Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
วัดอุณหภูมิ ตลาดคอนโดฯ ไซซ์เล็กโดนใจ "คนรุ่นใหม่" |
|
แม้จะมีความกังวลว่าตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะเกิดภาวะปริมาณล้นตลาดหรือไม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ผลสำรวจล่าสุดของ "โจนส์ แลง ลาซาลล์" พบว่าเวลานี้ตลาดคอนโดฯสามารถปรับตัวได้ค่อนข้างเร็ว และการก่อสร้างและการซื้อขายยังคงมีต่อเนื่อง โดยปริมาณยูนิตในโครงการที่เปิดตัวใหม่มีความสมดุลที่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับยอดการขายยูนิตใหม่
นายแดน ตันติสุนทร หัวหน้าฝ่ายวิจัย ของโจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่า แม้แนวโน้มเศรษฐ กิจจะชะลอตัวลง และยังคงมีการเปิดตัวโครงการคอนโดฯใหม่ๆ เข้ามาในตลาด แต่สภาพโดยทั่วไปในตลาดคอนโดฯ กทม.ในช่วงครึ่งแรกของปียังอยู่ในภาวะที่ดี เนื่องจากความต้องการในตลาดยังขยายตัวรองรับคอนโดฯที่เปิดโครงการใหม่ได้
สภาพเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงจากผลกระทบของภาวะวิกฤตราคาน้ำมัน และความไม่แน่นอนทาง การเมือง ทำให้ผู้พัฒนาโครงการเริ่มหันไปพัฒนาโครงการราคาระดับปานกลางมากขึ้น แทนการพัฒนาโครงการระดับหรู
"โครงการคอนโดฯราคาระดับกลาง ซึ่งเสนอขายยูนิตขนาดสตูดิโอ และหนึ่งห้องนอน มียอดการขายที่ดี โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาววัยทำงาน ซึ่งนับเป็นฐานลูกค้าที่มีขนาดใหญ่กว่า เมื่อเทียบกับตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน"
อย่างไรก็ตาม พบว่าโครงการคอนโดฯระดับหรูที่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นดี สามารถเข้าถึงรถไฟฟ้าบีทีเอส หรือรถไฟฟ้าใต้ดินได้สะดวก ยังมีผลประกอบการที่ดี โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่มีทั้งชาวไทยที่มีฐานะและชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อไว้เพื่อเป็นการลงทุน
รายงานของ โจนส์ แลง ลาซาลล์ ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกมีโครงการคอนโดฯสร้างเสร็จใหม่เพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 20 โครงการ ในเขตกรุงเทพฯชั้นใน คิดเป็นจำนวนยูนิตรวม 2,340 ยูนิต ส่วนในช่วงครึ่งหลังของปี จะมี 21 โครงการ ที่มีกำหนดก่อสร้างเสร็จ คิดเป็นจำนวนยูนิต 2,980 ยูนิต
ซึ่งจะทำให้ยอดคอนโดฯที่สร้างเสร็จทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 52,880 ยูนิต ณ สิ้นปี โดยโครงการที่สร้างเสร็จในปีนี้ส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับหรูที่เปิดตัวไปในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ โครงการที่สร้างเสร็จแล้วทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาดมียอดขายเฉลี่ยสูงเกือบ 100%
ส่วนโครงการที่เปิดตัวในตลาด (อาจเริ่มการก่อสร้างแล้วและยังไม่เริ่มก่อสร้าง) เฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มี 14 โครงการ คิดเป็นจำนวนยูนิตรวม 5,300 ยูนิต สูงกว่าปี 2548 ทั้งปี ที่มียอดจำนวนยูนิตในโครงการเปิดตัวใหม่รวมทั้งสิ้น 4,530 หน่วย แต่พบว่าโครงการที่เปิดตัวใหม่สามารถขายได้ดี โดยยอดการขายล่วงหน้าในโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ และที่ยังไม่เริ่มการก่อสร้าง มีอัตราเฉลี่ย 76% ทำให้มีจำนวนยูนิตเหลือขายทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯชั้นในรวม 4,410 ยูนิต ซึ่งนับรวมทั้งโครงการที่สร้างเสร็จ และโครงการที่เปิดการขายก่อนการก่อสร้างแล้วเสร็จ
โครงการที่เปิดตัวใหม่ส่วนใหญ่เป็นโครงการราคาระดับกลาง ขนาดสตูดิโอถึงหนึ่งห้องนอน จับกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นรุ่นใหม่วัยทำงาน ซึ่งมีงบประมาณไม่สูงมาก และต้องการใช้ชีวิตอยู่ใน คอนโดฯย่านใจกลางเมือง ซึ่งความต้องการของ ผู้ซื้อกลุ่มนี้ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ โดยสุขุมวิทยังคงเป็นทำเลที่มีการขึ้นโครงการคอนโดฯใหม่มากที่สุด โดย 35.4% ของจำนวนยูนิตในโครงการที่เปิดตัวใหม่ทั้งหมด
สำหรับตลาดคอนโดฯระดับหรู ผู้พัฒนาหลักๆ ยังคงเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างนักลงทุนไทยและสิงคโปร์ โดยในช่วงครึ่งปีแรกโครงการระดับบนที่เปิดตัวใหม่ ได้แก่ Millennium Residence@ Sukhumvit ตึก 1 และ 2 ของทีซีซี แคปปิตอล แลนด์ และดิเอ็มโพริโอ เพลส ของมิสเตอร์สุขุมวิท ทำให้จำนวนโครงการระดับบนที่เปิดขายในขณะนี้มีทั้งสิ้น 13 โครงการ รวม 2,860 ยูนิต
ราคาขายโดยเฉลี่ยปรับขึ้น 7% จากช่วงครึ่งปีแรกมาอยู่ที่ 77,170 บาท/ตารางเมตร เนื่องจากต้นทุนค่าก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้โครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีความต้องการซื้อสูง ได้แก่ พญาไท เพลินจิต และหลังสวน มีการปรับตัวของราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ยโดยรวม คือสูงถึง 16.4% ไปอยู่ที่ตารางเมตรละ 78,890 บาท ขณะที่ทำเลในย่านพหลโยธิน พบว่าราคาเฉลี่ยปรับตัวลดลงเล็กน้อย
สำหรับแนวโน้มตลาดคอนโดฯในช่วงจากนี้ไป หากเศรษฐกิจชะลอตัวลงอีก ผู้ซื้อจะระมัดระวังในการตัดสินใจซื้อมากขึ้น จึงเป็นไปได้ว่าผู้พัฒนาโครงการจะเร่งการขายมากขึ้น ด้วยการเสนอส่วนลดและโปรโมชั่นอื่นๆ อาทิ การแถมเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น ขณะที่โครงการที่จะเปิดตัวขึ้นใหม่ จะมีสไตล์มากขึ้น ส่วนใหญ่จะเสนอห้องชุดสตูดิโอ และห้องขนาดหนึ่งห้องนอน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้ซื้อกลุ่มที่ต้องการอยู่อาศัยในย่านใจกลางเมือง และสามารถเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนสาธารณะได้ง่าย
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 11-09-2549
|
|
|
|
|