|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| รับสร้างบ้านพลิกเกมปลุกกำลังซื้อ ฟันธง!อสังหาฯ"ทั้งระบบ"ไม่ถึงทางตัน |
|
บิ๊กธุรกิจรับสร้างบ้านตอกย้ำอสังหาฯ ทั้งระบบยังลื่นไหล แม้ยอดขายไม่วิ่งฉิวแต่ไม่ถึงกับเลวร้าย ฟันธงปัจจัยบวกเริ่มเห็นเด่นชัด ผู้ประกอบการต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้ได้ ชี้หมดยุคโหมทำการตลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องชูธงสร้างจุดแข็งตัวโปรดักต์ สวมบทบาทเป็นมืออาชีพ หาช่องปลุกกำลังซื้อปั๊มรายได้
แม้ไม่ถึงกับสดใส แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมในปีนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายคนคิด อย่างน้อยยอดจดทะเบียนบ้านใหม่ในเขตกรุงเทพมหา นคร (กทม.) และปริมณฑลในช่วง 8 เดือนแรก ที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ระบุว่ามีทั้งหมด 51,646 ยูนิต สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2548 เล็กน้อย น่าจะยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าแม้จะมีปัจจัยลบหลายด้านรุมเร้า ผู้บริโภคอีกจำนวนไม่น้อยยังมีกำลังซื้อ เพียงแต่ผู้ประกอบการอาจต้องคิดละเอียดและทำการบ้านมากขึ้น ด้วยการหาช่องทางพลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้ได้
ที่น่าจับตามองคือเวลานี้ธุรกิจอสังหาฯทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นตลาดบ้านใหม่ บ้านมือสอง รวมทั้งธุรกิจรับสร้างบ้าน ต่างตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แตกต่างกัน สำคัญอยู่ที่ว่าใครจะงัดกลยุทธ์สร้างความได้เปรียบคู่แข่งขันเพื่อช่วงชิงเค้กในตลาดได้มากกว่ากัน
นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านเริ่มกลับมาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ภายหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ สะท้อนจากจำนวนลูกค้าที่ติดต่อสอบถามหรือแวะมายังสำนักงานขายมีจำนวนเพิ่มขึ้น และลูกค้าที่เคยชะลอการตัดสินใจออกไปก่อนหน้านี้ก็กลับมาปลูกสร้างบ้านอีกครั้ง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความพร้อมในเรื่องการเงิน เพียงแต่รอความชัดเจน
ต่างจากธุรกิจพัฒนาที่ดินที่แม้จำนวนลูกค้าเข้าชมโครงการเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนเกิดเหตุปฏิวัติถึง 20-30% แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจจองบ้าน อาจเป็นเพราะธุรกิจอสังหาฯมีการแข่งขันด้านแคมเปญหรือโปรโมชั่นรุนแรงกว่า ทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจว่าจะได้บ้านราคาถูกจริงหรือไม่
นายศักดากล่าวว่า คาดการณ์ว่าภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงปลายปีนี้จะไม่เห็นการแข่งขันราคาที่รุนแรง หรือลดมาร์จิ้นลงเพื่อจัดโปรโมชั่น กระตุ้นยอดขาย ยกเว้นบางบริษัทอาจมีการจัดโปรโมชั่น แต่ก็เป็นรายที่มีการปรับขึ้นราคาบ้านไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยหลักจึงเชื่อว่าธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงมีดีมานด์ และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องหันมาเน้นการแข่งขันเรื่อง "คุณภาพ" มากกว่า "ราคา" ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วได้ผลดีกว่า
ทั้งนี้ สถิติตลาดบ้านสร้างเองในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมามียอดจดทะเบียนประมาณ 17,000 หน่วย และคาดว่าถึงช่วงสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 26,000-27,000 หน่วย เติบโตประมาณ 7% โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้ายถือเป็นฤดูการขาย เนื่องจากเพิ่งหมดจากฤดูฝน จึงเป็นช่วงที่เหมาะกับการปลูกสร้างบ้าน
"ช่วงเวลาอีก 2 เดือนที่เหลือรับสร้างบ้านยังดีต่อเนื่องแน่ เฉพาะรอแยลเฮ้าส์มีลูกค้าต่อเนื่องหลังจากงานรับสร้างบ้าน 2006 ที่มาเซ็นสัญญาแล้ว กว่า 20 ยูนิต ตรงนี้ไม่ใช่การดึงดีมานด์มาใช้ล่วงหน้า แต่เป็นกลุ่มที่ชะลอการตัดสินใจช่วงก่อนหน้านี้มากกว่า"
นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด และบริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ในความเห็นของตนมองว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาฯปีนี้ยังอยู่ในลักษณะทรงๆ ทั้งตลาดบ้าน ตลาดรับสร้างบ้าน แต่โอกาสที่จะสร้างยอดขายก็ยังมีอยู่ และกำลังซื้อไม่ถึงกับชะลอลงไป แม้ลูกค้าอาจจะใช้เวลาในการตัดสินใจยาวนานขึ้นกว่าเดิม ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจให้สอด คล้องและทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น
อย่างเช่นความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้ลูกค้าบางส่วนชะลอการตัดสินใจออกไป และเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ผู้บริโภคก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น เห็นได้ชัดเจนจากการให้กระแสการตอบรับในงาน "รับสร้างบ้าน 2006" ซึ่งสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 16-20 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่แม้การตัดสินใจจองสร้างบ้านจะไม่ได้จำนวนมากมาย แต่สะท้อนให้เห็นว่ายังมีลูกค้าต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตนเองอีกมาก
"ช่วงจัดงานรับสร้างบ้าน ลูกค้าแวะไปเยี่ยมชมงานจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่จะสอบถามข้อมูลจากบริษัทรับสร้างบ้าน 5-6 บริษัท แต่ยังไม่ตัดสินใจ อย่างของบิวท์ ทู บิวด์ มีลูกค้าเข้าบูทและกรอกแบบสอบถามมากถึง 500 ราย ส่วนมียอดจองสร้างจริงไม่มากนัก ในส่วนของบริษัทอื่นๆ ก็คล้ายๆ กัน"
อย่างไรก็ตาม จากที่ราคาน้ำมัน ภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง ตนมั่นใจว่าน่าจะส่งผลด้านบวก ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมตลอดจนธุรกิจอสังหาฯมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงธุรกิจรับสร้างบ้านด้วย แต่จะไม่เห็นผลโดยเร็ว อาจจะเป็นต้นปีหน้าหรือไตรมาสที่ 2 ปี 2550 และถึงตอนนั้นคาดว่าสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้นมาก
ในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้านปัจจุบันการแข่งขันรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน ผู้ประกอบการจึงต้องมีความเป็นมืออาชีพ หันไปเน้นพัฒนาโปรดักต์ใหม่ๆ มากกว่ามุ่งในเรื่องการตลาด พร้อมๆ กับพยายามสร้างจุดขายที่แตกต่าง โดยออกแบบบ้านให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างจุดแข็งในเรื่องของการบริหารจัดการด้านต้นทุน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ เช่น มีการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ มีการควบคุมและตรวจสอบขั้นตอนการทำงาน ควบคุมมาตรฐานการทำงานและการก่อสร้างบ้านของบุคลากร เพราะความสำเร็จของธุรกิจรับสร้างบ้าน ไม่ใช่อยู่ที่การโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่ต้องทำให้ลูกค้าให้การยอมรับมากกว่า
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 30-10-2549
|
|
|
|
|
