| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 59 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 07-05-2549    อ่าน 11548
 ธุรกิจรับสร้างอาการหนักแนะหาจุดแข็งปิดจุดอ่อนก่อน“ล่ม”

*ธุรกิจรับสร้างบ้านหนีไม่พ้นวิกฤตทางการเมือง น้ำมันแพง ดอกเบี้ยสูง ยอดขายไตรมาสแรกวูบ 30%

*ชี้ทางรอดผู้ประกอบการเสริมจุดแข็ง ปิดจุดอ่อนสู้วิกฤตครั้งใหญ่ ก่อนธุรกิจล่มสลาย

*ดิ เอ็ม เพอเร่อร์ เฮ้าส์ผู้ทำตลาดบ้านระดับไฮเอนด์ จำทิ้งบทบาทภาพหรูหรา เสนอราคาสู้ผู้รับเหมา หวังงานมูลค่าแค่ 16 ล้านบาท


ต้องยอมรับว่าธุรกิจรับสร้างเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบเช่นเดียวกับกับธุรกิจบ้านจัดสรร เพราะเป็นธุรกิจที่ใกล้เคียงกันมาก คือโฟกัสไปที่กลุ่มผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัย หรือบ้านเป็นของตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะเลือกซื้อบ้านในโครงการบ้านจัดสรร และใครจะเลือกปลูกบ้านเอง เพื่อให้ได้ตรงตามสเปค และตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ต้องการ

ในช่วงปีก่อน เคยมีการประเมินกันว่าตลาดรับสร้างบ้านปีนี้ จะมีการขยายตัวอย่างน้อย 10-15% จากมูลค่าตลาดรวมในปีก่อนราว 7,100 ล้านบาท หรือคิดเป็นราว 8,400 ล้านบาท และในระยะอันใกล้ ตัวเลขน่าจะขยับไปได้ถึงหลัก 10,000 ล้านบาท ไม่ยากนัก ในราวปี 2550

แต่ดูเหมือนว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่น่าจะทำให้ตลาดขยายตัวไปตามประมาณการได้ แต่คิดว่าน่าจะมีการขยายตัวบ้าง ซึ่งคงต้องติดตามสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจจะมีปัจจัยบวกเข้ามาทำให้ธุรกิจขยายตัวได้ โดยในช่วงไตรมาสแรก สภาพตลาดกลับหายไปราว 20-30% ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง หากไม่มีการแก้ไขโดยเร็วและทันท่วงที

เอ็มเพอเร่อร์ฯต้องหาจุดแข็ง

สุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ต่าง ๆที่รุมเร้า ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ,น้ำมันราคาสูง ,ค่าครองชีพสูงขึ้น และปัญหาความยุ่งเหยิงทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจรับสร้างบ้านโดยตรง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจสร้างบ้าน เพื่อรอดูสถานการณ์ต่างๆว่าจะไปในทิศทางใด

“ทุกวันนี้ปัญหาทุกอย่างยังไม่ได้คลี่คลายลง และยังไม่ถึงจุดต่ำสุด หลายคนจึงกังวลและไม่กล้าตัดสินใจสร้างบ้าน ยกเว้นปัญหาทางการเมืองที่ถึงจุดต่ำสุดแล้ว และปัญหากำลังจะคลี่คลายลงในทางที่ดี ซึ่งนับว่าโชคดี และน่าจะทำให้ตลาดรับสร้างได้รับอานิสงจากเรื่องนี้บ้าง เพราะผู้ที่จะสร้างบ้าน ส่วนใหญ่มีเงินออมไว้เพื่อสร้างบ้านแล้วบางส่วน แต่ยังไม่กล้าสร้าง เพราะกลัวความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ และรายได้ในอนาคต”

สุรัตน์ชัย บอกอีกว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านยังโชคดีที่ไม่มีต้นทุนมากเหมือนธุรกิจบ้านจัดสรรที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่ดินที่ต้องซื้อไว้รอการพัฒนา (แลนด์แบงก์) จึงไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ โดยแนวทางรอดของผู้ประกอบการควรจะปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงต้องหาจุดแข็งของตัวเองให้ได้ เพื่อนำจุดแข็งมาเป็นจุดขาย และสู้กับคู่แข่ง

ในส่วนของบริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ มีจุดแข็งในแง่ที่รับสร้างบ้านระดับบน ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลับไม่มากนัก และแม้ว่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าบริษัทอื่น แต่ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดยมีเป้าหมายรักษายอดขาย และรายได้ไว้ให้ได้เท่าปีก่อน หรือเติบโตบ้าง หากมีโอกาส ซึ่งที่ผ่านมาได้เน้นกลุ่มลูกค้าระกับกลาง ราคาเฉลี่ยที่ 25-35 ล้านบาท จากเดิมที่ในอดีตสร้างบ้านหลังละ 50-100 ล้านบาทขึ้นไป รวมทั้งมีการเสนอราคาแข่งกับผู้รับเหมาก่อสร้างด้วย และล่าสุด เพิ่งได้งานก่อสร้างบ้านบริเวณเจริญนคร มูลค่า 16 ล้านบาท บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ คาดว่าปีนี้จะมีงานประมาณ 200 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 4-5 หลัง ซึ่งเป็นจำนวนที่บริษัทอยู่ได้

ขายแบบสร้างรายได้

นอกจากนี้ บริษัทยังมีจุดแข็งในแง่ที่มีทีมงานที่แข็งแกร่ง ทั้งสถาปนิก ,วิศวกร และอินทีเรีย ซึ่งบริษัทจะใช้จุดแข็งของทีมงานมาสร้างรายได้เข้าองค์กร โดยที่ผ่านมา บริษัทจะรับงานก่อสร้างเป็นหลัก ซึ่งทำงานทุกขั้นตอน ตั้งแต่ออกแบบ ซื้อวัสดุ และก่อสร้าง แต่ในระยะหลังขยายการรับงานเป็นรับออกแบบด้วย ซึ่งปัจจุบันมีชาวต่างชาติติดต่อขอซื้อแบบบ้านหลังใหญ่ที่สุดของบริษัทแล้ว เป็นชาวแอฟริกาและบังคลาเทศ ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทออกแบบสัญชาติอังกฤษที่มีสำนักงานอยู่ที่ภูเก็ต เพื่อเสนอขายแบบ หรือรับออกแบบให้ รวมทั้งอาจจะเสนอขายเฟอร์นิเจอร์ด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทยังอยู่ระหว่างการขยายไลน์ธุรกิจด้วย โดยได้เพิ่มบทบาทในบริษัท ลีโอแองเจลโล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่นำเข้าเฟอร์นิเจอร์หรูหรา ราคาแพง จากประเทศอิตาลี ให้เป็นผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์สไตล์ตะวันออก หรือจีนมาทำตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะเน้นการออกแบบเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยูเรเซียน (EURASIAN) เป็นเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรปผสมเอเชีย เนื่องจากชาวต่างชาติโดยเฉพาะจากยุโรปให้ความสนใจเฟอร์นิเจอร์ที่ผสมผสานระหว่างตะวันตกกับตะวันออกมากขึ้น

สุรัตน์ชัย กล่าวอีกว่า เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทไปสำรวจตลาดเฟอร์นิเจอร์ในจีน และได้เจรจากับผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นช่างฝีมือในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เพื่อผลิตเฟอร์นิเจอร์ให้กับบริษัทตามสเปค หรือแบบที่จัดให้ และนำมาทำตลาดในไทย เป็นเฟอร์นิเจอร์สไตล์จีนผสมสานตะวันตก ในอนาคตมีแผนที่จะตั้งเป็นบริษัทใหม่เพื่อรับงานโดยตรง

ไวส์ฯชูสตรองวอลล์

ภพศักดิ์ ปานสีทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไวส์ คอนซัลแทนท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากภาวะการณ์แข่งขันที่รุนแรง ทำให้บริษัทต้องเร่งกระตุ้นกำลังซื้อ ด้วยการเพิ่มงบการตลาดอีก 3-5 ล้านบาท จาก 10-12 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้และยอมรับในแบรนด์มากขึ้น รวมถึงได้พัฒนาระบบการก่อสร้างระบบผนังสตรองวอลล์ เพื่อเสริมความแข็งแรงทนทานและลดการแตกร้าวจากแรงสั่นสะเทือนในแนวราบ ถือเป็นนวัตกรรมที่เป็นสิทธิบัตรของบริษัทเพียงผู้เดียว

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเพิ่มอีก 2 แห่ง ในช่วงราวไตรมาส 3 ปีนี้ ที่บริเวณบางนา และพัทยา จ.ชลบุรี โดยใช้งบลงทุนสาขาละประมาณ 7 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจากการเพิ่มนวัตกรรมใหม่ในการก่อสร้าง และขยายสาขาใหม่ จะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น 10-15% จากปีก่อนที่ทำได้ 260 ล้านบาท

  
ที่มา
[ ผู้จัดการรายสัปดาห์ ] วันที่ 07-05-2549 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.