Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
รื้อกฎหมายจัดสรร12ประเด็น งัดไม้เด็ดคุ้มครองคนซื้อบ้าน |
|
"กรมที่ดิน" รื้อใหญ่ พ.ร.บ. การจัดสรรที่ดิน เสนอแก้ไขรวดเดียว 12 ประเด็น หวังอุดช่องโหว่ข้อกฎหมาย งัดไม้เด็ดสยบเจ้าของโครงการไม่ให้เอาเปรียบผู้ซื้อบ้าน และกำราบลูกบ้านที่ชอบสร้างปัญหาบุกรุกพื้นที่ส่วนกลาง-ใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์เพื่อการอยู่อาศัย พร้อมเสนอแก้ข้อกำหนดล้อมคอกปัญหาถนนส่วนกลางมีภาระจำยอม และเพิ่มมาตรฐานระบบระบายน้ำ
นายบุญเชิด คิดเห็น ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กรมที่ดิน เปิดเผย "ประชา ชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้กรมที่ดินอยู่ระหว่างเสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและข้อกำหนดที่สำคัญๆ ใน 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1)การแก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน และ 2)แก้ไขพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 เพื่อให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการบังคับใช้มากขึ้น
การเสนอแก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินมีประเด็นที่จะแก้ไข 2 ส่วน คือ การแก้ไขข้อ กำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินตามมาตรา 8 (3) พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน เรื่องการขออนุญาตใช้ถนนเมนหลักในโครงการเป็นทางร่วมกรณีผู้ประกอบการขยายโครงการเฟสใหม่ในพื้นที่ติดกัน เนื่องจากกรมที่ดินได้รับการร้องเรียนจากผู้อยู่อาศัยจำนวนมากว่า ได้รับความเดือดร้อนและไม่ได้รับความสะดวกในการใช้ถนนเมนหลัก เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการสามารถขออนุญาตจากลูกบ้านให้ใช้ถนนเมนหลักเป็นทางเข้าออกร่วมกันได้ โดยให้เป็นถนนภาระจำยอม
กรมที่ดินจึงเสนอให้แก้ไขกฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับแผนผังการขยายโครงการในอนาคต เพื่อจะได้กำหนดให้โครงการก่อสร้างถนนเมนหลักรองรับการสัญจรไปมาได้เพียงพอ และไม่ส่งผลกระทบต่อลูกบ้าน นอกจากนี้จะเสนอแก้ไขข้อกำหนดเพื่อเพิ่มเติมมาตรฐานระบบระบายน้ำในโครงการให้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามาว่าโครงการจัดสรรบางแห่งทำเลที่ตั้งอยู่ต่ำกว่าแหล่งน้ำในบริเวณใกล้เคียง อาศัยวิธีติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกจากโครงการเพื่อระบายน้ำ แทนที่จะถมดินเพื่อให้พื้นที่ก่อสร้างอยู่สูงกว่าแหล่งน้ำ
นายบุญเชิดกล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการเสนอปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.จัดสรรฯ ขณะนี้เรื่องยังอยู่ที่กองนิติการ กรมที่ดิน โดยสำนักส่งเสริมธุรกิจอสังหาฯ เสนอแก้ไข 12 เรื่อง คือ 1)มาตรา 4 เพิ่มเติมนิยาม "สาธารณูปโภค" จากปัจจุบันมีเพียงนิยามของคำว่า "บริการสาธารณะ" จึงทำให้เกิดปัญหาว่าอะไรบ้างที่เป็นสาธารณูปโภคในโครงการ และมีผลต่อการค้ำประกันการบำรุงรักษา ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และการโอนกรรมสิทธิ์สาธารณูปโภคในโครงการ
2)มาตรา 5 เพิ่มเติมข้อความให้หน่วยงานอื่นที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.จัดสรรที่ดินฯ เช่น โครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ ต้องจัดให้มีมาตรฐานการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามมาตรฐานที่กำหนดใน พ.ร.บ.จัดสรรที่ดินฯ
3)มาตรา 44 เพิ่มเติมคำว่า "และ-หรือ" ต่อท้ายข้อความในวงเล็บ 2 เพื่อแก้ปัญหาในทางปฏิบัติ กรณีเจ้าของโครงการทำโครงการหลอกๆ ขึ้นมาเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คณะกรรมการจัดสรรที่ดินไม่อนุมัติโครงการ เช่น การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับผู้ซื้อในอัตราสูง
4)เพิ่มเติมบทบัญญัติให้ผู้ซื้อที่ดินจำนวนครึ่งหนึ่งหรือ 50% ของแปลงย่อยที่ดินในโครงการ สามารถรวมตัวกันจัดตั้งนิติบุคคลได้ และกำหนดให้ผู้จัดสรรในฐานะเจ้าของโครงการต้องจ่ายเงินสมทบการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคให้ครบ 7% ของค่าก่อสร้างสาธารณูปโภคอย่างต่อเนื่อง
5)เสนอให้ที่ดินสาธารณูปโภคตกเป็นของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรทันที และให้เจ้าพนักงานที่ดินมีอำนาจในการออกใบแทนและแจ้งการได้มาของที่ดินสาธารณูปโภค เพื่อแก้ปัญหาเจ้าของโครงการไม่ส่งมอบโฉนดที่ดิน หรือไม่โอนทรัพย์สินให้นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
6)มาตรา 13 เสนอปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดสรรฯ หลังกรมโยธาธิการและกรมผังเมืองถูกรวมเป็นกรมโยธาธิการและผังเมือง 7) มาตรา 22 เสนอให้อำนาจคณะกรรมการจัดสรรฯ สามารถวินิจฉัยว่ามีการจัดสรรที่ดินหรือไม่ เพื่อแก้ปัญหาการหลีกเลี่ยงขออนุญาตจัดสรร
8)เสนอเพิ่มอำนาจของคณะกรรมการจัดสรรฯ ที่จะสั่งไม่ให้จำหน่ายที่ดินในโครงการได้ กรณีตรวจสอบพบว่าผู้จัดสรรที่ดินกระทำผิดไปจากที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินอนุญาต 9)มาตรา 52 เพิ่ม
เติมคำว่า "ผู้ใดกระทำการใดๆ..." เพื่อให้ครอบคลุมการเอาผิดถึงผู้ซื้อได้ จากปัจจุบันที่ผู้ซื้อกระทำผิดตาม พ.ร.บ.จัดสรรฯ อาทิ การรุกล้ำพื้นที่ส่วนกลาง
10)เสนอให้มีกฎหมายคุ้มครองไม่ให้ที่ดินสาธารณูปโภคถูกอายัดหรือบังคับคดี เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากในการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร 11)กำหนดระยะเวลาให้ผู้จัดสรรที่ดินต้องรังวัดเพื่อแบ่งแปลงที่ดินในโครงการ หากฝ่าฝืนใบอนุญาตจัดสรรจะถูกยกเลิก และ 12)ห้ามไม่ให้ผู้ซื้อใช้ประโยชน์ที่ดินผิดวัตถุประสงค์เพื่อการอยู่อาศัย อาทิ ซื้อที่ดินไปก่อสร้างเป็นโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 27-03-2549
|
|
|
|
|