| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 331 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 17-07-2549    อ่าน 11391
 แบงก์จัดเกรดปล่อยสินเชื่อโครงการ ลอยแพรายเล็ก-คนซื้อบ้านโดนหางเลข

ลางร้ายดีเวลอปเปอร์รายเล็ก สถาบันการเงินผวาหนี้เอ็นพีแอลวางเกณฑ์คุมเข้มปล่อยสินเชื่อโปรเจ็กต์ มือไม่ถึงแถมไม่มีประสบการณ์หมดสิทธิ์เกิด มืออาชีพตีปีกนายแบงก์อุ้ม ลิสต์รายชื่อจัดเรตติ้งเป็นกลุ่ม A-B-C-D เสนอเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยพิเศษตามความน่าเชื่อถือ คนซื้อบ้านแจ็กพอตด้วย เลือกโครงการของระดับบิ๊กพัฒนาที่ดิน ได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าซื้อบ้านในโครงการโนเนม

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดสินเชื่อผู้บริโภค สายงานธุรกิจลูกค้าบุคคลและเครือข่ายบริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมทั้งปัญหาทางการเมือง และปัจจัยลบหลายด้าน ทำให้สถาบันการเงินส่วนใหญ่มองว่ามีความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหนี้เสีย ในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าโครงการจัดสรร และผู้ซื้อบ้านรายย่อย จึงเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่ออย่างมาก

นายชาติชายกล่าวว่า สาเหตุที่สถาบันการเงินส่วนใหญ่สนใจปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ หรือรายที่มีประสบการณ์ รวมทั้งชื่อเสียงและภาพลักษณ์ค่อนข้างดี เป็นเพราะมองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และความชำนาญเฉพาะ ไม่ใช่ใครต้องการเข้ามาก็สามารถพัฒนาโครงการหรือบริหารจัดการให้ประสบความสำเร็จได้

อย่างธนาคารกสิกรไทยมีรายชื่อผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินประมาณ 200-300 บริษัท ในจำนวนนี้จะมีการจัดเกรดตามคุณภาพของลูกค้า โดยพิจารณาจากคุณภาพโครงการ มาตรฐานโครง การ ผลงานในช่วงที่ผ่านมา ผลประกอบการ ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ ฯลฯ เป็นกลุ่ม A, B, C และ D เป็นต้น ในการให้สินเชื่อโครงการก็จะพิจารณาให้สินเชื่อแต่ละกลุ่มภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน เช่น กลุ่ม A ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ มีผลงานและประสบการณ์มานาน ได้รับความเชื่อถือ ชื่อเสียง และคุณภาพโครงการดี ฯลฯ จะได้รับอนุมัติสินเชื่อในเงื่อนไขที่ดีกว่ากลุ่มระดับรองๆ ลงไป

เช่น อาจได้รับอนุมัติสินเชื่อยอดวงเงินที่สูงกว่าผู้ประกอบการที่ถูกจัดให้อยู่ในเกรดที่ต่ำกว่า ระยะเวลาให้กู้มากกว่า หรืออัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำกว่า เนื่องจากธนาคารมองว่าเมื่อปล่อยสินเชื่อให้แล้ว โอกาสที่จะมีปัญหาหรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) มีน้อย

นายชาติชายกล่าวว่า ในส่วนของลูกค้ารายย่อยก็เช่นเดียวกัน ในการพิจารณาสินเชื่อนอกจากจะพิจารณาคุณสมบัติส่วนตัวของลูกค้าโดยเฉพาะรายได้ ความสามารถในการผ่อนชำระค่างวดบ้านรายเดือนแล้ว หากลูกค้าซื้อบ้านในโครงการจัด สรรของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีคุณภาพ หรือมีชื่อเสียงในกลุ่ม A ก็จะได้รับการเสนอเงื่อนไขที่พิเศษ หรือดีกว่ายื่นกู้ซื้อบ้านในโครงการที่เป็นของผู้ประกอบการกลุ่ม B, C และ D

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะจะเห็นว่านอกจากตัวหลักทรัพย์หรือตัวบ้านจะมีคุณภาพดีแล้ว ส่วนประกอบอื่นๆ อาทิ สภาพแวดล้อมโครงการ สาธารณูปโภค ความเป็นสังคมหรือชุมชน ฯลฯ ส่วนใหญ่ก็จะดีหรือมีความสมบูรณ์แบบกว่า ทำให้บ้านที่อยู่ในโครงการเหล่านี้มีมูลค่าเพิ่มมากกว่า ที่สำคัญผู้ประกอบการกลุ่มที่ถูกจัดเกรดไว้ในอันดับสูงๆ ส่วนใหญ่จะมีการกลั่นกรองคุณสมบัติลูกค้ามาแล้วชั้นหนึ่ง ทำให้ได้ลูกค้าซึ่งยื่นขอกู้มีคุณภาพ โอกาสที่จะเป็นหนี้เอ็นพีแอลมีน้อย สถาบันการเงินจึงมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

"แม้ตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีการแข่งขันกันหนัก แต่ภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ขณะนี้ทำให้สถาบันการเงินทุกแห่งหวั่นเกรงปัญหาหนี้เอ็นพีแอล จึงเข้มงวดการปล่อยกู้มากเป็นพิเศษ กล่าวได้ว่าเวลานี้การที่ลูกค้ายื่นกู้ซื้อบ้านเองหรือซื้อบ้านที่ไม่ได้อยู่ในโครงการจัดสรรจะกู้ยาก คนที่กู้ซื้อบ้านในโครงการเล็ก ก็จะกู้ยากกว่าซื้อบ้านในโครง การขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ"

นายชาติชายกล่าวว่า ในส่วนของคนซื้อบ้าน ข้อแตกต่างเกี่ยวกับเงื่อนไขให้กู้ที่สถาบันการเงินให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่มที่เห็นได้ชัดเจน เช่น ลูกค้าที่ยื่นขอกู้เอง หรือกู้ซื้อบ้านในโครงการขนาดเล็ก จะได้รับอัตราดอกเบี้ย MLR ในขณะที่ลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการขนาดใหญ่ ที่อยู่ในกลุ่ม A ได้อัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำกว่า คือ MLR -0.50% ต่อปี จนถึง MLR -0.75% ต่อปี ส่วนลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการที่มีคุณภาพหรือในกลุ่มรองๆ ลงไป ก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำรองๆ ลงไป เช่น MLR -0.25% ต่อปี เป็นต้น

ด้านแหล่งข่าวจากวงการสถาบันการเงินเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การจัดอันดับผู้ประกอบการสำหรับใช้ประกอบการพิจารณาในการให้สินเชื่อเป็นเรื่องที่สถาบันการเงินทุกแห่งยึดปฏิบัติ เพราะทำให้มีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหนี้เสีย โดยเฉพาะการให้สินเชื่อโครงการจะมีการพิจารณาเข้มงวดมาก นอกจากจะดูศักยภาพและความเป็นไปได้ของโครงการแล้ว ตัวผู้ประกอบการ ประสบการณ์และความชำนาญในการทำธุรกิจจะมีส่วนอย่างมากต่อการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน

"จุดนี้ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีชื่อเสียงได้เปรียบผู้ประกอบการรายเล็ก เพราะนอกจากจะได้รับอนุมัติสินเชื่อง่ายกว่าแล้ว ยังได้รับเงื่อนไขหรือข้อเสนอที่ดีกว่า ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าด้วย" แหล่งข่าวกล่าว

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 17-07-2549 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.