| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 65 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 04-05-2549    อ่าน 11477
 จับชีพจรตลาดเอเชีย อาคารสำนักงานแข่งดุ เซี่ยงไฮ้" แซง "ฮ่องกง-สิงคโปร์"

ด้วยศักยภาพการเติบโตที่เกิดขึ้นรวดเร็วเกินคาด หลังบริษัทข้ามชาติหลั่งไหลเข้าไปทำธุรกิจและลงทุนในประเทศจีนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองเซี่ยงไฮ้ได้รับอานิสงส์ไปด้วย โดยเฉพาะธุรกิจให้เช่าที่นับวันจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ตามการเจริญเติบโตของประเทศที่กำลังพัฒนาไปในทุกด้าน จนก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและของโลก

ผลวิจัยล่าสุดของบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ให้บริการและบริหารการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ขณะนี้เซี่ยงไฮ้กลายเป็นคู่แข่งสำคัญของฮ่องกง และสิงคโปร์ไปแล้ว เนื่องจากเป็นเมืองที่บริษัทข้ามชาตินิยมใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่หรือสำนักงานตัวแทนมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก สาเหตุสำคัญอาจเป็นเพราะปัจจุบันเศรษฐกิจของเซี่ยงไฮ้มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง

"แอนโทนี เคาส์" กรรมการผู้จัดการโจนส์ แลง ลาซาลล์ เซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า ค่าจ้างแรงงานที่ในระดับต่ำของจีน ผลักดันให้เซี่ยงไฮ้มีความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับตัวเลือกเดิมๆ อย่างฮ่องกง และสิงคโปร์ ส่วนปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้บริษัทข้ามชาติหลั่งไหลเข้าไปตั้งสำนักงานในเซี่ยงไฮ้ ได้แก่ สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และสภาพแวดล้อมสำหรับการอยู่อาศัย ระบบสาธารณูปโภค ต้นทุนและทรัพยากรบุคคล และปัจจัยด้านตลาดอาคารสำนักงาน

3 ความเหมือนที่แตกต่าง

แม้ตลาดอาคารสำนักงานของฮ่องกง สิงคโปร์ และเซี่ยงไฮ้ จะมีความแตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้วยังมีสิ่งที่คล้ายกัน คือ ตลาดทั้ง 3 ประเทศมีแนวโน้มประสบภาวะพื้นที่อาคารสำนักงานไม่เพียงพอต่อความต้องการไปจนถึงปี 2553 แต่ยังคงสามารถดึงดูดบริษัทข้ามชาติให้เข้าไปตั้งสำนักงานด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป

สำหรับตลาดอาคารสำนักงานของเซี่ยงไฮ้ที่เข้าสู่ช่วงตกต่ำที่สุดในปี 2542 หรือสองปีหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย หลังจากนั้นได้กลับมาขยายตัวอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ทั้งในส่วนของอุปสงค์และอุปทาน เฉพาะในปีที่ผ่านมา ค่าเช่าปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 30% ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการที่มีสูงจากบริษัทผู้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน ปริมาณพื้นที่ที่มีจำกัดนับจากปี 2546 และอาคารใหม่ๆ ที่สร้างเสร็จ เป็นอาคารที่ทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของบริษัทผู้เช่าทั้งที่เป็นบริษัทข้ามชาติ และบริษัทจีน

ทั้งนี้ คาดว่าใน 2549-2551 จะมีอาคารสำนักงานก่อสร้างแล้วเสร็จเพิ่มขึ้นในเซี่ยงไฮ้ คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 1.2 ล้านตารางเมตร และคาดว่าความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้เช่าที่เป็นสถาบันการเงินจะมีการใช้พื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้นมากหลังปี 2549 เนื่องจากจีนจะต้องผ่อนคลายกฎหมายควบคุมภาคธุรกิจการเงินลง ตามมติขององค์การการค้าโลก ซึ่งส่งผลให้มีสถาบันการเงินระหว่างประเทศเพิ่มจำนวนมากขึ้นเมืองใหญ่ๆ

ซัพพลายใหม่แดนลอดช่องหด

ขณะที่ตลาดอาคารสำนักงานในสิงคโปร์นั้น หลังประสบภาวะตลาดซบเซาในช่วงวิกฤตการณ์โรคซาร์ส การขยายตัวของภาคธุรกิจนี้มีการชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยมีการก่อสร้างโครงการใหม่ๆ ลดลงจากเดิมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่ปัจจุบันความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานได้ปรับตัวดีขึ้นบ้างแล้ว ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 โดยในปี 2548 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 25% และมีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปอีกในช่วง 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากปริมาณพื้นที่อาคารสำนักงานมีจำกัด ในขณะที่ความต้องการจะยังคงขยายตัว โดยเฉพาะจากบริษัทสถาบันการเงินขนาดใหญ่

ส่วนตลาดในฮ่องกง พบว่าอัตราค่าเช่าพื้นที่สำนักงานปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่กลางปี 2546 ในขณะที่ปริมาณพื้นที่ว่างเหลือเช่าปรับตัวลดลงมาก เนื่องจากอาคารที่สร้างเสร็จใหม่มีผู้เช่าเข้าใช้พื้นที่อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ในปี 2548 ค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้นถึง 75% คาดว่าในปี 2549 ค่าเช่าจะยังคงขยายตัวสูงขึ้นต่อไปอีก แต่อาจจะไม่มากเท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากจะมีอาคารสำนักงานใหม่ๆ สร้างเสร็จเพิ่มขึ้นอีกมากในปี 2549-2554 คิดเป็นพื้นที่รวม 1.02 ล้านตารางเมตร กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ของฮ่องกง ซึ่งจะทำให้ผู้เช่ามีทางเลือกมากขึ้น ทั้งในแง่ของทำเลและค่าเช่า

ชาติตะวันตกแห่ตั้งออฟฟิศในเอเชีย

โจนส์ แลง ลาซาลล์เชื่อว่า บริษัทข้ามชาติจะยังคงเลือกที่ตั้งสำนักงาน ในเมืองที่เป็นตลาดหลักสำหรับสินค้าหรือบริการของตนต่อไป ส่วนการตัดสินใจเลือกที่ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค แม้จะไม่สามารถระบุหลักเกณฑ์ตายตัวได้ เพราะต้องดูจากองค์ประกอบของหลายๆ ปัจจัย แต่บริษัทในธุรกิจที่แตกต่างกันจะมีเกณฑ์ในการเลือกที่ตั้งสำนักงานใหญ่ที่แตกต่างกันไปด้วย ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ที่บริษัทในธุรกิจแต่ละประเภทจะเล็งเห็น

แม้ในขณะนี้จะยังไม่สามารถระบุได้ว่าต่อไปในระยะยาวแนวโน้มจะเป็นเช่นไร แต่ปรากฏการณ์ที่เห็นในขณะนี้คือ บริษัทข้ามชาติต่างๆ มีทางเลือกทำเลที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในเอเชียมากขึ้น เนื่องจากเมืองหลักๆ ในภูมิภาคนี้พยายามสร้างความดึงดูดใจให้กับบริษัทข้ามชาติมากขึ้น

"เคาส์" กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้การตัดสินใจเลือกที่ตั้งสำนักงานของบริษัทข้ามชาติจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือโอกาสทางธุรกิจที่บริษัทเหล่านั้นจะได้รับ แม้สิงคโปร์และฮ่องกงจะเป็นทำเลยอดนิยมสำหรับการตั้งสำนักงานของบริษัทข้ามชาตินับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

แต่เชื่อว่าตลาดอาคารสำนักงานของเมืองใหญ่ในจีน เช่น เซี่ยงไฮ้ จะเป็นทำเลที่สามารถดึงดูดบริษัทข้ามชาติได้มาก เนื่องจากศักยภาพที่อยู่อย่างมากในตลาดของจีน

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 04-05-2549 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.