Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
วงการจัดสรร-ผู้บริโภคยิ้มรับ"ฟ้าเปิด" มหกรรมบ้านขายดีลุยเปิดโปรเจ็กต์ |
|
เซอร์ไพรส์หลังปฏิวัติ 3 สมาคมอสังหาฯปลื้ม งานมหกรรมบ้านและคอนโด ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่น เข้าคิวแย่งซื้อทาวน์เฮาส์-คอนโดฯ 1-3 ล้านบาท โกยยอดขายสนั่น ชัวร์ๆ รับแล้ว 3 พันล้าน แนวโน้มทะลุเฉียดหมื่นล้านบาทแน่ เลขาธิ การสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรฟันธง ต้นปี"50 ผู้ประกอบการเฮเปิดโครงการใหม่เพียบ
นายภราดร วิทยะสิรินันท์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 15 เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผลของการจัดงานมหกรรมตลอด 4 วันที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ประสบความสำเร็จมากเกินความคาดหมาย โดยมียอดขายหน้างานรวมกันไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายหลังงานไปถึงต้นปี 2550 อีกประมาณ 9,000 ล้านบาท
จากจำนวนผู้เข้าชมงาน 1 แสนราย ส่วนใหญ่จะมากันแบบครอบครัวและมาเป็นคู่ในฐานะสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงาน
ส่วนอายุผู้ที่ตัดสินใจซื้อบ้านภายในงาน พบว่า เป็นกลุ่มที่มีอายุเฉลี่ยน้อยลง ประมาณ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยเริ่มต้นทำงานระยะ 1-3 ปี และเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการผ่อนค่างวดต่อเดือนได้ในระดับ 5,000 บาทขึ้นไป
"ตัวเลขที่ได้มาสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการซื้อบ้านของผู้บริโภคจริงๆ ยังมีอยู่อีกมาก แต่ที่ผ่านมาตลาดเงียบๆ ไปบ้างเพราะผู้บริโภคไม่มั่นใจในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น" นายภราดรกล่าวและว่า
ที่อยู่อาศัยที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อมากที่สุด แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1.คอนโดมิเนียมในเมือง ทำเลเกาะแนวรถไฟฟ้า ราคาขายตั้งแต่ 1 ล้านบาทต้นๆ ถึง 3 ล้านบาท และ 2.บ้านเดี่ยว ราคา 2-5 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ ราคา 1-2 ล้านบาท
ทั้งนี้จากยอดขายพบว่าสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวมีมาร์เก็ตแชร์ที่ลดลงตั้งแต่การจัดงานในครั้งที่ผ่านมา สวนทางกับคอนโดมิเนียมในเมืองกลับมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น สาเหตุมาจากผู้บริโภคต้อง การลดภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในเรื่องการเดินทาง จึงเลือกซื้อคอนโดฯในเมืองแทน
"ข้อมูลใหม่ที่เราได้รับ มีผู้บริโภคใช้บริการของเครดิตบูโรมากกว่า 900 ราย เพื่อให้ตรวจสอบสถานะทางการเงินก่อนซื้อบ้านและขอคำแนะนำในกรณีที่มีปัญหา ผมมองว่าคนกลุ่มนี้เป็น real demand ที่แท้จริง" นายภราดรกล่าว
เช่นเดียวกับนายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัด การ บริษัทเฉลิมนคร จำกัด ในฐานะอุปนายก และเลขาธิการ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ที่กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ถือเป็นเรื่องเซอร์ ไพรส์ของวงการจัดสรร เมื่อเกิดรัฐประหารกลับกลายเป็นว่า "ทุกอย่างดีหมด" ดีแม้กระทั่งระดับการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นสินค้าขนาด ใหญ่และมีมูลค่า แต่ผู้บริโภคกล้าที่จะซื้อและซื้อเร็วขึ้น
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สมาชิกหลายคนเกิดอาการเกร็งและวิตกว่า อาจจะทำยอดขายไม่ค่อยได้ หลังเกิดปฏิวัติแล้ว แต่เวลาผ่านไปพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บ้านจะขายได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับ "ความเชื่อมั่น" เป็นลำดับแรก หรือเป็นเรื่องจิตวิทยานั่นเอง
"ผมเองก็งง กลายเป็นว่า ฟ้าเปิดหลังปฏิวัติ ผู้บริโภคที่เคยรีๆ รอๆ ก็เฮกระหน่ำเข้ามาซื้อในงานมหกรรม ทุกบูทมีแต่ลูกค้าซักถามข้อมูล แต่เป็นการซักแบบคิดจะซื้อจริง ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ดีมาก" นายสุนทรกล่าวและว่า
นอกจากนี้ผู้บริโภคยังได้ของถูกลง เพราะหลายๆโครงการอัดแคมเปญลดกระหน่ำซัมเมอร์เรน ทุกค่ายทุกแบรนด์พากันลดราคาแบบขอไปตายเอาดาบหน้า เพื่อเร่งทำยอดปลายปี โดยเฉพาะบ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปจะลดมากเป็นพิเศษ"
ทั้งนี้สาเหตุมาจากดีมานด์หรือความต้องการ ที่ลดลง ต่างจากทาวน์เฮาส์ราคา 7 แสนบาท และคอนโดมิเนียมราคาล้านต้นๆ จะขายดีมาก แทบไม่น่าเชื่อว่าคนจะแย่งกันซื้อ เพราะกลัวของหมด
"ผมมั่นใจว่าโลคอลดีมานด์เริ่มกลับมาแล้ว ตัวเลขเงินเฟ้อ ส่งออก และท่องเที่ยวก็ดูจะดีขึ้นหมด" นายสุนทรกล่าวและว่า
ทำให้สมาชิกส่วนใหญ่ของ 3 สมาคม คือสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย ตัดสินใจจะลุยลงทุนขึ้นโครงการใหม่ในปี 2550 ตรงข้ามกับช่วงไตรมาส 2 ปี 2549 ที่จำนวนโครงการเกิดใหม่มีน้อยที่สุดและมียอดขายต่ำสุดเป็นประวัติการณ์หลังวิกฤตฟองสบู่
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรม การผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดขายของบริษัทในงานมหกรรมบ้านฯถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ระดับ 100 ล้านบาท โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจมากสุดคือ โครง การคอนโดมิเนียมศุภาลัย ริเวอร์เพลส และโครงการศุภาลัย คาซ่า ริว่า ขณะที่บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์นั้นได้รับการตอบรับค่อนข้างน้อย ซึ่งทำเลที่ขายดีคือกิ่งแก้วและบางใหญ่
"ตลอด 4 วันของการจัดงานมีคนเข้าไปที่บูทเพื่อสอบถามข้อมูลรายละเอียดโครงการเยอะมาก เฉพาะบูทศุภาลัยมีไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นราย แสดงว่าความเชื่อมั่นที่จะซื้อบ้านเริ่มกลับมาแล้ว เพราะปัจจัยลบเริ่มคลี่คลายแล้ว" นายอธิปกล่าว
นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ผู้เข้าชมจะหายไป 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยอดขายรวมของบริษัทภายในงานกลับทะลุเป้า โดยมียอดขาย 325 ล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมทั้งหมด 100% ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ได้ไม่นาน ในทำเลใกล้รถไฟฟ้า
"เทรนด์ตลาดตอนนี้คอนโดฯราคา 2-3 ล้านมาแรงมาก เมื่อเทียบกับที่อยู่อาศัยแบบอื่น เพราะตลาดยังมีความต้องการค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนรายย่อย" นายกิติศักดิ์กล่าวและว่า
ความต้องการสินค้าประเภทคอนโดฯที่เพิ่มมากขึ้นอาจส่งผลให้ราคาขายในปี 2550 ปรับเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 4-5% ซึ่งจะขึ้นราคายูนิตละประมาณ 1 แสนบาท ทั้งนี้ถือเป็นการปรับราคาขายตามภาวะต้นทุนที่ดิน
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหา ชน) กล่าวเสริมว่า มู้ดซื้อบ้านของผู้บริโภคใน ขณะนี้อยู่ในระดับที่ดี กำลังซื้อไม่เกิดความลังเลหรือหยุดการซื้อที่อยู่อาศัยเหมือนช่วงที่การเมืองอึมครึม
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 09-10-2549
|
|
|
|
|