Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
กิตติชัย ไกรก่อกิจ "ตลาดกระเบื้องเซรามิก จะเติบโตได้อีก 3 ปี" |
|
แม้ว่าธุรกิจกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในปี 2549 อาจเป็นช่วงเวลาที่ไม่สดใสมากนัก ทำให้หลายฝ่ายมองว่าบรรยากาศในปี 2550 อาจมีแนวโน้มไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ในสายตาของ "กิตติชัย ไกรก่อกิจ" รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โสสุโก้ เซรามิค จำกัด ผู้บริหารที่คร่ำหวอดในตลาดกระเบื้องนานถึง 24 ปีกลับมองสวนทาง โดยเชื่อว่านับตั้งแต่ปี 2550 ธุรกิจกระเบื้องเติบโตต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3 ปี
- กับปี 2549 ตลาดกระเบื้องเป็นอย่างไรบ้าง
ผมว่าปีนี้ถือเป็นจุดต่ำสุดของธุรกิจกระเบื้องปูพื้นและบุผนังแล้ว หลังจากได้แค่ทรงตัวมาตลอด 2 ปีนี้ ถ้าย้อนกลับไปปี 2547 ยังดีอยู่ พอปี 2548 ช่วงไตรมาสแรกก็ยังดีอยู่ แต่พอถึงไตรมาสสุดท้ายเริ่มลดลง ส่วนปี 2549 ไตรมาสแรกกลับมาเติบโตกว่า 10% แต่มาติดลบช่วงไตรมาส 3 จากเหตุการณ์น้ำท่วมทำให้ตลาดได้แค่ทรงตัว
ภาพรวมดูเหนื่อยๆ อาจเป็นเพราะเศรษฐกิจด้วย บวกกับมีกระเบื้องเกรดกลางถึงบนจากประเทศจีนเข้ามาแชร์ตลาดอีกประมาณ 15 ล้านตารางเมตรต่อปี แต่สำหรับผมไม่นะเพราะผ่านศึกหนักมา 3 รอบแล้ว (หัวเราะ) อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าใน "ความทุกข์" ก็ยังมี "ความโชคดี" ปีนี้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม 47 จังหวัด เสียหาย 700,000 หลังคาเรือน ประมาณช่วงไตรมาส 2 ปี 2550 จะเริ่มมีการซ่อมแซมบ้าน ประเมินตัวเลขขั้นต่ำประมาณ 70,000 ยูนิตที่คิดจะซ่อมแซมบ้าน เฉลี่ยใช้กระเบื้องยูนิตละ 150 ตารางเมตร เท่ากับปี"50 มีความต้อง การใช้เพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านตารางเมตร ทำให้ตลาดเติบโตขึ้นอีก 10% แน่ๆ
- อยากให้วิเคราะห์เศรษฐกิจปีหน้า
ผมกลับมองในเชิงบวก ปัจจัยมีหลายข้อ 1) ภาคการท่องเที่ยวทั้งภาคเหนือ ภาคใต้น่าจะเติบโตขึ้นอีก 20% ทำให้งานก่อสร้างเกี่ยวกับแหล่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ยังมีต่อเนื่อง 2) อัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่ในระดับไม่เกิน 7-8% เพราะวิเคราะห์ว่าธนาคารสหรัฐไม่น่าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเนื่องจากยิ่งทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงไปอีก และทำให้ดีมานด์ในภาคธุรกิจอสังหาฯ ยังเติบโตขึ้น โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 3) ราคายางน่าจะยังดีอยู่เฉลี่ยไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 70 บาท เนื่องจากประเทศจีนและอินเดียใช้รถยนต์เพิ่มขึ้น อย่างไรความต้องการยางพาราสำหรับทำยางรถยนต์ก็ยังสูงอยู่
4) ราคาน้ำมันค่อนข้างทรงตัวแล้วเพราะที่ผ่านมาเป็นเกมปั่นราคา ที่สำคัญล่าสุดประเทศแคนาดาเพิ่งค้นพบแหล่งน้ำมัน ขนาดใหญ่รองรับไปได้อีก 100 ปี ตอนนี้ ก็เพิ่งก่อตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ เท่าที่ทราบ น่าจะชื่อ "แคนาเดี้ยน ปิโตรเลียม" ขึ้นมาเตรียมลงมือขุดขึ้นมาใช้ และถ้าถึงวันนั้นราคาน้ำมันจะลดลงต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรลแน่นอน 5) แรงงานที่เดินทางไปทำงานในต่างประเทศยังมีการส่งเงินกลับมาอย่างต่อเนื่อง และ 6) ภาคการส่งออกปี 2550 รัฐบาลจะผลักดันให้เติบ โตถึง 12%
ปัจจัยทั้งหมดจะทำตลาดกระเบื้องเติบ โตต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3 ปี ดังนั้นถ้าประมาณการตลาดกระเบื้องจากปี 2549 อยู่ที่ 129 ล้านตารางเมตร ปี 2550 น่าจะเติบโต 10% เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 140 ล้านตารางเมตร
- แต่กำลังผลิตโดยรวมยังล้นตลาดอยู่
ก็ยังล้นอยู่ ปัจจุบันผู้ผลิตทุกรายมีกำลังผลิตสูงสุดรวมกันประมาณ 180 ล้านตารางเมตรต่อปี แต่จริงๆ การผลิตถ้าเดินได้ถึง 90% ก็ตก 170 ล้านตารางเมตรต่อปีถือว่าทุกคนแฮปปี้ เพราะมีช่วงต้องปิดซ่อมพักเตาบ้าง
ขณะที่ความต้องการใช้ปี 2550 ประมาณ 140 ล้านตารางเมตร เท่ากับมีกำลังผลิตส่วนเกินอยู่ 30 ล้านตาราง คำว่าตลาดสดใสในความหมายคือไม่ได้หมายถึงความต้องการตลาดในประเทศจะพอรองรับทั้งหมด ส่วนหนึ่งยังต้องส่งออก ปัจจุบันเฉพาะ "คอตโต้" และ "โสสุโก้" ส่งออกรวมกันประมาณ 24 ล้านตารางเมตร แยกเป็นคอตโต้ 18 ล้านตารางเมตร และโสสุโก้ 6 ล้านตารางเมตร ส่วนรายอื่นก็มียูเอ็มไอ อาร์ซีไอ ไดนาสตี้ ทีจีซีไอ รวมกันประมาณ 5-6 ล้านตารางเมตร
- รายได้โสสุโก้ปี 2549
เรามีอัตราเติบโต 10% รายได้รวม 4,600 ล้านบาท เฉพาะปีนี้ส่งออกคิดเป็นเงิน 600 ล้านบาท สัดส่วน 17% ขณะที่เป้าตั้งไว้ 25% เพื่อไม่ให้การแข่งขันราคาในประเทศรุนแรงเกินไป เหตุผลที่ส่งออกไม่ถึงเป้าเพราะการแข่งขันสูงกว่าที่คิดมาก มีทั้งจีน บราซิล ตุรกี ที่ตั้งไว้ 25% ปัจจุบันโสสุโก้ส่งออกไป อาทิ แคนาดา โคลัมเบีย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี แถบยุโรป แอฟริกา อเมริกาใต้
- จะทำอย่างไรให้ส่งออกถึง 25%
ตลาดยังมีอีกเยอะ ปัจจุบันโสสุโก้เพิ่งส่งออกแค่ 30 ประเทศ จากทั่วโลกมี 200 ประเทศ ปีหน้าเราจะบุกทวีปอเมริกาใต้มากขึ้น ถ้าเจาะได้ตรงนี้ตลาดใหญ่มาก แต่ความต้องการค่อนข้างหลากหลายเพราะมีประชากรหลายกลุ่ม บางกลุ่มก็ชอบลวดลายฉูดฉาด สีเหลืองตัดส้ม-น้ำเงิน ส่วนทวีปเอเชียก็เน้นขยายตลาดในญี่ปุ่น ขณะเดียวกันจะเจาะงานโครงการในต่างประเทศให้มากขึ้น เป็นรูปแบบการฝากขายผ่านตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศแต่ยังมีเซลส์หรือโชว์รูมในต่างประเทศของตัวเองเพราะลงทุนสูง
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 21-12-2549
|
|
|
|
|