| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 178 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 27-03-2549    อ่าน 11183
 บิ๊กจัดสรรรื้อแผนลงทุนผ่าทางตัน รับมือม็อบการเมืองฉุดเศรษฐกิจ

ดีเวลอปเปอร์ผวาปมปัญหาทางการเมืองยืดเยื้อ เกาะติดกระแสความเคลื่อนไหวรายวันหวั่นฉุดเศรษฐกิจดิ่ง ซุ่มเงียบเตรียมแผนสำรองป้องกันความเสี่ยง พร้อมงัดมาใช้ได้ทันทีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน พลิกเกมผ่าทางตันเบรกลงทุนโปรเจ็กต์ใหม่-ชะลอซื้อที่ดิน ท่องคาถารุกไปข้างหน้าแต่ต้องพร้อมถอยตลอดเวลา บิ๊กอสังหาฯชี้ทุนต่างชาติเริ่มขยาด ตลาดบ้านระดับบนเจอแจ็กพอตเต็มเปา

สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่บานปลายออกไปเรื่อยๆ และไม่มีแนวโน้มจะยุติลงง่ายๆ ทำให้นักธุรกิจนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจมากขึ้น ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แม้เวลานี้ยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดความวิตกกังวลให้กับผู้ประกอบการไม่น้อย เห็นได้จากหลายบริษัทกำลังเตรียมปรับแผนรองรับ เนื่องจากเกรงว่าปัญหาดังกล่าวจะยืดเยื้อยาวนานออกไปหรืออาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น จนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโดยรวม

นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ผู้ประกอบการในทุกธุรกิจรวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คงต้องติดตามกระแสความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด พร้อมๆ กับเตรียมทบทวนแผนหรือปรับแผนในการดำเนินธุรกิจเพื่อป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้า แม้ในทางปฏิบัติจะยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้เดิม เพราะธุรกิจยังต้องเดินหน้าต่อไปแม้ปัจจัยลบจะมีเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการลงทุนใหม่ๆ หรือที่จะโหมรุกไปข้างหน้าก็ไม่ควรจะรุกมากนัก ที่สำคัญต้องพร้อมที่จะถอยอยู่เสมอ หรือถ้าหากโครงการไหนไม่มีต้นทุนอะไรมากมายก็อาจจะไม่รุกเลย

"ผมคิดว่าปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นตอนนี้กระทบเศรษฐกิจและธุรกิจแน่นอน แต่ถ้ามีการประท้วงอยู่ในวงจำกัด ไม่ยืดเยื้อเกินไป และไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ก็ไม่น่าห่วง ถ้าเป็นไปในทางตรงกันข้ามคือไม่จบง่ายๆ หรือมีอะไรรุนแรงขึ้นมา จะกระทบเศรษฐกิจมาก และไม่เฉพาะนักธุรกิจนักลงทุนเท่านั้นประชาชนก็จะแย่ไปด้วย"

นายสมเชาว์กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้ 3 สมาคมอสังหาฯจะยังไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือกันอย่างเป็นทางการ แต่มีการพูดคุยระหว่างผู้ประกอบการเป็นระยะๆ ซึ่งทุกคนพยายามติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรู้สึกเป็นห่วง เพราะเวลานี้จริงๆ แล้วเศรษฐกิจพอไปได้แล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายก็อาจต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ นักธุรกิจส่วนใหญ่จึงอยากให้หลายๆ ฝ่ายเจรจาตกลงกัน เพื่อให้ได้ข้อยุติ

ในแง่การปรับตัวขณะนี้ทุกคนต้องปรับตัวแน่ๆ แต่วิธีการคงแตกต่างกันไป สำหรับธุรกิจอสังหาฯต้องยอมรับว่าการปรับตัวไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ เพราะอสังหาฯลงทุนค่อนข้างสูง กว่าจะคืนทุนหรือจบโครงการต้องใช้เวลาเป็นปี ไม่ใช่เพียงแค่ 2-3 เดือน เพราะฉะนั้นแม้จะปรับตัวได้ก็คงปรับได้ไม่มาก และเชื่อว่าหลายๆ บริษัทกำลังปรับกันอยู่ พร้อมจะนำมาใช้ถ้าถึงจุดที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนแผน อย่างโครงการถ้าเดินหน้าไปแล้วก็ถอยลำบาก ที่อาจทำได้บ้างน่าจะเป็นในแง่ของการพัฒนาโครงการใหม่ หรือที่จะซื้อที่ดินก็รอดูสถานการณ์ไปก่อน

นายกวี ศิริภัทร์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์นสตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะการเมืองที่ยังไม่ยุติ รวมทั้งภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯที่อยู่ในภาวะชะลอ ทำให้บริษัทปรับแผนการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยที่ราคาขายสูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป 2 ทำเล คือ โครงการบ้านเดี่ยวย่านอ่อนนุช เนื้อที่ 32 ไร่ เดิมตั้งราคาขาย 10 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 900-1,000 ล้านบาท ก็ปรับเป็นบ้านราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีดีมานด์รองรับมากที่สุดในปัจจุบันแทน

ส่วนโครงการที่ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เนื้อที่ 11 ไร่ อยู่ในทำเลที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่ที่พัฒนาสินค้าระดับบนอยู่ก่อนแล้ว คือ กลุ่ม ที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์ ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี จึงปรับแผนใหม่หันไปพัฒนาบ้านราคาขายต่ำกว่า 10 ล้านบาทเช่นเดียวกัน และอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะเป็นโครงการรูปแบบใด ซึ่งต้องรอให้สถานการณ์การเมืองนิ่งกว่านี้ก่อน เป็นไปได้ที่จะพัฒนาทาวน์เฮาส์ เพราะยังไม่มีคู่แข่งมากนัก ขณะเดียวกันจะรุกตลาดมากขึ้น โดยใช้งบฯไม่ต่ำกว่า 5-6% ของยอดขายรวม โดยตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ส่วนปี 2548 มียอดรับรู้รายได้ 200 ล้านบาท

ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาทางการเมืองที่ยังหาทางออกไม่ได้ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม โดยเฉพาะกลุ่มทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในไทยได้ชะลอการร่วมทุนออกไปเพื่อรอดูสถานการณ์การเมือง สำหรับธุรกิจอสังหาฯ โครงการที่กระทบมากที่สุดคือ เมกะโปรเจ็กต์ คงต้องชะลอออกไป แต่โครงการที่พัฒนาไปแล้วของผู้ประกอบการคงเดินหน้าตามแผน แต่ไม่ขยายการลงทุนเพิ่ม

"ผมว่าบ้านแพงน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด บริษัทจึงตัดสินใจจะไม่ขยายการลงทุนเพิ่ม แต่หันมาทำบ้านราคา 3-5 ล้านบาทซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่แทน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะซื้อที่ดินในแนวรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดินทำคอนโดฯ"

ด้านนายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวางแผนและการลงทุน ฝ่ายนักลงทุน บริษัท

เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นในทำนองเดียวกันว่า ความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการขายบ้าน และยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจที่ชัดเจน เพราะยอดขายบ้านยังอยู่ในระดับปกติ แต่เพื่อความไม่ประมาทบริษัทติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

"แต่หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบทำให้ยอดขายบ้านดรอปอย่างชัดเจน คงต้องมีการปรับแผนรับมือ" นายภูมิพัฒน์กล่าว

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 27-03-2549 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.