| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 107 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 01-05-2459    อ่าน 11451
 วิบากอสังหาฯ เสียงกระซิบจากพายุ

มรสุมราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย ภาวะเงินเฟ้อ ที่ส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมชะลอตัวลงตั้งแต่ ปี 2548 ต่อเนื่องจนถึงต้นปีนี้ ส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องหันมาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนแบบตั้งรับยกแผง

เพราะเมื่อส่องกล้องมองอสังหาฯ ไตรมาสแรก ส่วนใหญ่ต่างเห็นว่าสภาพตลาดอยู่ในภาวะซึมๆ ทำให้ผู้ประกอบการอดหวั่นไหวไม่ได้ ที่สำคัญภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่อาจคาดเคาได้ว่าจะต้องปรับเป้ายอดขายลงซ้ำรอยปีที่ผ่านมาอีกหรือไม่

อะไรคือปัจจัยลบที่ผลักดันให้สถานการณ์มันเลวร้ายลงไปอีก คำตอบ...คือปมปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เข้ามาโถมซ้ำ

แม้เวลานี้ปัญหาทางการเมืองเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งฝ่ายค้าน-รัฐบาลต่างยอมถอยคนละก้าว แต่ก็คงไม่ช่วยให้ธุรกิจอสังหาฯ พ้นบ่วงกรรมได้รวดเร็วนัก มิหนำซ้ำอีก 3 ไตรมาสที่เหลือ อาจต้องเผชิญกับ "วิบากกรรม" วิกฤตราคาน้ำมันรอบใหม่ที่พิษสงรุนแรงกว่าเดิม และกำลังจะกลายเป็นระเบิดเวลาฉุดให้อสังหาฯ "เจ็บตัว" อีกรอบ

"เป็นเรื่องยากที่จะให้ตลาดอสังหาฯ ฟื้นคืน กลับมาขายดิบขายดีเหมือนในช่วงปี 2547 เอาแค่ทำยอดขายให้ได้ตามเป้าก็ถือว่าเก่งแล้ว เพราะช่วงต้นปีที่ผ่านมาเราเจอมรสุมการเมืองเข้ามาซ้ำ จากที่ต้องเจอพิษน้ำมันแพง ดอกเบี้ยขาขึ้น และเงินเฟ้ออยู่แล้ว" "อนุพงษ์ อัศวโภคิน" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพ เพอร์ตี้ ดีเวลลอป เม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอพี กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ"

ในมุมมองดีเวลอปเปอร์สถานการณ์ในวันนี้ต้องการเพียงให้ปัจจัยลบทั้งหลายแหล่ "หยุดนิ่ง" ก็พอแล้ว เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้เท่านั้น ส่วนที่หวังจะให้ราคาน้ำมันและอัตรา ดอกเบี้ยปรับลดลงเหมือนในช่วงก่อนหน้านี้ บิ๊กบอสเอพีฟันธงว่าไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะเป็นไปได้ยาก

ราคาน้ำมันแพงในรอบนี้กลายเป็นตัวผลักดันให้ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สังเกตได้จากมีบางโครงการตัวและปิดการขายภายในวันเดียว แม้ว่าจะมีการซื้อเพื่อเก็งกำไรอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นน่ากลัว

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อบ้านในขนาดที่เล็กลง เพราะอำนาจในการซื้อลดลง สวนทางกับภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น

ขณะเดียวกันที่อยู่อาศัยที่มีการแข่งขันค่อนข้างดุเดือดคือ กลุ่มบ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาทย่านชานเมือง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการต่างเบนเข็มลงทุนเข้าไปเล่นตลาดในกลุ่มนี้มากที่สุด เพราะเห็นว่าเป็นกลุ่มที่มีฐานลูกค้าที่กว้างที่สุด เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ลูกค้ากลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มที่น่าจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในอันดับต้นๆ ด้วย

"วิบากกรรมที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ เห็นได้ชัดว่าโครงการเปิดตัวมาแล้วมีทั้งขายได้และขายไม่ได้ ที่ขายได้ส่วนใหญ่จะเป็นรายใหญ่ หรือไม่ก็เป็น ผู้ประกอบการกลุ่มที่เป็นมืออาชีพ นอกจากนี้โครงการที่ขายได้หลักๆ ก็เป็นโครงการที่ลงมือก่อสร้างไปบ้างแล้ว ประเภทขายกระดาษเดี๋ยวนี้ยาก เพราะผู้บริโภคไม่มั่นใจ"

"อนุพงษ์" ประเมินด้วยว่าแนวโน้มอสังหาฯ ครึ่งปีหลังจะออกมาในทิศทางที่ดีหรือเลว ขึ้นอยู่กับ 3 ตัวแปรหลัก คือ ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย และการเติบโตของผลิตผลมวลรวมในประเทศ (จีดีพี) โดยเฉพาะ 2 ตัวแรกต้องพิจารณาว่าอยู่ในภาวะหยุดนิ่งแล้วหรือยัง ?

ตลาดวันนี้ยังมีดีมานด์ เพราะตั้งแต่ตลาดเริ่มสโลน์ดาวน์การเปิดตัวโครงการใหม่ก็ช้าลง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่แทบทั้งสิ้น แปลว่าซัพพลายในตลาดขณะนี้มีไม่มาก แต่ผู้ประกอบการต้องผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ของผู้บริโภคให้ได้ จึงขายได้

"หากราคาน้ำมันยังไม่นิ่ง แน่นอนว่าตลาดอสังหาฯ คงต้องซึมยาวต่อไปอีกเรื่อยๆ เวลาน้ำมันปรับตัวขึ้นไปผู้ประกอบการก็เริ่มมองอนาคตตัวเองแล้วว่าเริ่มไม่มั่นคงแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าในครึ่งปี หลังสถานการณ์คงพลิกกลับมาเป็นบวกมากขึ้น" อนุพงษ์กล่าว

ขณะที่พี่ใหญ่วงการพัฒนาที่ดินอย่าง "อนันต์ อัศวโภคิน" ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มองว่าราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้นไม่ได้ส่งผลต่อยอดขายบ้านมากนัก แต่ปัจจัยด้านการเมืองส่งผลกระทบมากกว่า เหตุผลคือกำลังซื้อบ้านเป็นมนุษย์เงินเกือบ 100% ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาความไม่สงบทางการเมือง ก็ย่อมส่งผลต่อความมั่นใจ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นในเรื่องของรายได้ จะคิดซื้อบ้านก็ต้องคิดหนักขึ้น

ยอดขายบ้านนั้นถือว่ามีความเกี่ยวโยงกับจีดีพีมากกว่าปัจจัยอื่น ถ้าจีดีพีโตคนก็มีความเชื่อมั่นที่จะซื้อบ้าน แม้ว่าราคาน้ำมัน หรืออัตราดอกเบี้ยจะสูงแค่ไหนก็ตาม

พร้อมกับยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า กรณีดังกล่าวเคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงปี 2532-2533

ซึ่งช่วงนั้นจีดีพีโต 11% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยซื้อบ้านอยู่ที่ 15% แต่กลับมียอดขายบ้านสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.7 แสนยูนิต

ชี้ให้เห็นว่าแม้ตัวเลขอัตราดอกเบี้ยจะเป็น 2 หลัก และจีดีพียังเติบโต ก็ย่อมส่งผลให้ยอดขายบ้านขยายตัวขึ้นตาม เพราะฉะนั้นตลาดบ้านจะดีหรือไม่ดีจะอยู่ที่ตัวเลขการเติบโตของจีดีพีเป็นสำคัญ

ในมุมมองของ "อนันต์" เห็นว่าในปีนี้บ้านราคา 1-2 ล้านบาทยังเป็นตลาดที่ขายได้ดี และบางพื้นที่ยังเป็นที่ต้องการของลูกค้า เพราะเป็นกลุ่มที่มีฐานตลาดใหญ่ เช่นเดียวกับบ้านราคาตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป ที่ยังขายได้และกลุ่มลูกค้ายังมีสม่ำ เสมอ ส่วนบ้านราคา 5-10 ล้านบาท เริ่มชะลอตัว เพราะเป็นกลุ่มลูกค้ามนุษย์เงินเดือน เมื่อภาวะตลาดไม่ดี เศรษฐกิจชะลอตัวลง หรือมีปัจจัยลบบางอย่างมากระทบก็จะชะลอการตัดสินใจซื้อ

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 01-05-2459 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.