Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
จับทิศธุรกิจก่อสร้างปี"49-50 "เมกะโปรเจ็กต์" ชี้ชะตาอนาคต |
|
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจัดทำรายงานสรุปภาวะการลงทุนด้านการก่อสร้างโดยรวมในช่วงไตรมาสแรกปี 2549 ว่า มีอัตราการขยายตัวต่ำที่ประมาณร้อยละ 4 ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 แล้ว แต่น่าสังเกตว่าในไตรมาสแรกของปีนี้การก่อสร้างของภาคเอกชนชะลอตัวลงอย่างมาก ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.8 ต่ำสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่การก่อสร้างภาครัฐขยายตัวได้พอสมควรที่ร้อยละ 5.6
จากการวิเคราะห์ พบว่าผลกระทบจากค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าโดยสารที่ปรับสูงขึ้น ทำให้ครัวเรือนมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 62,000 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 1.5 ของมูลค่าการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคโดยรวม และอาจส่งผลกระทบต่อการตัดลดค่าใช้จ่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพให้น้อยลง
ก่อสร้างซบมีซบยาวครึ่งปีหลัง
คาดการณ์ว่าแนวโน้มการก่อสร้างในไตรมาสที่ 3-4 ปีนี้ อาจยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากปัจจัยลบที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยอาจปรับสูงขึ้นอีกในไตรมาสที่ 3 และทรงตัวในระดับสูงไปจนถึงไตรมาสสุดท้าย นอกจากนี้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองยังส่งผลบั่นทอนความเชื่อมั่นในการลงทุนขยายธุรกิจของภาคเอกชน การลงทุนจากต่างประเทศ และความล่าช้าในการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2550 คาดว่าจะเห็นการชะลอตัวของการลงทุนในการก่อสร้างภาครัฐชัดเจนขึ้น นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 นี้ ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่
ปัจจัยที่อาจส่งผลบวกบ้างคือ การที่โครงการจัดสรรหรืออาคารสูงในเขตกรุงเทพฯเร่งการก่อสร้างเพื่อเลี่ยงข้อบังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ ที่บังคับใช้เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2549 ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น
ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 6 ปี
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าการลงทุนด้านการก่อสร้างโดยรวมของประเทศในปีนี้ อาจมีมูลค่าประมาณ 693,000 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับปี 2548 ที่มีมูลค่าลงทุน 657,484 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี โดยการลงทุนของภาคเอกชนอาจขยายตัวประมาณร้อยละ 4 (ลดลงจากเดิมที่คาดว่าอาจขยายตัวร้อยละ 6-8) คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 357,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2548 เกือบ 30,000 ล้านบาท
ขณะที่ภาวะหยุดชะงักของการเริ่มต้นใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณใหม่ จะส่งผลให้การลงทุนของภาครัฐขยายตัวในอัตราที่ลดลงเหลือร้อยละ 3 โดยมีมูลค่าการลงทุน 337,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยมูลค่าการลงทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เกิดจากการขยายจำนวนโครงการก่อสร้าง แต่เป็นผลมาจากค่าก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาวัสดุ
คาดปี"50 เอกชนลงทุนเพิ่มขึ้น
แนวโน้มในปี 2550 การลงทุนในการก่อสร้างของภาคเอกชนอาจปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยบวกอาจมาจากการอ่อนตัวลงของภาวะเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มขยับขึ้นในอัตราที่ช้าลง ซึ่งอาจส่งผลดีทำให้อัตราดอกเบี้ยมีโอกาสปรับลดลงด้วย นอก จากนี้ถ้าสถานการณ์การเมืองคลี่คลายลง น่าจะสนับสนุนให้ความมั่นใจของนักลงทุนกลับคืนมาอีก
ภายใต้ข้อสมมติดังกล่าว คาดว่าการก่อสร้างของภาคเอกชนอาจขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6 แต่อาจมีปัจจัยเสี่ยงจากทิศทางเศรษฐกิจภายนอกประเทศ ที่สำคัญคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมหาศาลของสหรัฐ อาจสร้างความผันผวนกับตลาดเงินตลาดทุนของโลก และกรณีอุปสงค์ในสหรัฐชะลอตัวรุนแรง จะมีผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศแถบเอเชีย
ลงทุนภาครัฐชี้ชะตาธุรกิจ
สำหรับการลงทุนของภาครัฐในช่วงไตรมาสที่ 1-2 ปีนี้ ลดลงตามงบประมาณรายจ่ายที่ขาดช่วงไป ซึ่งเป็นผลมาจากความล่าช้าของการออก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี อาจส่งผลให้การก่อสร้างภาครัฐในปี 2550 หดตัวลงร้อยละ 10 และอาจทำให้การลงทุนในด้านการก่อสร้างโดยรวมหดตัวลงประมาณร้อยละ 1.3 ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ที่การลงทุนด้านการก่อสร้างขยายตัวในอัตราถดถอยลง ส่วนกรณีที่แผนการลงทุนของภาครัฐเดินหน้าอย่างจริงจัง คาดว่าการลงทุนด้านการก่อสร้างโดยรวมในปี 2551-2552 อาจขยายตัวมากกว่าร้อยละ 10
ความผันผวนทางธุรกิจที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ เป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง และให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุน-สภาพคล่อง เตรียมพร้อมแผนการลงทุนและติดตามแนวโน้มตลาดอย่างใกล้ชิด
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 26-06-2549
|
|
|
|
|