|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ERA กางโรดแมปบุกตลาด เพิ่มเครือข่าย-แตกไลน์ธุรกิจ ปั้นยอด 3 ปี 2 หมื่นล้าน |
|
ตลาดบ้านมือสองในเวลานี้ต่างกันลิบลับเมื่อเทียบกับในอดีต เนื่องจากปัจจุบันบ้านมือสองได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้น ขณะที่ภาครัฐก็ให้ความสำคัญและมีนโยบายชัดเจนที่จะสนับสนุนและผลักดันยกระดับบ้านมือสองให้ทัดเทียมบ้านใหม่ ด้วยการออกมาตรการลดภาษีและ ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายบ้านมือสอง ซึ่งส่งผลดีและสร้างความคึกคักให้กับตลาดบ้านมือสองได้ไม่น้อย
ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจแฟรนไชส์บ้านมือสองเป็นรายแรกในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2536 บริษัท อีอาร์เอ แฟรนไชส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ "ERA" ได้ฉวยจังหวะนี้พลิกกลยุทธ์เดินเกมธุรกิจในเชิงรุกอีกครั้งหนึ่ง หลังจาก ตกอยู่ในสภาพตั้งรับและปล่อยให้คู่แข่งที่มาทีหลังวิ่งแซงหน้า
"ที่ผ่านมา ERA ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ไม่ดีนัก เป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของบ่อย เริ่มจากกลุ่มจุลดิศขายหุ้นให้กับเอสซี แอสเสท จากนั้นเมื่อเอสซี แอสเสท ต้องการขายผมก็เข้าไปซื้อ ทำให้ไม่สามารถเดินไปตามโรดแมปที่วางไว้ได้ เปลี่ยนเจ้าของครั้งหนึ่งโรดแมปก็เปลี่ยนครั้งหนึ่ง แต่ผมอยู่ในองค์กรนี้ตลอด และพยายามพัฒนาระบบการขายบ้านมือสองอย่างต่อเนื่อง" วรเดช ศิวเตชานนท์ ประธานกรรมการบริหาร "อีอาร์เอ" กล่าว
อย่างไรก็ตาม การอยู่ภายใต้การบริหารจัดการขององค์กรใหญ่ก็มีข้อดี และทำให้ โบรกเกอร์บ้านมือสองอย่าง ERA แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เช่น ช่วงที่เป็นบริษัทในเครือจุลดิศ ผู้บริหารที่นั่นจะให้ความสำคัญในการเทรนนิ่ง บุคลากรมากๆ ขณะที่ค่ายเอสซี แอสเสท เน้นเรื่องการใช้ไอที และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ERA เลยมีจุดแข็งทั้งในเรื่องของการเทรนนิ่งบุคลากรและการใช้ไอที
หลังออกจากร่มชายคาเอสซี แอสเสท และสามารถกำหนดบทบาททิศทางขององค์กรได้เบ็ดเสร็จ ล่าสุด "วรเดช" หันมาใช้กลยุทธ์เชิงรุกบุกตลาดบ้านมือสองอีกครั้ง ด้วยการชูระบบแฟรนไชส์บ้านมือสองรูปแบบใหม่ ซึ่งถือเป็นระบบที่ 3 นับจากที่ได้แจ้งเกิดแฟรนไชส์ ERA ในตลาดเมื่อ 13 ปีก่อน
"referral franchise" หรือ "RF" หรือ "แฟรนไชส์แนะนำลูกค้า" คือระบบที่ว่านี้ รูปแบบจะเป็นระบบแฟรนไชส์ที่เปิดโอกาสในการสร้างรายได้อย่างไร ขีดจำกัด ให้กับคน ทุกคนที่สนใจจะเข้าสู่ธุรกิจบ้านมือสอง แต่ไม่ต้องการจะดำเนินธุรกิจด้วยตนเอง ทั้งในรูปแฟรนไชส์นิติบุคคล หรือแฟรนไชส์รายบุคคล เนื่องจากมีงานประจำทำอยู่แล้ว หรือประกอบธุรกิจอื่นแต่สนใจจะทำธุรกิจบ้านมือสอง
"วรเดช" บอกว่า ERA พัฒนาระบบนี้ขึ้นมาก็เพื่อส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายบ้านมือสองในตลาดมากขึ้น เป็นการกระจายรายได้ฟ และให้เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่สนใจ เพราะจากการสำรวจและจัดเก็บข้อมูลระบบ "RF" มาเป็นเวลาหลายปี
พบว่าการซื้อขายบ้านมือสองโดยการแนะนำของลูกค้ามีอัตราการเติบโต มากกว่า 100% 3 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2547-2549 จึงพัฒนาระบบนี้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้เป็นเครือข่ายที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
โดยผู้สนใจสามารถสมัครเป็นตัวแทน "RF" กับ ERA จากนั้นเมื่อมีผู้สนใจซื้อบ้านมือสองก็ส่งข้อมูลแนะนำลูกค้าด้วยวิธีง่ายๆ 4 วิธี คือ ส่งไปรษณีย์ลงทะเบียน ส่งอีเมล์ แฟกซ์ และส่งข้อความแบบ SMS เมื่อศูนย์ข้อมูลได้รับข้อมูลดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ก็จะติดต่อเพื่อรับฝากขายบ้านจากลูกค้า เมื่อมีการปิดการขายทรัพย์ที่ "RF" ส่งเข้าศูนย์แล้ว ศูนย์ข้อมูลก็จะส่งค่า referral ให้ภายใน 15 วันนับจากวันที่ ERA ได้รับค่าคอมมิสชั่นจากผู้ฝากขาย
ระบบใหม่นี้ "วรเดช" ตั้งเป้าว่าจะมีตัวแทนอย่างน้อย 5,000 คนใน 3 ปี หากเป็นไปตามแผนที่วางไว้จะทำให้ ERA มีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 1,500 ล้านบาท สำหรับค่าตอบแทน "RF" จะอยู่ที่ 10% ของค่าคอมมิสชั่นในการขาย ส่วนค่าใช้จ่ายที่ "RF" ต้องจ่ายมีค่าสมาชิก 2 ปี 1,500 บาท
รวมแล้วเวลานี้ ERA มีระบบแฟรนไชส์ให้ผู้ที่สนใจเลือกถึง 3 ระบบ คือ แฟรนไชส์นิติบุคคล (corporate franchise-CF) ที่สมาชิกประกอบธุรกิจบ้านมือสองในรูปบริษัท ปัจจุบันมี 45 สาขาทั่วประเทศ แฟรนไชส์รายบุคคล (individual franchise-IF) ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 1,000 ราย มีรายได้จากยอดขายปีละ 500 ล้านบาท และแฟรนไชส์แนะนำลูกค้า หรือ RF ซึ่งเป็นรูปแบบล่าสุด
โดยที่ ERA ยังคงยึดมั่นกับวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์บ้านมือสอง ด้วยการให้ความสำคัญกับเครือข่ายการซื้อและการขาย รวมทั้งการเช่าอสังหาริมทรัพยขนาดใหญ่ โดยให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและตัวแทนขายสูงสุด
สมาชิกของ ERA จึงมั่นใจได้ว่าจะมีเครื่องมือทางการตลาด และการฝึกอบรม ที่ดีที่สุด และลูกค้าก็สามารถให้ความไว้วางใจในการบริการที่ซื่อสัตย์ และมีประสิทธิภาพสูงสุด สมกับสโลแกนที่ว่า "เพื่อนสนิท เมื่อคุณคิดซื้อ-ขายบ้าน"
ขณะเดียวกันเพื่อสร้างแรงจูงใจ ในการเพิ่มเครือข่ายธุรกิจบ้านมือสอง ERA ได้กำหนดแนวทางในการดำเนินการดังนี้ 1.สร้างระบบรองรับธุรกิจให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน 2.กำหนดค่าตอบแทนที่ชัดเจน และ 3.ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในระบบสมาชิก
และแทนที่จะมุ่งไปที่ผู้ขายเพียงอย่างเดียวเหมือนอดีต ก็จะเข้าหาทั้งผู้ขายและ ผู้ซื้อ นอกจากนี้ยังมีทีมงานขายของบริษัท อีอาร์เอ พร็อพเพอร์ตี้ เน็ทเวิร์ค จำกัด รับบริหารงานขายโครงการ สร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง โดยปัจจุบันมีโครงการที่รับบริหารอยู่ 2-3 โครงการ
เพราะมองว่าด้วยระบบโนว์ฮาวและเทคโนโลยีที่มีอยู่ ERA น่าจะสามารถขยายเครือข่ายสมาชิกได้อีกมากในอนาคต ถือเป็นการก้าวเดินตามโรดแมปที่วางไว้ว่าภายใน 3 ปีจะสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 2 หมื่นล้านบาท
"ผมและทีมผู้บริหารชุดนี้จะไม่มองเหมือนผู้บริหารชุดก่อนๆ ที่สถานการณ์ไม่ดีก็ลดเป้า เราจะมองอีกด้านของเหรียญ จะคงเป้าไว้ สำหรับปีนี้ ERA ตั้งเป้ายอดขายไว้ 4.5 พันล้านบาท จริงๆ ได้แค่ 80% ของเป้าก็น่าพอใจ ส่วนยอดขายครึ่งปีแรกได้ 1,625 ล้านบาท ซึ่งไม่น่าห่วง เพราะไตรมาสที่ 3 และที่ 4 เป็นช่วงฤดูขายของตลาดบ้านทั้งระบบ"
ถึงวันนี้ "วรเดช" มีความมั่นใจในความแข็งแกร่งขององค์กรและทีมขายมากขึ้น จึงตัดสินใจจะขยายไลน์ธุรกิจเพิ่มเติม ที่มองๆ ไว้คือ เซอร์วิสบิสซิเนสเกี่ยวกับโฮมโซลูชั่น เกี่ยวกับระบบไอที ระบบรักษาความปลอดภัย ครอบคลุมการให้บริการทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตมีความสุข และเป็นธุรกิจที่ไร้ขอบเขต ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการจัดตั้งบริษัท
เป้าหมายเพื่อดันรายได้ของกลุ่ม ERA ให้เพิ่มขึ้นถึงเป้าที่กำหนดไว้ในโรดแมป
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 31-08-2549
|
|
|
|
|
