|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| สัมผัสใจ สัมผัสฝีมือ โอภาส ศรีพยัคฆ์ "LPN ทำจริง ไม่ฉาบฉวย ไม่สร้างภาพ" |
|
ด้วยบุคลิกเย็นๆ แบบผู้ชายใจดี และเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ตั้งใจ-ทุ่มเทกับการทำงานหนักมานาน
คณะผู้บริหารใน บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จึงเทเสียงโหวตให้คนหนุ่มรุ่นใหม่ "โอภาส ศรีพยัคฆ์" ขึ้นรับตำแหน่ง "กรรมการผู้จัดการ" เต็มตัว แทน บิ๊กบอส "ทิฆัมพร เปล่งศรีสุข" ที่ขยับตัวเองขึ้นไปเป็นซีอีโอของกลุ่มด้วยความภาคภูมิใจ
นับเป็นก้าวย่างที่ท้าทาย และเป็นโอกาสให้เขาได้ใช้ความสามารถและความตั้งใจอย่างเต็มที่ ภายใต้สถานการณ์การแข่งขันที่คู่แข่งมาเคาะประตูถึงหน้าโครงการ
ผู้นำทัพคนใหม่จะใช้ "กลยุทธ์" รุกและรับอย่างไร ต้องฟังเขาอธิบาย ผ่านบทสนทนากับ "ประชาชาติธุรกิจ" ฉบับนี้
- ตลาดคอนโดฯ (ในเมือง) แข่งกันมาก
(เงียบพักหนึ่ง) เรามองและคิดไว้มานานแล้วว่า ซักวันหนึ่งเราจะต้องเจอการแข่งขันแบบนี้ แบบที่ทุกคนหันมาเล่นกับตลาดคอนโดมิเนียมราคาล้านกว่าบาทเหมือนกันหมด
ซึ่งไม่ต่างกับ 3-4 ปีที่แล้ว ที่ทุกค่ายหันไปทำบ้านขายราคา 5-10 ล้านบาท ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวหรูหน่อยก็ 30 ล้านบาทอัพ แต่ถ้ามองแล้วกลุ่มลูกค้าที่ซื้อราคานี้มีไม่มาก เป็นตลาดเฉพาะกลุ่มมากกว่า
- ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
อสังหาฯเป็นตลาดเสรีอยู่แล้ว ใครจะทำตลาดแบบไหนก็ได้ ขึ้นอยู่กับโพลิซีและโพซิชันนิ่ง
อย่าง แอล.พี. เอ็น.ฯวางเป้าหมายชัดเจนในการจับตลาดระดับ "ปานกลาง" เป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวที่มีรายได้ 30,000-50,000 บาท เพราะเป็นฐานลูกค้าใหญ่และมีความต้องการจะซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองมากที่สุด
โดย 50% ของจำนวนประชากรในประเทศ หรือในเขตกรุงเทพฯเอง ก็คือตลาดกลุ่มนี้ เมื่อเรามั่นใจเราก็เดินมาทางนี้ จนวันหนึ่งตลาดตอบรับเรามากๆ ก็ยิ่งทำให้เราต้องลงลึกและศึกษาแบบละเอียดๆ เลยว่า "ลูกค้าต้องการอะไรมากที่สุด คือเอาใจเขามาใส่ใจเรา"
ก็คงต้องย้อนกลับไปที่คำถาม ผลกระทบต้องมีแน่ แต่เราจะได้ทำการบ้านที่ตอบโจทย์ได้ตรงจุดมากขึ้นในฐานะ "ผู้มาก่อน" และเราก็ไม่เคยประมาทคู่แข่งหรือแม้กระทั่งประมาทตัวเราเอง
- ทำให้ แอล.พี.เอ็น.ฯเป็นเจ้าพ่อตลาดคอนโดฯ
เจ้าพ่อเลยหรือ (หัวเราะ) ผมมองว่าเราชำนาญมากกว่า ที่ผ่านมากลุ่มเราสร้างคอนโดฯขายไปแล้วประมาณ 10,000 ยูนิตได้ถือเป็นวอลุ่มที่เยอะ เป็นกลุ่มเดียวที่มีความชัดเจนมาก ขณะที่มีลูกค้าที่ดูแลอยู่มากกว่า 20,000 ราย ดังนั้นการบริหารและดูแลอาคารชุด ถือว่าเราใช่เลย เป็นจุดแข็งด้วยซ้ำ
พูดถึงสินค้าในมือมีประมาณ 40 ตึก ส่วนใหญ่สร้างเสร็จแล้ว เข้าอยู่แล้ว ที่อยู่ระหว่างดำเนินการก็มี 4 โครงการ แถวรัชดา-ท่าพระ พระรามที่ 3 ฯลฯ
- หลักๆ เจาะตลาดราคาล้านกว่า
คอนเซ็ปต์เราจะทำคอนโดฯใจกลางเมือง แต่ไม่ได้หมายถึงคอนโดฯซีบีดี แถวสีสม สาทรนะครับ ของเราจะขยับออกมาอีกนิดแต่อยู่ใกล้เมือง ใกล้รถไฟฟ้า เช่น สาทรตัดใหม่ พระรามที่ 3 รัชดา-ท่าพระ ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็นชุมชนที่พร้อม
เพราะเราสามารถควบคุมต้นทุนได้ และตั้งราคาขายให้กับกลุ่มคนระดับปานกลางได้ คืออยู่กับความจริงมากกว่า ขนาดห้องชุดก็ 30 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาประมาณล้านบาทต้นๆ
ส่วนราคา 6 แสนกว่าบาท จะเป็นคอนโดฯย่านบางกะปิ ที่สร้างยอดขายได้มากๆ ตอนนี้ถือว่าไม่ไกลแล้ว เป็นเซ็นเตอร์ที่ใหญ่มาก เราพยายามจะนำคอนเซ็ปต์นี้มาใช้กับการบุกตลาดคอนโดฯระดับราคานี้ในทำเลอื่นๆ ตามภาวะเศรษฐกิจยุคซึมๆ เป็นอีกช่องว่างหนึ่งที่น่าจะได้ดี
- กลุ่มลูกค้ามาจากไหน
จากผลสำรวจตลาด ลูกค้าที่มาซื้อ แอล.พี.เอ็น.ฯ กลุ่มแรกจะเป็นคนในย่านนั้นๆ ที่คิดจะขยายครอบครัว หรือไม่ก็เป็นพ่อแม่ที่ซื้อเตรียมให้ลูกๆ เมื่อโตขึ้น กลุ่มสองเป็นพวกมีกิจการเป็นของตัวเอง อายุ 25-40 ปี ที่เยอะสุดจะเป็นกลุ่มคนอายุ 30-35 ปีซึ่งเป็นวัยกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว
การรับรู้ข่าวสารของลูกค้าก็มาจากการสร้างแบรนด์อิมเมจจากทุกๆ โครงการที่เปิดตัวไป เขาจะเชื่อถือในความเป็นแบรนด์ LPN ซึ่งมีสไตล์เป็นของตัวเอง คือมีบุคลิก "ทำจริง ไม่ฉาบฉวย ไม่สร้างภาพ" ออกในแนวๆ ปฏิบัติเสียมากกว่า คือพูดน้อยแต่ทำมาก แล้วต้องทำให้ดีด้วย
- พูดถึงจุดแข็งของ LPN
ชัดๆ เลยคือเรื่องโปรดักต์ (สินค้า) เรามีจุดขายคือ LPN design เรียกว่า "จิ๋วแต่แจ๋ว" ทุกห้องชุดของ LPN จะเป็น full function นั่นหมายถึงว่า ลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อคอนโดฯเราจะได้อยู่ในห้องชุดที่สมบูรณ์แบบและคุ้มค่าที่สุดในทุกๆ ตารางนิ้วของพื้นที่ใช้สอย เพราะการออกแบบภายในเป็นเรื่องสำคัญมากของการอยู่คอนโดฯ LPN จึงสวยมาจากข้างใน
- อยากให้ยกเป็นรูปธรรม
เช่น ห้องครัวของเราจะเป็นห้องครัวจริงๆ และมีประตูเปิดปิด คือเราจะพลิกดีไซน์มีแบบที่ลงตัวที่สุด แม้จะเป็นห้องชุดเล็กๆ แต่การใช้ประโยชน์ครบ และสวยงามพอดีๆ ไม่มีพื้นที่ตรงไหนสูญเปล่าด้อยค่าเลย ลูกค้าที่จ่ายเงินแล้ว อยู่แล้วจะแฮปปี้มากๆ
ต่างจากโครงการอื่นที่ห้องครัวก็คือห้องอาหารธรรมดา มีแค่ที่วางเตาไมโครเวฟแล้วก็จบ ซึ่งเราไม่ใช่ พูดถึงตรงนี้แล้วก็ต้องเรียนว่าแนวคิดนี้ LPN เป็นผู้เริ่มต้น
- คู่แข่งเลยปรับเอาจุดนี้มาใช้ด้วย
ไม่รู้จะเรียกว่าก๊อบปี้ได้รึเปล่า แต่เราอาจดีใจด้วยซ้ำไปที่คู่แข่งเขาลอกไอเดียเราไปใช้ อย่างน้อยผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ ถือเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับตลาดคอนโดฯ
- การเลือกใช้สีของโครงการจะเปลี่ยนมั้ย
ต้องเรียนว่า โทนสีของ LPN เป็นแนวไอเดนติตี้ คือมีลักษณะเฉพาะ ออกในแนวเอิร์ทโทน เช่น สีครีม เขียวอ่อน หรือไม่ก็น้ำตาลอ่อนๆ ซึ่งดูแล้วอบอุ่นและอยู่ได้นานในความรู้สึกของคน
ในวงการสถาปนิกมองว่า จะดีในระยะยาว ดูสวยงามตลอด แม้จะไม่หวือหวาแต่ก็ไม่น่าเบื่อ ความหวือหวาอาจมาแป๊บเดียว เดี๋ยวมันก็จากไป
- คาดว่าปีนี้จะโตอีกเท่าไหร่
พรีเซลทั้งหมดเราได้แล้ว 7,500-8,000 ล้าน growth (อัตราการเติบโต) เฉลี่ยปีละ 30% ปีนี้ตั้งเป้าว่าจะรับรู้รายได้ 5,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 6,500 ล้านบาทในปี 2550 และปี 2551 จะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกมียอดขายแล้ว 2,000 ล้านบาท
LPN ยึดความพอเพียงเป็นหลัก น้ำขึ้นแค่ไหนก็ไม่โลภมาก เอาแค่เราทำได้ แต่เมื่อเราโตมากๆ เราก็ต้องไม่หลงตัวเอง ไม่ลืมตัว
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 24-07-2549
|
|
|
|
|
