| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 60 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 03-07-2549    อ่าน 11806
 2 คม "ศาสตรายุทธ์" กูรูวางแผนกลยุทธ์ ปะทะ โหรฟันธง

วิตกวิจารณ์กันมาเป็นเวลานับปีถึงภาวะเศรษฐกิจคาบลูกคาบดอก สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน หลังจากประเมินภาวะครึ่งปีหลังยังน่าเป็นห่วง นำไปสู่การจัดสัมมนาครั้งที่ 3 ประจำปี 2549 ในหัวข้อ "ศาสตรายุทธ์" เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ภายใต้การนำของ "ศักดา โควิสุทธิ์" นายกสมาคมรับสร้างบ้าน โดยมี 2 วิทยากรรับเชิญ คือ “กูรูด้านการบริหารเชิงกลยุทธ์” รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ กับ "โหรลักษณ์ฟันธง" อ.ลักษณ์ เราขานิเทศ มาพูดถึง 2 แง่มุมของ 2 ศาสตร์ที่น่าสนใจ ดังนี้

ยุค strategic thinking

รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ควบรวมการบรรยายหัวข้อ "บริหารเชิงกลยุทธ์ยุคใหม่ ไฉไลกว่าเดิม" และ "พัฒนาองค์กรให้แจ่มแจ๋วด้วยเชิงยุทธ์ยุคใหม่" โดยเปิดประเด็นไปที่ "ทฤษฎีเกม" game theory อันเป็นทฤษฎีสากลที่ได้รับรางวัลโนเบลถึง 2 ครั้งด้วยกันในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา

สรุปสาระสำคัญ ทฤษฎีเกมจะเป็นทฤษฎีที่ช่วยการตัดสินใจได้ดีที่สุด โดยที่การตัดสินใจที่จะเกิดขึ้นจะต้องมีองค์ประกอบสำคัญยิ่งยวดคือ ตัดสินใจภายใต้ "ระบบคิด" ที่เรียกว่าเป็น strategic thinking

ระบบคิดแบบ strategic thinking เข้าทำนองเดียวกับวลีอมตะในตำรารบของซุนวู ที่บอกว่า "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" อย่างไรก็ตาม คำว่ารบร้อยครั้งชนะได้ทั้งร้อยครั้งเป็นอุดมคติอยู่มาก เพราะจะมีเพียงเทวดาที่ทำได้ ในชีวิตจริงจึงตีความได้ว่า ซุนวูรู้จักแยกแยะ "สงครามจากสนามรบ" บางครั้งต้องแกล้งโง่ทำเป็นแพ้ในบางสนามรบเพื่อให้ชนะในสงคราม นั่นคือ "ชนะ" ในสงคราม ไม่ใช่ใน "สนามรบ"

เมื่อพูดถึงการบริหารเชิงกลยุทธ์ หลักทั่วไปมีองค์ประกอบ 4 ข้อ เริ่มจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงปัจจัยภายนอก และภายใน, กำหนดทิศทางระยะสั้น กลาง ยาว (วิสัยทัศน์) สุดท้ายคือกำหนดวิธีปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมาย

วันนี้ไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว ต้องเพิ่มองค์ประกอบสำคัญการคิดเชิงกลยุทธ์ในเรื่องของ "การวางทิศทางองค์กร กลยุทธ์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงภายนอก และจุดอ่อน-จุดแข็งภายใน เพื่อชัยชนะในที่สุด"

strategic thinking จึงสำคัญมาก เพราะ..."ระบบคิดสำคัญมาก ถ้าไม่มีจะไม่สามารถบูรณาการได้เลย"

ปรากฏการณ์ของการ "เอาอย่าง" ในเมืองไทย เป็นข้อจำกัดในการอยู่รอด เพราะฉะนั้น ทางออกคือต้องจัดระเบียบดุลยภาพของ "ราคา" ที่ต้องสอดคล้องกับ "ความแตกต่าง" ของสินค้า รวมทั้งจะต้อง "วางตำแหน่งกลยุทธ์ให้ดี ให้เกิด ความสัมพันธ์ในใจลูกค้า ในเรื่องต้นทุนกับความแตกต่าง" ถือเป็นคีย์เวิร์ดก็ว่าได้

ศาสตรายุทธ์ในมุมการบริหารเชิงกลยุทธ์ยุคใหม่ ยังพูดถึง corporate I.Q. โดยชี้ให้เห็นว่า เหตุการณ์วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน หรืออีกนัยหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกวัน "ลูกค้า" มีการเคลื่อนตัวตลอดเวลา โดยมี "คู่แข่ง" เป็นตัวขับเคลื่อน ดังนั้นจึงต้องหมุนตามให้ทันเพื่อให้เป็นผู้ชนะ

ที่น่าสนใจคือ ปรากฏการณ์ของบุคลากรที่มี I.Q.สูงกลับจะมีปัญหาในปัจจุบัน เพราะระดับวัดไอคิวคือมีผลงานสูงในแง่ความรวดเร็ว แต่จะขาดความลึก นั่นคือ I.Q.ต้องมากับ E.Q. ถ้าพนักงานองค์กรขาดอย่างใดอย่างหนึ่งในสองตัวนี้ การตัดสินใจขององค์กรจะจบลงด้วยปัญหา เรียกว่าเป็น "กับดักแห่งความทระนง" เพราะคิดว่ารู้แล้ว ฉลาดแล้ว

สิ่งที่ ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ เรียกร้องต่อการบริหารเชิงกลยุทธ์ยุคใหม่จะต้องเพาะบ่ม ไอคิวของสังคม ขององค์กร โดยเริ่มต้นที่ให้โอกาสพนักงาน "มีสิทธิ์พูด" และ "มีสิทธิ์พูดไม่เหมือนนาย"

คีย์ซักเซสที่เป็นหลักการของนักวางแผนกลยุทธ์ที่ดีคือ challenging but realistic คือนอกจากเป็นแผนกลยุทธ์ที่เป็นมุมสร้างสรรค์แล้ว ยังจะต้องปฏิบัติได้จริงอีกด้วย

จับใจความการบรรยายของ ดร.สมชายโดยสรุปคือ การจัดการเชิงกลยุทธ์ หัวใจสำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่เรียนรู้มาอย่างไรในตำรา แต่สอนให้ เห็นก่อนคู่แข่ง นั่นคือต้องสร้าง strategic thinking นั่นเอง

ฟันธง ! 10 ปีต้อง "ย้ายเมือง"

อ.ลักษณ์ เรขานิเทศ หรือ "โหรฟันธง" บรรยายหัวข้อ "ฟันธง !! เศรษฐกิจด้วยโหรา ศาสตร์" และ "โหราศาสตร์กับการอยู่อาศัยให้มีความสุข" การบรรยายครึ่งชั่วโมงแรกตอกย้ำอยู่กับประเด็นที่ว่า ดวงเมืองถึงเวลาต้อง "ย้ายเมือง"

อ.ลักษณ์บรรยายว่า เหตุแห่งการย้ายเมือง ตามหลักโหราศาสตร์ที่เคยทำนายไว้เมื่อหลายปีก่อนนั้น การ "แก้ปัญหาบ้านเมืองต้องย้ายเมือง" โดยประกาศใช้ประสบการณ์โหราศาสตร์ 15 ปีรับประกันการทำนายครั้งนี้ เพราะบ้านเมืองถึงยุคแห่งการเปลี่ยนย้าย

ถ้าหากไม่ "ย้ายเมือง" กรุงเทพมหานครจะเกิดภาวะ conflict ของประชากรที่อยู่อาศัยในเมือง สาธารณูปโภคพื้นฐานไม่เพียงพอรองรับ อาทิ แผ่นดินทรุดลงทุกวัน จะมีน้ำท่วมในบางพื้นที่ การจมจะค่อยๆ ซึมซาบ ฯลฯ

คำประกาศ "ฟันธง" ที่ดูจะหนักหน่วงคือ คำทำนายฟันธงว่า พื้นที่กรุงเทพฯ-สมุทปราการ อีก 10-20-25 ปี โดยเฉพาะแถบสมุทรปราการ จะเป็นพื้นที่จมน้ำ จะวางแผนยังไงเป็นเรื่องต้องพิจารณาให้รอบคอบรัดกุม

สิ่งที่เรียกร้องจากสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านคือ นอกจากจะต้องรวมตัวกันให้เหนียวแน่น สร้างความเป็นปึกแผ่นในวิชาชีพเพื่อรองรับให้กับประชาชนที่ต้องการมีบ้านที่อยู่อาศัยอย่างมีมาตรฐานแล้ว สมาคมยังมีหน้าที่ทางวิชาชีพในการ "พูดความจริง" กับภาครัฐบาลว่า ในทางโครงสร้าง "ทำเล" หรือพื้นที่จุดไหนที่สร้างบ้าน-สร้างเมือง "ได้หรือไม่ได้" นั่นคือทำหน้าที่เสมือนเสนาธิการในการร่างแผนสร้างเมืองให้กับราชการนั่นเอง

กลับมาดูคำว่า "ย้ายเมือง" หากเกิดขึ้นจริงในอนาคต ในความหมายคำว่าเมืองในปัจจุบันคือ ต้องย้ายส่วนราชการและองค์กรธุรกิจ และประชาชนจะตามไปเอง

ในทางโหราศาสตร์ มีการทำนายไปถึงดวงเมืองของจีนที่เชื่อมโยงกับประเทศไทย พบว่าเส้นเศรษฐกิจจากจีนจะลากผ่านเข้าประเทศไทยมาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในอนาคตจะเป็นเส้นทางหลักที่ใช้คมนาคมขนส่งแลกเปลี่ยนทั้งเทคโนโลยี ทรัพยากร ปัจจัยการผลิต ฯลฯ ปริมาณมหาศาล ถ้ามองเป็นโอกาสทางธุรกิจ สิ่งที่ต้องทำคือการเตรียมตัวรับมือ โดยเฉพาะในมุมของการ "รับสร้างบ้าน"

อ.ลักษณ์ฟันธงด้วยว่า การย้ายเมืองจะเกิดหรือไม่เกิดภายใน 10 ปีนี้จะรู้ผล โดยเฉพาะ "ทำเล" การย้ายเมืองตามหลัก คือต้องเป็นสถานที่ที่เคยเจริญ หรืออย่างน้อยที่สุดไม่เป็นสถานที่ที่มีการล่มสลาย หรือถูกทำลายมาก่อน อาทิ นาข้าวถูกเผา โรงงานไฟไหม้ เป็นต้น

"ผมชอบคำว่า "มหานครสุวรรณภูมิ" เมืองใหม่จะเกิด... เมืองใหม่ไม่ใช่จังหวัด แต่เป็นมหานคร หรือเขตปกครองพิเศษ ในเรื่องพื้นที่ จะลามนครนายก สระบุรี ตีโอบสุวรรณภูมิ เชื่อมโยงด้วยรถไฟฟ้า..." ส่วนหนึ่งของคำบรรยายถึงการย้ายเมืองตามนัยโหราศาสตร์นักฟันธง

ในแง่ฐานรายได้ของกำลังซื้อ สิ่งที่มองเห็นในทางโหราศาสตร์คือ เริ่มขยายกว้างมากขึ้น งานทางการเกษตรไม่แน่นอน แต่ฐานรายได้จาก โอท็อปที่ขยายผลเติบโตเป็นผู้ประกอบการ เอสเอมอีนั้น ฐานรายได้จะกว้าง นี่คือผลสะท้อนของประเทศนี้ แต่ยังไม่มีใครทำภาพให้เขานึกออก

บทบาทสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านยังต้องรวมถึงเรื่องของ "ผังเมือง" ลงรายละเอียดไปถึงการสร้างบ้านที่ดี ได้มาตรฐาน ต่อไปในอนาคตต้องทำชัดเจนถึงขนาดว่าให้มีสถาปนิกมาให้ความรู้กับประชาชน เพื่อให้มีเป้าหมายในชีวิต เพราะจะทำให้เกิดแรงบันดาลใจ (ในการสร้างบ้าน)

"โลกต้องอยู่กับความจริง คนเราทุกวันนี้ถึงต้องการฟันธง ยังไงล่ะ..." คำกล่าวตอนท้ายของหมอดูฟันธง

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 03-07-2549 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.