| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 51 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 22-05-2549    อ่าน 12343
 อัครพงศ์ นิธยานนท์ พลิกโฉมแบรนด์ "กะรัต" ขึ้นชั้นท็อปทรีตลาดก๊อกน้ำ

เป็นที่รับรู้กันมาพักหนึ่งแล้วว่า บริษัท กะรัต ฟอเซท จำกัด หรือ "ก๊อกกะรัต" ได้ถูก บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวงขายให้กับผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่เป็นที่เรียบร้อย

และวันนี้ "อัครพงศ์ นิธยานนท์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กะรัต ฟอเซท จำกัด ในฐานะผู้ถือหุ้นใหม่ ได้วางกลยุทธ์นำ "ก๊อกกะรัต" ไต่ระดับขึ้นเป็นแบรนด์ท็อปทรี หลังจากห่างหายจากการสร้างแบรนด์ไปนาน

แม้จะเป็นภารกิจที่ท้าทายแต่หากมองย้อนกลับไป "อัครพงศ์" ถือเป็นซีอีโอรุ่นเก๋าคนหนึ่งของวงการวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง เพราะเคยมีประสบการณ์ทำงานกับกลุ่มปูนซีเมนต์นครหลวงมาเกือบ 20 ปี โดยก่อนที่เขากับพันธมิตรจะตัดสินใจซื้อหุ้นจากปูนซีเมนต์นครหลวง ตัวเขาก็นั่งเก้าอี้เอ็มดีบริษัท กะรัต ฟอเซท มาก่อน

เมื่อ "กะรัต" จะกลับมารุกหนักอีกครั้ง โจทย์แรกที่เขาวางไว้คือการปรับโพซิชั่นนิ่งแบรนด์ให้ดูเรียบหรู มีรสนิยม ไม่ล้าสมัย

"การห่างหายจากการทำตลาดไปนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจทำให้ภาพลักษณ์เรากลายเป็นสินค้าที่จับตลาดแมส เป้าหมายเราจึงต้องการ รีโพซิชันนิ่งแบรนด์ขึ้นมาจับตลาดระดับกลาง-บน" อัครพงศ์ บอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ"

เมื่อปรับภาพลักษณ์แบรนด์กะรัตใหม่แล้ว สำหรับตลาดระดับล่างและบนจะมีสินค้าอีก 2 แบรนด์ใหม่เข้ามาอุดช่องว่าง โดยแบรนด์ "GLobo" ที่เพิ่งเปิดเพิ่งเปิดตัวไปล่าสุดจะใช้สำหรับเจาะกลุ่มลูกค้าระดับล่าง ขณะที่กลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์จะเป็นการนำเข้าสินค้าแบรนด์ "Visentin" (วิเซนทิน) ที่เป็นก๊อกน้ำระดับท็อปไฟฟ์จากอิตาลีเข้ามารุกตลาด

แนวทางของกะรัตนับจากนี้จึงชัดเจนว่าต้อง การเจาะตลาดให้ครบทุกเซ็กเมนต์ โดยมีแบรนด์ "Globo" เป็นสินค้าราคาเฉลี่ย 200-500 บาท "กะรัต" ราคา 1,000-10,000 บาท และ Visentin ราคาเริ่มต้นที่ 20,000 บาทขึ้นไป ล่าสุดที่สร้างความฮือฮาคือก๊อกน้ำคอลเล็กชั่น Bagno Free ประดับคริสตัล 1,101 เม็ด ที่มีราคาถึง 1.525 ล้านบาท

"หลังจากบินไปเจรจา Visentin เขาก็ให้เราเป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงรายเดียวในเมืองไทยภายใต้แบรนด์ว่า Visentin by karat forcet เราเปิดตัวไปในงานสถาปนิก"49 ที่ผ่านมา และก่อนหน้านั้นก็มีเสนองานโครงการไปบ้าง ที่สนใจจองเข้ามา เช่น คุณกวีพันธ์ (เอี่ยมสกุลรัตน์) เจ้าของโครงการบ้านหรูคริสตัลพาร์ค รวมถึงโครงการของคุณเจริญ (สิริวัฒนภักดี) ก็อยู่ระหว่างเจรจา"

"อัครพงศ์" บอกว่า ปีนี้วางแผนจะนำสินค้า แบรนด์ Visentin เข้ามาทำตลาดทั้งหมดประมาณ 20 รุ่น ล่าสุดนำเข้ามาก่อน 5 รุ่น แยกเป็นก๊อกน้ำ 3 รุ่น อาทิ รุ่น ice ที่ผลิตจากอะครีลิกสามารถป้องกันเชื้อราได้ดี นอกจากนี้ก็ยังนำเข้าอ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้า ชุดฝักบัวในเซตเดียวกันเข้ามาทำตลาดด้วย ราคาเฉลี่ย 2-3 แสนบาทต่อเซต

ส่วนอีก 2 รุ่นคือ ฝักบัวแบบก้านแข็งรุ่น Oasis สำหรับติดผนังราคา 1.2 แสนบาท และฝักบัวแบบก้านอ่อนรุ่น satin jet ราคา 3,000-9,000 บาท

ขณะที่แบรนด์ใหม่ Global หลังจากทดลองซอฟต์เซลไปเมื่อเดือนมีนาคมก็ทยอยมีออร์เดอร์เข้ามาต่อเนื่อง แต่หลักๆ การทำตลาดจะต่างจากแบรนด์ Visentin ที่เน้นการนำเสนอสินค้ากับทางโครงการโดยตรง คืออาศัยการขายผ่านดีลเลอร์เป็นหลักรวมถึงโมเดิร์นเทรนด์ ปีนี้ตั้งเป้าจะวางให้ครบทั้ง 400-500 ราย ส่วนงานโปรเจ็กต์ก็เจาะโครงการบ้านเอื้ออาทรด้วยเพราะถือเป็นซับแบรนด์

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเป็นแบรนด์รอง บิ๊กบอสของก๊อกกะรัตยืนยันว่าต่างกันที่ขนาดเท่านั้น แต่คุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน

"แนวคิดเราคือเน้นเรื่องคุณภาพ ผมว่าถ้าเราจะอยู่ในธุรกิจนี้ไปนานๆ เรื่องคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ อย่าง Global ดีไซน์สินค้าจะเรียบง่ายกว่า แต่อุปกรณ์ต่างๆ เป็นของดีหมด เช่น ตัวกรองน้ำเราใช้แบรนด์ NEO Pearl จากเยอรมนีเหมือนที่กะรัตใช้"

การปรับกลยุทธ์ใหม่เป็นสิ่งที่ทางผู้บริหารก๊อกกะรัตมั่นใจเดินมาถูกทาง และน่าจะส่งผลให้ยอดขายใหม่ขยับขึ้นได้ถึง 310-320 ล้านบาท ตามเป้า เติบโตจากปีก่อน 25% สูงกว่าภาพรวมตลาดที่เติบโตปีละประมาณ 10 กว่า%

ประมาณการว่าสัดส่วนรายได้จะมาจากแบรนด์ Visentin 15% กะรัต 35% และ Global 50% ซึ่ง การหันทำตลาดสินค้าไฮเอนด์ยังเท่ากับเป็นการช่วยพยุงสัดส่วนมาร์จิ้นให้ดีขึ้น หลังจากต้องเจอปัญหาวัตถุดิบขึ้นราคาทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นแล้วกว่า 30%

นอกเหนือจากปรับโพซิชั่นแบรนด์แล้ว ผู้บริหารก๊อกกะรัตบอกว่ายังมีเป้าหมายอีก 2 เรื่องที่เป็นภารกิจหลัก คือ การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และการปั้นแบรนด์ให้ขึ้นมาติดอันดับท็อปทรีของตลาดก๊อกน้ำ

ปัจจุบันแบรนด์กะรัตมีแชร์ในตลาดก๊อกน้ำเกือบ 10% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 3,000 ล้านบาทเศษ เป็นอันดับ 4 ในตลาดรองจากคอตโต้ โกรเฮ่ และอเมริกันสแตนดาร์ด ถ้าคู่แข่งเพลาคันเร่งเมื่อไหร่ก็มีโอกาสเสียตำแหน่งได้ทุกเมื่อ เพราะแบรนด์อันดับ 2-3 ในขณะนี้มีแชร์ใกล้เคียงกันคือ 10% เศษ

"ผมเชื่อว่าเรามีโอกาสนะตั้งเป้าไว้ภายใน 3 ปี เพราะได้แบรนด์ใหม่เข้ามาเสริม อย่าง Visentin ถ้าเปรียบเทียบก็เป็นเหมือนรถเฟอร์รารี่ ลูกค้ากลุ่มนี้ยอมจ่าย ไม่เกี่ยงเรื่องราคา บางคนไม่ต่อเลยนะ ส่วนเรื่องทีมงานถือว่าเราพร้อมแล้ว"

ส่วนเรื่องนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งใจจะระดมทุนประมาณ 50-60 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายกำลังผลิตและปรับปรุงเครื่องจักร เพื่อรองรับการพัฒนาสินค้าดีไซน์ใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้ก็พยายามเรียนรู้เพื่อพัฒนาดีไซน์ก๊อกน้ำให้ฉีกตลาดจาก คู่แข่ง

เบ็ดเสร็จหลังจากระดมทุนมาขยายกำลังผลิตแล้ว จะทำให้กำลังผลิตเพิ่มขึ้นจาก 400 ตันต่อปี หรือประมาณเกือบ 5 แสนชิ้น เพิ่มเป็น 500 ตันต่อปี หรือประมาณ 6 แสนชิ้นต่อปี

เมื่อถามคีย์ของการสร้างแบรนด์กะรัต "อัครพงศ์" บอกว่า... "หัวใจอยู่ที่การทำ CRM สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า"

การที่แบรนด์แข็งแกร่งได้ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งจึงมาจาก "เซอร์วิส" และ "สายสัมพันธ์" ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะต้องมีการเดินสายออกไปพูดคุยกับดีลเลอร์ เพื่อพูดคุยถึงปัญหาต่างๆ และนำเสนอสินค้าใหม่ บางรายก็มีการแลกเปลี่ยนถึงเรื่องเศรษฐกิจ

"สมัยก่อนผมเดินสายบ่อยนะ พอเข้ามาทำงาน 8 โมง 10 โมงก็ออกไปเยี่ยมลูกค้า ผมว่าที่แบรนด์

"กะรัต" strong ส่วนหนึ่งเพราะเรื่องบริการ เพราะช่วงนั้นมีการเปิดสำนักงานภาค สำนักงานเขต สำนักงานขาย เป็นเหมือนโชว์รูมกระจายไปทั่ว รวมแล้ว 129 แห่ง เรียกว่ากลยุทธ์ "ปิดป่าล้อมเมือง" ทำให้แบรนด์อื่นๆ ต้องหันมามองเราเหมือนกัน"

ด้วยกลยุทธ์ทั้งหมดที่วางไว้จึงทำให้ซีอีโอ ของก๊อกกะรัตเชื่อมั่นว่า ปีนี้จะไปได้ถึงเป้าหมาย ตามที่ตั้งเป้าไว้อย่างแน่นอน ซึ่งสะท้อนจากตัวเลขยอดขายในช่วง 3 เดือนแรกที่มีอัตราเติบโตขึ้น เกือบ 20%

พร้อมๆ กับการสร้างสีสันในเชิงการตลาดมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน !!!

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 22-05-2549 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.