Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
จับตา "เอส.บี.-อินเด็กซ์" เปิดเกมแข่งบริการ ชูโปรแกรมออกแบบ 3D ดูดลูกค้า |
|
วงการเฟอร์นิเจอร์อาจกล่าวได้ว่าแบรนด์ "เอส.บี." และ "อินเด็กซ์" ต่างติดลมบนไปแล้ว แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ต่างก็ถมงบฯการตลาดสร้างแบรนด์ไปแล้วไม่ต่ำกว่าค่ายละ 100 ล้านบาท จนกลายเป็นแบรนด์ ชั้นนำตัวเลือกแรกๆ ที่ผู้บริโภคนึกถึง
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจสถานการณ์ตลาดเฟอร์นิเจอร์ปีนี้ไม่ได้เติบโตขึ้นมากนัก จึงได้เห็นการแข่งที่มีสีสันมากขึ้น ตั้งแต่การแข่งขันเรื่องไม้ "E1" เฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพที่มีสารฟอร์มาดีไฮต์ก่อให้เกิดกลิ่นฉุนในระดับต่ำ ที่ต่างฝ่ายก็เคลมว่าตัวเองเป็นรายแรกที่ทำ
ถัดมา "อินเด็กซ์" ออกมาระเบิดศึกราคา ทุ่มงบฯ 30 ล้านบาท โปรโมตแคมเปญ "JOY PRICE" หั่นราคาเฟอร์นิเจอร์แบรนด์อินเด็กซ์ลงอีก 20% โดยไม่พึ่งโปรโมชั่นอีกต่อไป
ขณะที่ "เอส.บี." แก้เกมด้วยการทุ่มโฆษณาและพัฒนาซอฟต์แวร์ 80 ล้านบาท อัดแคมเปญ "3D Prodesigner" ชูโปรแกรมออกแบบตกแต่งห้องฉับไวภายใน 30 นาที พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คู่ใหม่ "วิลลี่-เยลหลี"
เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้ใครทำ "แต้มต่อ" ทั้งแง่โปรดักต์ดีไซน์และเซอร์วิส
ล่าสุดเกมการแข่งขันดุเดือดมากขึ้น เมื่อ "อินเด็กซ์" โหมโฆษณา โปรโมตโปรแกรมออกแบบตกแต่งห้องในชื่อ "3D ROOMS-to-Show" ด้วยข้อความว่า "เวอร์ชั่นใหม่" ซึ่งดูไม่ต่างจากคอนเซ็ปต์ของ "เอส.บี." แต่ผลตอบรับจะเป็นอย่างไรต้องรอดู
"จริงๆ เราใช้เวลาพัฒนาโปรแกรมออกแบบ 3D เวอร์ชั่นใหม่ให้เป็นภาพเสมือนจริงแบบ สามมิติมาร่วม 1 ปี และเพิ่งเสร็จเปิดตัวตอนนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับว่า เอส.บี.ได้ลอนช์โปรแกรมก่อนหน้าเรา" จรินทร ปัทมสัตยาสนธิ รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ลีฟวิ่งมอลล์ จำกัด บอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ"
เบ็ดเสร็จใช้งบฯลงทุนไป 20 ล้านบาท เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ร่วมกับเจ้าของลิขสิทธิ์โปรแกรมที่เป็นบริษัทต่างชาติ ให้ภาพที่ออกมา ดูสวยงามมากขึ้นจาก 2 มิติ เป็น 3 มิติ และยังสามารถเปลี่ยนสีเฟอร์นิเจอร์ สีห้อง ระดับแสงสว่าง เพื่อให้เห็นภาพห้องที่ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์สำเร็จแบบใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
กระบวนการทั้งหมดสามารถประมวลภาพ และคำนวณราคาแล้วเสร็จใน 30 นาที โดยมีมัณฑนากรคอยแนะนำภายใต้เงื่อนไขคือ ลูกค้า จะต้องนำแปลนห้องที่ต้องการตกแต่งติดตัวมาด้วย หรืออธิบายแผนผังและขนาดห้องคร่าวๆ ให้เจ้าหน้าที่ฟัง
ใกล้เคียงกับความสามารถของโปรแกรม 3D Prodesigner ที่ เอส.บี.เฟอร์นิเจอร์มีอยู่ แต่จุดที่แตกต่างกันคือ เอส.บี.สามารถเลือก เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นแบรนด์ในเครือ อาทิ Concept Cucine เข้ามาใช้กับโปรแกรมนี้ได้ด้วย ขณะที่ อินเด็กซ์อยู่ระหว่างการเพิ่มเติมข้อมูลสินค้า แบรนด์ "วินเนอร์-เทรนด์ดีไซน์-ลอจิก้า" ลงในซอฟต์แวร์
ผู้บริหารอินเด็กซ์ยอมรับว่า แม้การใช้โปรแกรมออกแบบจะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ปัจจุบันอัตราการใช้ยังไม่มากเพียง 10% ของลูกค้าที่วอล์กอิน ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ซื้อบ้านใหม่และกำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน หรือกำลังคิดจะตกแต่งห้องใหม่ คาดหวังว่าหลังโหมการเปิดตัวแล้ว ตัวเลขการขายน่าจะดีขึ้น
โดยวางแผนขยายบริการในเฟสสองอีก 5-10 ล้านบาท เพื่อติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์และค่าไลเซนส์ระบบภายใน "อินเด็กซ์เฟอร์นิเจอร์ เซ็น เตอร์" ที่เป็นโชว์รูมตามห้างสรรพสินค้าอีก 11 สาขา จากปัจจุบันให้บริการเฉพาะอินเด็กซ์ลีฟวิ่ง มอลล์ และกำลังพัฒนาโปรแกรมให้ฉายภาพแบบแอนิเมชั่น (ภาพเคลื่อนไหว) จะเสร็จใน 5-6 เดือน
ส่วนสะใภ้มือโปร "ธัญญรักข์ ชวาลดิฐ" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือน จำกัด ระบุชัดเจนว่า หลังเปิดตัวโปรแกรมออกแบบใหม่มาแล้วพักใหญ่ บริษัทสามารถเพิ่มยอดขายลูกค้าแต่ละรายได้ถึง 30%
ด้วยเหตุผลว่า ลูกค้าสามารถมองเห็น "ภาพ" ในห้องใหม่ที่ตกแต่งเสร็จแล้วล่วงหน้า ทำให้ลูกค้ากล้าที่จะตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์มากขึ้นและเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องกลัวว่าซื้อไปแล้วจะเข้ากับห้องไม่ได้ หรือมีปัญหางบบานปลายตามมา
ซึ่งโปรแกรมออกแบบใหม่ของค่าย เอส.บี.ฯ ได้สะท้อนผ่านหนังโฆษณาที่คู่พระนางในชีวิตจริง "วิลลี่-เยลหลี" แสดงความรู้สึกออกมาเหมือนเป็นลูกค้าครอบครัวจริงๆ และทั้งคู่ก็ได้คอนเซ็ปต์ การตกแต่งบ้านได้ถูกใจ ไม่ต้องทะเลาะหรือ เถียงกันให้เจ็บคอ
โดย เอส.บี.ฯอาศัยช่องว่างประสานใจ ด้วยการใช้จอคอมพิวเตอร์มาออกแบบและตัดสินใจแทนการเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์ของผู้บริโภค เรียกว่าลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนจนพอใจก่อนจะตัดสินใจซื้อในขั้นสุดท้าย
แต่กว่าจะถึงวันนี้ เอส.บี.ใช้เวลาร่วม 3 ปี พัฒนาโปรแกรมนี้ให้ทำงานรวดเร็วมากขึ้นและครอบคลุมสินค้าทุกแบรนด์ นับจากวันแรกที่เริ่มใช้โปรแกรมนี้กับกลุ่มเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน
ชี้ชัดว่าแม้บริการออกแบบจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า วันนี้วงการเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้แข่งขันที่ "สินค้า" เพียงอย่างเดียว แต่กำลังแข่งกันด้วย "เซอร์วิส" หรือบริการนั่นเอง
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 11-12-2549
|
|
|
|
|