|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| กทพ.ลุ้น"ประมูล-ทำเอง"ด่านฯวงแหวนใต้ |
|
กทพ.หวั่นคว้าน้ำเหลว หาเอกชนรับสัมปทานติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทางวงแหวนด้านใต้ไม่ทันปี "50 เตรียมแผนสอง รับหน้าเสื่อดำเนินการเอง สรุปแผนสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ เผยเรื่องยังติดอยู่ที่สภาพัฒน์ ด้านสภาพัฒน์ชี้เหตุต้องตีกลับแผนให้จัดทำรายละเอียดเสนอใหม่ เพราะยังไม่รัดกุมและชัดเจน เรื่องความคุ้มทุน ประมาณการรายได้ ความเสี่ยง ฯลฯ หวั่นให้สัมปทานเอกชนแล้วมีปัญหาภายหลัง
แหล่งข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ กทพ.อยู่ระหว่างขอทบทวนแผนการลงทุนโครงการจัดทำระบบเก็บเงินค่าผ่านทางของโครงการทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ หรือวงแหวนด้านใต้ ระยะทาง 22.49 กิโลเมตรใหม่ เนื่องจากการเปิดใช้โครงการในปี 2550 ใกล้งวดเข้ามาแล้ว แต่ขั้นตอนการสรรหาเอกชนเข้ามารับสัมปทานติดตั้งระบบจัดเก็บค่าผ่านทางและบำรุงรักษาทาง ยังไม่มีความคืบหน้า
"เราเกรงว่าจะติดตั้งระบบไม่ทันกับการเปิดให้บริการ ซึ่งตามแผนโครงการวงแหวนด้านใต้จะเปิดให้บริการได้ในปี 2550 จึงเตรียมแผนรองรับไว้ กำลังดูว่าจะติดตั้งระบบเก็บเงินค่าผ่านทางเอง ระหว่างที่รอหาตัวเอกชนเข้ามารับสัมปทานดีหรือเปล่า"
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในเบื้องต้น กทพ.อยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณารูปแบบการดำเนินการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า กทพ.อาจจะดำเนินการเป็นการชั่วคราว ในช่วงระยะเวลา 5 ปีแรก วิธีการคือ ต้องดูว่าจะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนเท่าใด และจะนำเม็ดเงินมาจากไหน จะใช้งบประมาณจากรัฐบาลหรือกู้เงินจากสถาบันการเงิน โดยใช้วิธีการออกพันธบัตร เป็นต้น ถือเป็นการหาวิธีการรองรับไว้ก่อนกรณีหาเอกชนมาลงทุนไม่ได้ เนื่องจากถ้าให้เอกชนเข้ามาดำเนินการจะเป็นการรับสัมปทาน
จึงต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2535 ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการพอสมควรกว่าจะจบกระบวน การได้
"ตอนนี้เรื่องได้ส่งไปให้ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ พิจารณารายละเอียดของแผนการลงทุนแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า"
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในการหาเอกชนมาลงทุนนั้น กทพ.จะให้เอกชนที่ประมูลได้งานติดตั้งระบบเก็บเงินค่าผ่านทางและบำรุงรักษาทาง รับภาระเรื่องเงินค่าก่อสร้างโครงการ วงเงิน 15,584 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยประมาณ 16,000 ล้านบาท ซึ่ง กทพ.ได้ให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง คือ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ลงทุนไปก่อน รวมกับเงินลงทุนค่าก่อสร้างด่านเก็บเงิน และทางเชื่อมอีก วงเงิน 7,080 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จที่เอกชนที่มารับสัมปทานจะต้องรับภาระไปทั้งสิ้น 23,000 ล้านบาท
"เอกชนที่เข้ามาลงทุนจะได้รับสัมปทานทั้งหมด 30 ปี โดยมีรายได้จากการจัดเก็บค่าผ่านทางเป็นผลประโยชน์ตอบแทน โดยที่ กทพ.จะไม่มีการรับประกันความเสี่ยงและรายได้ให้ หากมีผลประกอบการขาดทุน"
แหล่งข่าวจากสภาพัฒน์เปิดเผยว่า เนื่องจากการให้สัมปทานเอกชนเป็นเรื่องใหญ่ และไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนและรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่รายละเอียดที่ กทพ.เสนอมานั้นยังไม่ครบถ้วน และไม่ตรงกับสิ่งที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไป สภาพัฒน์จึงต้องการให้ กทพ.ไปจัดทำรายละเอียดมาใหม่ เช่น ในเรื่องของความคุ้มทุน ประมาณการรายได้ที่คาดการณ์ว่าจะได้ การปรับขึ้นค่าผ่านทาง การรับความเสี่ยง เป็นต้น
"ต้องให้ กทพ.วิเคราะห์ให้ดี เพราะเป็นเส้นทางที่เก็บเงิน ต้องดูว่าจะคุ้มทุนหรือไม่ เพราะอีกเส้นที่อยู่ใกล้กัน คือ โครงการวงแหวนอุตสาหกรรม เป็นเส้นทางที่เปิดใช้ฟรี แต่จึงต้องดูว่าประชาชนจะมาใช้บริการมากน้อยแค่ไหน แม้ในอนาคตจะมีการต่อเชื่อมทั้ง 2 เส้นเข้าด้วยกัน ขณะที่เอกชนที่จะเข้ามาลงทุนจะต้องพิจารณาจุดนี้เช่นกันว่าเมื่อลงทุนแล้ว จะคุ้มกับเงินที่ลงไปหรือไม่ เพราะต้องหาเงินลงทุนเองถึง 20,000 กว่าล้านบาท และมีแต่ความเสี่ยง"
อนึ่ง สำหรับรายละเอียดการลงทุน 7,080 ล้านบาท ที่จะเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูล ประกอบด้วย การก่อสร้างด่านเก็บเงิน 6 ด่าน ที่ด่านพระรามที่ 2 สุขสวัสดิ์ สุขุมวิท ศรีนครินทร์ เทพารักษ์ และบางนา-ตราด นอกจากนี้ยังจะต้องก่อสร้างด่านเชื่อมกับโครงการวงแหวนอุตสาหกรรมอีก 1 ด่าน และด่านเชื่อมกับทางด่วนบางนา-ชลบุรี อีก 1 ด่าน คิดเป็นวงเงิน 3,180 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะ
เป็นค่าก่อสร้างทางเชื่อมกับโครงการวงแหวนอุตสาหกรรม วงเงิน 1,997 ล้านบาท และทางเชื่อมต่อกับโครงการทางด่วนบางนา-ชลบุรี วงเงิน 1,903 ล้านบาท
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 04-05-2549
|
|
|
|
|
