Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ตลาดทาวน์เฮาส์หนาว ! บ้านทรุดกระทบความเชื่อมั่น |
|
กลายเป็นประเด็นฮอตของวงการเรียลเอสเตตขึ้นมาทันที !
กรณีทาวน์เฮาส์ 8 หลังในโครงการ "สินธานี" ซอยลาดพร้าว 80 ของบริษัท สินธานีการ์เด้น จำกัด ที่จู่ๆ เกิดทรุดตัวลงมากะทันหัน
ว่าไปแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้และนำมาสู่การถามหา "ผู้รับผิดชอบ" เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้เกิดกับบ้านหรือคอนโดมิเนียม แต่เป็น "ทาวน์เฮาส์" ที่สร้างและเปิดขายตรงกับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 พอดี และยังเป็นการทรุดตัวลงมาทั้งแถวพร้อมๆ กันทั้ง 8 หลัง
ในภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยทั้งระบบ ถือว่าปัญหาดังกล่าวกระทบกับภาพลักษณ์ของตลาดทาวน์เฮาส์ไม่น้อย เพราะตลาดสินค้าประเภทนี้กำลังฮอตฮิตมากที่สุด ซึ่งบริษัทพัฒนา ที่ดินทั้งรายใหญ่รายเล็กแห่กันก่อสร้างและลงทุนภายใต้คอนเซ็ปต์ "สร้างไว ขายไว"
เมื่อเกิดปมประเด็นคำถามตามมาว่า ทำไมบ้านจึงทรุด และสาเหตุเกิดจากอะไร ???
ล่าสุดหลังจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้ม ครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของทาวน์เฮาส์เลขที่ 171/52-171/59 ในโครง การสินธานีกรุ๊ป ซอยลาดพร้าว 80 ที่ประสบปัญหาบ้านทรุดและนำมาซึ่งการไกล่เกลี่ยกับตัวแทนจากบริษัท สินธานี เอสเตท จำกัด โดยมีตัวแทนจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) และสำนักงานเขตวังทองหลางเข้าร่วมด้วย
ข้อยุติเบื้องต้นที่ได้ก็คือ ให้ทาง "สืบศักดิ์ พรหมบุญ" ประธานอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม วสท. ในฐานะคนกลางเข้าไปตรวจสอบสาเหตุการทรุดตัว โดยขอเวลา 2 สัปดาห์
ระหว่างนี้ทางโครงการสินธานีจะรับผิดชอบจัดหาที่พักอาศัยและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ยกเว้นค่าน้ำค่าไฟ จากนั้นจะนำผลการตรวจสอบทั้งหมดมาประกอบการเจรจาไกล่เกลี่ยที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 มิถุนายนนี้อีกครั้ง
แต่ประเด็นไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เพราะ จากการยืนยันของลูกบ้านสินธานีไม่ใช่เฉพาะแค่ทาวน์เฮาส์ทั้ง 8 หลังเท่านั้นที่ทรุดตัวลงมา แต่ทาวน์เฮาส์หลังอื่นๆ ในโครงการส่วนใหญ่มีรอยร้าวและบางหลังก็ทรุดตัวลงมาเช่นเดียวกัน
ดังเช่นรายของ "ชัยวัฒน์ บัวหอม" ที่บอกว่าบ้านของเขามีรอยร้าวเกิดขึ้นในห้องนอนและบริเวณบันไดหน้าบ้าน รวมถึงมีอาการบ้านทรุดมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่ 2 ปีก่อน
"ตอนที่เกิดเหตุขึ้นผมอยู่ต่างประเทศ พอดีมีคนโทร.มาบอกผมก็รีบบินกลับมาดูเพราะเข้าใจว่าเป็นบ้านตัวเอง แต่ถึงแม้จะยังไม่เกิดขึ้นกับบ้านผม ตอนนี้ก็ไม่มั่นใจในความปลอดภัยเลยไม่รู้ว่าอนาคตบ้านที่อยู่จะทรุดจมลงไปหรือไม่"
จากความไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัย แม้ว่าจะให้ทาง วสท.เข้ามาตรวจสอบสาเหตุแล้ว ลูกบ้านที่ประสบปัญหาบ้านทรุดทุกรายยังคงยืนยันว่าต้องการจะให้ทางโครงการสินธานีรับซื้อบ้านคืนในราคาปัจจุบันรวมค่าความเสียหายที่ตกแต่งกันไป
ซึ่งประเด็นนี้ทางผู้แทนจากโครงการสินธานี ขอนำเรื่องไปหารือกับกรรมการบริษัทก่อน แต่ในระหว่างนี้ก็ได้ว่าจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบบ้านหลังอื่นๆ พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดกรณีที่ต้องมีการซ่อมแซม
"แม้ในการไกล่เกลี่ยกับทางผู้แทนจากโครงการสินธานีจะได้ข้อยุติเบื้องต้นว่า จะให้ วสท.เข้ามาตรวจสอบสาเหตุการทรุดตัว แต่ทางลูกบ้านทุกคนยังคงยืนยันจุดยืนเดิมคือ ต้องการให้โครงการสินธานีซื้อคืนบ้านในราคาปัจจุบันบวกค่าตกแต่ง"
ถิร วสุวรรธก เจ้าของบ้านเลขที่ 171/54 บอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ"
เหตุผลหลักนั้นเป็นเพราะขณะนี้ทุกคนต่าง ไม่มีความมั่นใจในความปลอดภัย ถึงแม้ในทาง วิศวกรรมจะยืนยันว่าสามารถซ่อมแซมได้ แต่จะมีใครรับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมอีก ส่วนถ้ามีการซ่อมแซมจริงๆ ถ้าดูจากความเสียหายแล้วคิดว่าเฉพาะแค่ค่ายกบ้านที่ทรุดตัวคงไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท เบ็ดเสร็จรวมค่าซ่อมแซมและค่าตกแต่งบ้านทั้งหมดคงไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทอย่างแน่นอน
"ในใจผมพอเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่มั่นใจที่จะอยู่บ้านต่อแล้ว ตอนนี้ผมออกมาเช่าบ้านอยู่กับครอบครัว ส่วนถ้าผลตรวจสอบออกมาว่าสาเหตุที่บ้านทรุดเกิดจากเรื่องวิศวกรรม เราก็จะเอาผิดถึงผู้ออกแบบด้วยเพื่อให้ป็นเคสตัวอย่าง"
ขณะที่ผู้แทนจาก วสท.ยืนยันว่า หากตรวจสอบพบว่าสาเหตุทั้งหมดเกิดจากความผิดพลาดในขั้นตอนงานวิศวกรรมหรือการออกแบบก็สามารถเอาผิดได้ และที่ผ่านมาทาง วสท.ก็เคยตรวจสอบพบและเป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้องเอง เพียงแต่บริษัทนั้นยังต้องดำเนินกิจการอยู่ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถเอาผิดได้
อย่างไรก็ตาม วสท.มีความคิดและเสนอว่าอยากจะให้วิศวกรมีเงินประกันค่าแบบ ที่คิดไว้อาจจะมีอัตรา 2% จากค่าแบบ เมื่อเกิดปัญหาจะได้นำเงินประกันมาชดใช้ ตรงนี้อาจทำให้บ้านราคาแพงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ถือเป็นการประกันความเสี่ยง
จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแม้จะยังไม่มีข้อสรุปถึงสาเหตุการทรุดตัวว่าเกิดงานวิศวกรรมหรือดินอ่อนตัว
แต่คนในแวดวงเรียลเอสเตตต่างก็ยอมรับการกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าไม่น้อย และอาจต้องใช้เวลานานพอสมควรเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
"เคสนี้เหมือนเป็นน้ำมันราดบนกองไฟ เพราะทราบกันดีว่าตลาดบ้านเซ็นซิทีฟ (อ่อนไหว) มาก แค่ปัญหาการเมืองก็ทำเอาดีเวลอปเปอร์แทบหายใจไม่ออกแล้ว ทุกคนต้องเซอร์ไวฟ์ (เอาตัวรอด) สุดเหวี่ยง สังเกตดูเกือบทุกเจ้าต่างออกแคมเปญกระตุ้นยอดขายไม่เว้นแต่ละเดือนแต่ละสัปดาห์
ยิ่งมาเจอปัญหานี้อีกก็เหมือนหืดขึ้นคอ" แหล่งข่าวจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่งกล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ"
ส่วนการกู้ภาพลักษณ์กลับคืนจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้คงต้องให้ทางสมาคมอสังหา
ริมทรัพย์ไทยและสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรเข้ามาช่วยกันดูแลและบอกกล่าวสมาชิกให้ "รับผิดชอบ" ต่อผู้บริโภคมากขึ้น
เพราะไม่เช่นนั้นลูกค้าจะยิ่งถอยหนีและขาดความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อใครเลย !!!
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 22-05-2549
|
|
|
|
|