Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
โปรเจ็กต์เวิร์กอัดฉีดเงินให้ไม่อั้น "ธอส."ปลดล็อกสินเชื่อจัดสรรโนเนม |
|
ผู้ประกอบการจัดสรรรายเล็กรุมจีบตรึม หลังได้ที่พึ่งใหม่ รักษาการเอ็มดี ธอส. "ฉัตรชัย วีระเมธีกุล" ปลดล็อกสินเชื่อโครงการ สั่งเดินหน้าปล่อยกู้โปรเจ็กต์ที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องทาง การเงิน และถูกแบงก์พาณิชย์ปฏิเสธให้กู้ เปิดช่อง 2 กลุ่มหลัก ทั้งลูกหนี้ บสท.-บบส. และกลุ่มที่ยื่นขอเป็นกรณีทั่วไป ไม่มีอั้นวงเงินแต่ต้องรอลุ้นไฟเขียวจากบอร์ด
รายงานข่าวจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากที่นายฉัตรชัย วีระเมธีกุล กรรมการธนาคาร และรักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธอส.มีนโยบาย จะให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อในการพัฒนาโครง การ (project finance) แก่ผู้ประกอบการจัดสรร ภายใต้ข้อตกลงที่ทำไว้กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ตั้งแต่ปี 2546 ที่ผ่านมา และให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ต้องการไถ่ถอนโครงการจากสถาบันการเงินอื่น หรือต้องการงบประมาณและเงินทุนเสริมสภาพคล่องเพื่อพัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จ ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการติดต่อสอบถามเข้ามาจำนวนมาก โดยหลายบริษัทสนใจจะยื่นขอสินเชื่อจาก ธอส. อย่างไรก็ตาม จะได้รับสินเชื่อตามที่ต้องการหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการธนาคาร (บอร์ด) โดยในการพิจารณาจะใช้ข้อมูลหลายๆ ด้านประกอบ
ที่ผ่านมา ธอส.ให้สินเชื่อโครงการจัดสรรไม่มากนัก เน้นให้สินเชื่อลูกค้ารายย่อยซื้อบ้านมากกว่า สำหรับขั้นตอนในการยื่นขอสินเชื่อโครงการ ผู้ประกอบการจะต้องทำเรื่องโดยระบุรายละเอียดโครงการ วงเงินที่จะขอสินยื่นผ่านฝ่ายสินเชื่อพัฒนาโครงการ จากนั้นฝ่ายสินเชื่อพัฒนาโครง การจะลงพื้นที่เพื่อประเมินราคาโครงการ ก่อนทำเรื่องเสนอบอร์ดพิจารณา โดยที่วงเงินที่จะได้รับ อนุมัติก็ขึ้นอยู่กับความเห็นของบอร์ด ส่วนผู้ ประกอบการที่จะยื่นขอสินเชื่อสามารถยื่นขอได้ทั้งโครงการที่ติดอยู่ใน บสท. และบรรษัทบริหารสิน ทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) และที่จะยื่นขอสินเชื่อด้วยตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายเล็ก หรือผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาขาดแหล่งเงินกู้พัฒนาโครงการได้โดยไม่สะดุด
นายประสงค์ เอาฬาร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เป็นเรื่องดีที่ ธอส.มีนโยบายให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการมากขึ้น และมั่นใจว่าน่าจะทำได้ดี เพราะมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในสินเชื่อลูกค้ารายย่อยอยู่แล้ว เพียงแต่เน้นลูกค้าระดับกลางและล่าง ที่ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยกู้ให นอกจากนี้ยังถือเป็นการขยายตลาด และทำให้มีรายได้ในจุดนี้มาเสริมทำให้มีรายได้มากขึ้น
ขณะที่นายฉัตรชัย วีระเมธีกุล กรรมการธนาคาร และรักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธอส. เปิดเผยว่า ธนาคารได้ลงนามสัญญาความร่วมมือสนับสนุนงบก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรรให้แล้วเสร็จ โดยร่วมกับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) และบริษัท สินสุข พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในการส่งเสริมการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้ประกอบการโครงการบ้านจัดสรรที่มีปัญหาเศรษฐกิจและขาดสภาพคล่อง ให้ดำเนินการโครงการได้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าในโครงการต่อไปได้
"การให้ความสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรรครั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ บสท.มาตั้งแต่ปี 2546 ในการสนับสนุนทางด้านการเงินให้แก่โครงการบ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้กับ บสท. เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง สามารถก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จ"
นายฉัตรชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมาธนาคารได้ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่โครงการบ้านจัดสรรไปแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท ทรัพย์ทอง จำกัด บริษัท อยุธยาวังทอง จำกัด และบริษัท อำนวยจิตต์ แอสเซท จำกัด และยังได้รับเป็นแหล่งเงินกู้ระยะยาวสำหรับลูกค้าในโครงการดังกล่าว เพื่อเพิ่มทางเลือกในการซื้อบ้านให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้น
อนึ่ง เงื่อนไขการปล่อยเงินกู้เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ธอส. มีดังนี้ คุณสมบัติของโครงการที่จะยื่นกู้ ต้องตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพ มหานครและปริมณฑล หรือในพื้นที่ทำการของสาขาหลักของธนาคาร ประเภทการกู้ ให้กู้เพื่อพัฒนาโครงการจัดสรรที่ดินพร้อมอาคาร ไม่ให้กู้เพื่อเพื่อจัดสรรที่ดินเปล่า
หรือบ้านพักตากอากาศวงเงินให้กู้ไม่จำกัด แต่ไม่เกิน 70% ของมูลค่าก่อสร้างอาคารและพัฒนาสาธารณูปโภค และอีก 30% ของมูลค่าที่ดินหรือให้กู้ 80% ของมูลค่าการก่อสร้างอาคาร และพัฒนาสาธารณูปโภครวมกัน โดยต้องนำที่ดินที่จะจัดทำโครง การมาจำนอง
ระยะเวลาให้กู้ เป็นลักษณะเงินกู้เบิกเกินบัญชี ต้องทำสัญญาปี/ปี ค่าใช้จ่ายในการกู้มี ค่าธรรมเนียมการวิเคราะห์โครงการ ขอกู้ไม่เกิน 30 ล้านบาท 0.25% แต่ไม่เกิน 10,000 บาท กู้เกิน 30 ล้านบาท 20,000 บาท ตรวจสอบผลการก่อสร้างครั้งละ 1,000 บาท ฯลฯ
โดยผู้กู้มีหน้าที่ที่จะต้องชำระดอกเบี้ยทุกๆ เดือน โดยคิดจากเงินต้นที่เบิกไป เมื่อเบิกใช้วงเงินกู้เบิกเกินบัญชีครบแล้วนอกจากผู้กู้จะต้องมีหน้าที่ชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือนแล้ว ยังต้องจัดให้มีการปลอดจำนองหลักประกันที่ได้ยื่นขอจัดสรรเป็นแปลงๆ และต้องนำเงินค่าปลอดจำนองมาชำระหนี้คืนแก่ธนาคารทุกครั้ง
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 18-19-2549
|
|
|
|
|