| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 49 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 31-08-2549    อ่าน 12213
 อารีศักดิ์ เสถียรภาพอยุทธ์ "อยากเห็นลูกค้าซื้อบ้านแล้วแฮปปี้"

ถนนสายอสังหาริมทรัพย์ยังเปิดกว้างรับนักธุรกิจนักลงทุนทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า แต่ยิ่งนานวันเข้าโอกาสแจ้งเกิดของมือสมัครเล่นก็ยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ มีเพียงมืออาชีพเท่านั้นที่จะฟันฝ่าอุปสรรคสู่ฝั่งฝันได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ปัจจัยลบสารพัดรุมเร้าอย่างเวลานี้

ชื่อ "บริษัท ธนาสิริ บ้านและสวน จำกัด" แม้หลายคนไม่คุ้นหู แต่ผลงานและประสบการณ์จากที่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาฯมาเกือบ 30 ปี จากรุ่นพ่อมาสู่รุ่นลูก น่าจะการันตีว่าเป็นของจริงได้เป็นอย่างดี ในฐานะผู้รับไม้ต่อธุรกิจพัฒนาที่ดินของครอบครัว "อารีศักดิ์ เสถียรภาพอยุทธ์" มุ่งมั่นที่จะเดินบนถนนสายนี้อย่างมืออาชีพ และ นี่คือบางส่วนของแง่คิดมุมมองบางส่วนของเลือดใหม่วงการอสังหาริมทรัพย์อีกคนหนึ่ง

- ทราบว่าอยู่ในธุรกิจนี้มานานแล้ว

ใช่ครับ...เราอยู่ในวงการพัฒนาที่ดินมาตั้งแต่ประมาณปี 2523-2524 เห็นจะได้ จากฐานธุรกิจเดิมเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง แต่ละโครงการที่ทำเป็นขนาดเล็กขนาดกลางเป็นส่วนใหญ่ มีทั้งทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ บ้านเดี่ยว ทำเลหลักๆ ก็เป็นย่านเพชรเกษม ปิ่นเกล้า ตลิ่งชัน พหลโยธิน ใช้ชื่อบริษัทหลายชื่อ อย่างเช่น ประสิทธิ์ปิ่นเกล้า, นิเวศน์การเคหะฯ เป็นต้น โดยเฉพาะพหลโยธิน และปิ่นเกล้า เราชำนาญพื้นที่เป็นพิเศษ แถวเพชรเกษมก็มีเยอะ ทุกโครงการคุณพ่อเป็นผู้บุกเบิกและบริหารจัดการทั้งหมด

- ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหยุดไประยะหนึ่ง

หลังคุณพ่อเสียชีวิตประมาณปี 2537 เศรษฐกิจเริ่มมีปัญหา และต่อมาก็เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเราเลยชะลอพัฒนาโครงการทั้งหมด เพิ่งจะกลับเข้ามาลงทุนใหม่ประมาณปี 2543 เพราะเห็นว่าตลาดอสังหาฯเริ่มฟื้นตัวแล้ว บังเอิญปรับโครงสร้างหนี้ที่มีอยู่กับสถาบันการเงินเสร็จเรียบร้อยด้วย เลยตัดสินใจลงทุนใหม่ เพราะช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเรามีหนี้อยู่ประมาณ 30-40 ล้านบาท ก็อยากเคลียร์ให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนจะกลับมา

- ยังมีแลนด์แบงก์เหลืออยู่อีกเยอะ

ก็ยังมีอยู่อีกพอสมควร ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล อย่างโซนตลิ่งชันมีประมาณ 30-40 ไร่ บางกรวยประมาณ 10 ไร่ นอกนั้นมีที่ภูเก็ตอีกประมาณ 110 ไร่ ตอนแรกเราจะตัดที่ดินขายบางส่วนเพื่อชำระหนี้ แต่เมื่อตัดสินใจทำธุรกิจนี้ต่อก็ไม่ขายออกไป โดยช่วงกลับมาเรารวมทีมกันใหม่ ทั้งทีมผู้บริหาร ทีมผู้รับเหมา ส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มเดิมที่เป็นพันธมิตรกันมานาน และเคยร่วมทุนกันมาก่อน

- จะลงทุนทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด

ณ วันนี้ คงยึดฐานธุรกิจที่กรุงเทพฯเป็นหลักก่อน เพราะตลาดยังไปได้ดี และคิดว่าเราสามารถแข่งขันได้ ส่วนที่ดินที่ภูเก็ตยังไม่มีแผนจะพัฒนา แต่จะมองหาช่องทาง และรอดูจังหวะที่เหมาะสม จริงๆ แล้วที่ดินที่ภูเก็ตมีคนติดต่อขอซื้อเหมือนกัน แต่เราคิดว่าการซอยเป็นแปลงย่อยขายไม่น่าจะคุ้ม เพราะก่อนหน้านี้ก็ตัดขายไปบ้างแล้ว จากเดิมมีอยู่ทั้งหมด 150 ไร่

- กำลังจะเปิดตัวโครงการใหม่หลายโครงการ

ที่เตรียมๆ ไว้ก็ประมาณ 4 โครงการ มีทำเลถนนตัดใหม่พระรามที่ 5 ที่ข้ามมาจากถนนนนทบุรี อีกโครงการจะอยู่แถวๆ วัดบางกร่าง ถนนสุขาภิบาล ย่านเมืองนนท์ ใกล้ๆ กับจุดที่จะมีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ แปลงนั้นเรามีที่ดินอยู่ขนาด 10 กว่าไร่ ที่มองๆ ไว้จะพัฒนาเป็นโครงการบ้านแฝด

อีก 2 โครงการ โครงการแรกอยู่ในซอยวัดไผ่เหลือง ถนนรัตนาธิเบศร์ จะเป็นทาวน์เฮาส์ หน้ากว้าง 5 เมตร ทั้งโครงการมีประมาณ 200 กว่ายูนิต ส่วนโครงการสุดท้ายอยู่ในทำเลราชพฤกษ์ จะพัฒนาบ้านเดี่ยวบนที่ดิน 50 ไร่ จะเปิดตัวประมาณปี 2550

- ตอนนี้ลงมือพัฒนาแล้ว

2 โครงการแรกจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ คือ โครงการในซอยวัดไผ่เหลือง จุดนั้นเรามีที่ดินอยู่ประมาณ 30 ไร่ และกำลังขยายที่เพิ่ม จะแบ่งพัฒนาเป็น 3 ส่วน จะเรียก 3 โครงการก็ได้ มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางเป็นหลัก สำหรับทาวน์เฮาส์รูปแบบจะดีไซน์ให้แตกต่างไปจากรูปแบบเดิมๆ ราคาขายน่าจะอยู่ในระดับประมาณ 1.4-1.5 ล้านบาท ทำเลสุขาภิบาล ทำเลเมืองนนท์ ที่จะทำบ้านแฝด ก็อยู่ระหว่างเตรียมการ จะเปิดตัวปีนี้เช่นเดียวกัน แต่เรื่องราคากำลังพิจารณากันอยู่

- จะใช้แบรนด์ไหนบ้าง

เราคิดว่าจะพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์หลัก 2 แบรนด์ แบรนด์แรกจะใช้ ไพรม์ เพลส สำหรับบ้านกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ส่วนบ้าน 3 ล้านบาทขึ้นไปจะใช้แบรนด์ธนาสิริ

- คอนเซ็ปต์โครงการแต่ละโครงการเป็นอย่างไร

เราจะเน้นบรรยากาศมากกว่า พูดง่ายๆ โครงการในระดับราคาเท่าๆ กันหรือใกล้เคียงกันส่วนใหญ่จะไม่เน้นบรรยากาศ แต่เราจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้ นอกนั้นจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ อย่างครบครันด้วย เช่น สโมสร สระว่ายน้ำ เป็นต้น

- แสดงว่ายึดหัวหาดเมืองนนท์

เพราะเราชำนาญพื้นที่แถบนี้ การหาซื้อที่ดินที่เหมาะสมจะนำมาพัฒนาโครงการเลยค่อนข้างง่าย นอกจากนั้นยังได้เปรียบคู่แข่งอีกด้วย เนื่องจากซื้อที่ดินได้ถูกกว่า

- วาง positon บริษัทไว้ในจุดไหน

ก็คงผันไปตามภาวะเศรษฐกิจ ไม่มีข้อจำกัดว่าจะต้องอยู่ตลาดกลางหรือล่าง จะให้มีสินค้าที่หลากหลาย ถ้าตลาดบ้านระดับล่างดีเราก็พัฒนาสินค้ารองรับความต้องการของลูกค้าระดับล่าง แต่ก็ต้องมองไปข้างหน้าด้วยว่าตลาดไหนมีแนวโน้มดีในอนาคต อย่างทำเลราชพฤกษ์เราเตรียมการไว้ก็เพราะมองว่าประมาณปี 2550-2551 ตลาดบ้านระดับพรีเมี่ยมจะกลับมาอีก

- การแข่งขันทำเลเมืองนนท์

ก็มีการแข่งขันกันมากขึ้น เพราะเมืองนนท์ พระรามที่ 5 รัตนาธิเบศร์ บางใหญ่ บางบัวทอง มีโครงการจัดสรรเยอะมาก แต่การแข่งขันส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยชัดเจน คือทุกคนทำทาวน์เฮาส์ก็เหมือนกันหมด แต่ของเราจะแตกต่างออกไป อย่างทาวน์เฮาส์ที่ทำจะมี 4 แบบ หรือ 4 หน้ากาก นอกจากนี้การวางผังก็จะจัดวางเป็นคลัสเตอร์ เป็นกลุ่มๆ ไป

- ตอนนี้พร้อมจะบุกตลาดเต็มที่

พยายามเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน เพราะถ้าไม่พร้อมเมื่อโอกาสมาถึงก็คงทำอะไรได้ลำบาก สำหรับแผนการลงทุนเท่าที่มองๆ กันไว้ คิดว่าจะเปิดตัวโครงการใหม่อย่างน้อยปีละประมาณ 3-4 โครงการ

- เป้าหมายในอนาคต

วันนี้เราเน้นองค์กรเป็นหลัก คิดว่าจะพัฒนาองค์กร พัฒนาบุคลากรที่มีอยู่ก่อน จะให้องค์กรมีความชัดเจน เพราะการจัดวางโครงสร้างบริษัทเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนด้านการพัฒนาโครงการจะเน้นในเรื่องคุณภาพ การให้บริการหลังการขาย การประกันลูกค้า อย่างการบริการหลังการขายเวลานี้เราก็มีบริการที่ไม่แตกต่างไปจากบริษัทใหญ่ๆ มีการรับประกันโครงสร้างของตัวบ้าน 5 ปี รับประกันส่วนอื่นๆ 1 ปี เป็นต้น

ที่สำคัญเราไม่ต้องการมาร์จิ้นมากเกินไป เพื่อให้กลุ่มลูกค้าระดับกลางสามารถซื้อบ้านเป็นของตนเองได้ เช่น โครงการธนาสิริ เราตั้งราคาบ้านเดี่ยวไว้ประมาณ 3 ล้านกว่าบาท ขณะที่โครงการอื่นๆ ตั้งราคาขาย 5 ล้านกว่าบาท เพราะเราอยากเห็นลูกค้าซื้อบ้านแล้วแฮปปี้ ส่วนการเข้าไปเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็มองๆ อยู่ แต่คิดว่าเป็นเรื่องของอนาคตมากกว่า

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 31-08-2549 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.