทะเบียนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 127.0% และ 5.9% ต่อปี แต่ปริมาณบ้านจัดสรรกลับลดลงถึง 24%
อย่างน้อยก็สะท้อนให้เห็นว่าปริมาณที่อยู่อาศัยใหม่เป็นโครงการในเมืองมากกว่าโครงการบ้านจัดสรรชานเมือง
โดยตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯมีการเติบโตที่ลดลงในไตรมาส 2 และ 3 แต่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงเกือบสิ้นปี ปริมาณคอนโดฯในย่านกลางเมืองนั้นถูกระบุว่าปี 2549 มีอัตราเพิ่มขึ้น 11.8% หรือ 5,048 ยูนิต เทียบกับปี 2548 ที่เพิ่มขึ้น 12.4% ส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯระดับกลางและล่าง (เฉลี่ยราคา 60,000-80,000 บาทต่อตารางเมตร) คิดเป็น 36.8% และ 23.8% คอนโดฯที่ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามียอดขายดีมากๆ
แต่เมื่อถึงปีหน้าคาดว่าโครงการเกิดใหม่จะมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะทำเล ไพรมแอเรียหรือย่านทำเลทองจะเปิดตัวน้อยลงนั่นเอง สวนทางกับ "ราคา" ที่จะปรับตัวดีขึ้นเฉลี่ย 10-15% สำหรับคอนโดฯชั้นดีในเมือง
ในส่วนตลาดอพาร์ตเมนต์จะมีการเติบโตดีมากและดีอย่างต่อเนื่อง ผลมาจากอัตราการเข้าพักอาศัยอยู่ในระดับสูงถึง 88.2% เนื่องจากปริมาณ อพาร์ตเมนต์ในกรุงเทพฯลดลง 0.6% เพราะมีการปรับเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์หรือโรงแรมมากขึ้น
ส่วนเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในกรุงเทพฯมีปริมาณเพิ่มขึ้น 11% ส่งผลให้อัตราค่าเช่าเฉลี่ยต่อเดือนปรับตัวสูงขึ้นในย่านระดับเกรดเอ ซึ่งปีหน้าจะมีโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้ตลาดอื่นมีการแข่งขันรุนแรงตามไปด้วย
แต่กับจำนวนพื้นที่อาคารสำนักงานในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นอีก 252,826 ตารางเมตร ปริมาณรวมทั้งหมดอยู่ที่ 7.46 ล้านตารางเมตร อัตราพื้นที่ว่างยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉลี่ยรวมของตลาดอยู่ที่ 13.9% แต่แนวโน้มค่าเช่าก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่จะปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่ช้าลง
ครึ่งปีแรกของปี 2550 คาดการณ์ว่าตลาดน่าจะมีอนาคตที่สดใส เนื่องจากปริมาณพื้นที่สำนัก งานมีจำนวนจำกัดจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งปีหลังจึงจะมีพื้นที่ใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 197,000 ตารางเมตร
ตลาดธุรกิจค้าปลีกช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้มีพื้นที่รวม 4.51 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้น 12.1% พื้นที่ส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวและการปรับปรุงพื้นที่ของโครงการเซ็นทรัลเวิลด์ และการเสร็จสมบูรณ์ของโครงการเอสพละนาด รัชดาภิเษก ที่ผ่านมาปริมาณพื้นที่การค้าปลีกเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโดยมีอัตราการเข้าใช้พื้นที่สูงถึง 94.2% แต่แนวโน้มราคาค่าเช่าจะขึ้นอยู่กับยอดขายและผลกำไรของร้านค้าที่เพิ่มขึ้น
ส่วนตลาดธุรกิจอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบรุนแรง ยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมลดลงเหลือเพียง 1,856 ไร่ ลดลง 39.9% ในขณะที่ตลาดโรงงานสำเร็จรูปให้เช่ามีการเจริญเติบโตที่ดี ทั้งยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราเข้าใช้พื้นที่เฉลี่ยอยู่ที่ 80% ปริมาณที่ดินในปี 2550 จะเพิ่มขึ้นอีก 2,600 ไร่เป็นอย่างน้อย ตลาดโรงงานสำเร็จรูปให้เช่ามีแนวโน้มที่สดใส ขับเคลื่อนไปได้โดยอาศัยความต้องการจากผู้ผลิตรายย่อยเป็นสำคัญ
ตลาดโรงแรมเป็นอีกตลาดหนึ่งที่ดีที่สุดของตลาดอสังหาฯ โดยในปีนี้มีโรงแรมระดับ 5 ดาว 3 แห่งที่เริ่มเปิด มีทั้งหมด 846 ห้องเข้าสู่ตลาด อัตราเข้าพักอาศัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 73% ธุรกิจนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนชาวต่างชาติ โดยมองหาโอกาสที่จะเข้าซื้อกิจการที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และหาพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ ปีหน้าตลาดโรงแรมน่าจะดี
ท้ายสุดตลาดกองทุนรวมอสังหาฯที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในไตรมาส 3 รวมทั้งสิ้น 12 กองทุน มูลค่ารวม 43.9 พันล้านบาท ซึ่งกองทุนรวมในไทยมีตลาดที่ใหญ่ขึ้น การลงทุนของต่างชาติในอุตสาหกรรมนี้ขึ้นอยู่กับว่าประเทศไทยจะสามารถรักษาความน่าสนใจและความสามารถในเวทีการแข่งขันไว้ได้มากน้อยเพียงใด
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 25-12-2549
|
|
|
|
|