| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 88 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 23-03-2549    อ่าน 11370
 ทุนต่างชาติกินรวบ"อสังหาฯไทย" รุกเงียบร่วมทุนรายกลาง-เล็ก

ทุนนอกลุยอสังหาฯไทยเต็มสูบ จับตากลุ่มขนาดกลางขนาดเล็กเบนเข็มบุก กทม.-ปริมณฑล หลังประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร รีสอร์ตเมืองท่องเที่ยว ชี้นอกจากสิงคโปร์ ฮ่องกง ยุโรป อเมริกา ฯลฯ เวลานี้ทุนจีนกำลังมาแรงแต่รุกเงียบจับมือพันธมิตรดีเวลอปเปอร์รายกลางและรายเล็กไทย

ภาพความเคลื่อนไหวของทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เวลานี้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะลงทุนในบริษัทพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์หรือคอนโดฯหรูเท่านั้น แต่ยังกระจายครอบคลุมถึงโครงการระดับกลางและเล็ก ด้วยการร่วมทุนกับบริษัทพัฒนาที่ดินรายกลางรายเล็กทั้งมีชื่อและโนเนม จนกลายเป็นกระแสที่กำลังมาแรงและทำให้คนในวงการอสังหาฯอดจับตามองไม่ได้

แหล่งข่าวจากกรมที่ดินเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้บริษัทพัฒนาที่ดินซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างดีเวลอป เปอร์ไทยและต่างชาติยื่นขออนุญาตจัดสรรที่ดินกับกรมที่ดินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่น่าสนใจคือจากเดิมที่ เน้นพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดโดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยว อย่างภูเก็ต เกาะสมุย หัวหิน ชะอำ ปราณบุรี พัทยา เชียงใหม่ ฯลฯ บางส่วนก็หันมาพัฒนาโครงการในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑลด้วย โดยหลายบริษัทได้รับใบอนุญาตจัดสรรไปแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการ บางบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการโดยยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้ถือเป็นนิติบุคคลไทย เนื่องจากผู้ถือหุ้นหลักเป็นคนไทย และดำเนินการภายใต้หลักเกณฑ์เงื่อนไขของการจดทะเบียนบริษัทไทย

ทั้งนี้ กระแสความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปอย่างเงียบๆ และไม่เกิดเป็นข่าวคราวในวงกว้าง ทำให้ไม่เป็นที่สนใจของสาธารณชนมากนัก ประกอบกับกลุ่มทุนที่เข้ามาร่วมทุนในลักษณะนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนรายเล็ก เข้ามาลงทุนโดยการติดต่อประสานงานของนักธุรกิจและนักลงทุนรายกลางและรายเล็กของไทยจึงไม่ถูกจับตามอง ต่างจากการเข้ามาของกลุ่มทุนรายใหญ่ที่จับมือร่วมทุนกับพันธมิตรบริษัทอสังหาฯขนาดใหญ่ ที่คนในวงการอสังหาฯให้ความสนใจและคอยติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา

เท่ากับว่าตอนนี้กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาฯในไทยโดยพัฒนาโครงการหลากหลายรูปแบบและขนาด มีทั้งโครงการบ้านเดี่ยว คอนโดฯ รีสอร์ต มูลค่าการลงทุนก็มีตั้งแต่ไม่กี่สิบล้านบาทไปจนถึงร้อยล้านบาท พันล้านบาท เนื่องจากตลาดอสังหาฯไทยยังมีแนวโน้มการเติบโตที่สูง กลุ่มลูกค้าก็มีทั้งชาวต่างชาติและคนไทย ที่สำคัญมูลค่าการลงทุนยังไม่สูงมากนัก เนื่องจากต้นทุนที่ดินยังอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับราคาที่ดินในต่างประเทศ ทำให้ผลตอบแทนในการลงทุนอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี และคาดว่าจากนี้ไปการเข้ามาลงทุนของกลุ่มทุนต่างชาติจะยังขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก

แหล่งข่าวกล่าวว่า ที่น่าสังเกตคือ จากในอดีตกลุ่มทุนต่างชาติที่ลงทุนในธุรกิจอสังหาฯในไทยจะเป็นกลุ่มสิงคโปร์ ฮ่องกง หรือยุโรป สหรัฐอเมริกา เป็นหลัก ปัจจุบันพบว่ามีกลุ่มสแกนดิเนเวีย ออสเตรเลีย และทุนจีน เข้ามาเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มสิงคโปร์ ฮ่องกง จะเน้นลงทุนในบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ หรือบริษัทอสังหาฯที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช่น จีไอซีร่วมทุนกับแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แคปเปลแลนด์ร่วมทุนอยู่ในแคปเปลไทย พร็อพเพอร์ตี้ แคปปิตอลแลนด์ร่วมทุนกับกลุ่ม ที.ซี.ซี.ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี และเฟรเซอร์แอนด์นีฟ ร่วมทุนกับบริษัทกรุงเทพบ้านและที่ดิน ในเครือพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เป็นต้น

ส่วนทุนยุโรป สหรัฐอเมริกา สแกนดิเนเวีย นอกจากลงทุนในรูปของกองทุนหรือลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว บางส่วนยังลงทุนในโครงการอสังหาฯประเภทคอนโดฯ รีสอร์ต ในเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ขณะที่กลุ่มที่เริ่มเข้ามามากขึ้นอย่างกลุ่มทุนจากประเทศจีน ซึ่งเดิมจะเข้ามาดำเนินธุรกิจรูปแบบอื่น เช่น บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ปัจจุบันก็เบนเข็มหันมาพัฒนาโครงการอสังหาฯด้วย นอกนั้นมีกลุ่มนักลงทุนจากประเทศอังกฤษ

เช่น บริษัท ฮงไทย เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด ที่เพิ่งจะจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2548 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 338 ล้านบาท โดยฝ่ายไทยคือนางวรารัตน์ ชำนาญ รัตนกุล ถือหุ้น 99% เศษ ที่เหลือเป็นการถือหุ้นโดยนักลงทุนจีน ประกอบธุรกิจบ้านจัดสรรบนพื้นที่ 39 ไร่เศษ ย่านจอมทอง กทม. ปัจจุบันได้รับใบอนุญาตจัดสรรเรียบร้อย โดยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกันกับบริษัท ไชน่า ยูนตอง ดีเวลล้อปเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างอาคาร

บริษัท สจ๊วต พาร์ค อีสท์ จำกัด จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 ทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท เป็นการร่วมทุนระหว่างนักลงทุนไทย 30% และสหราชอาณาจักร 30% พัฒนาโครงการอสังหาฯในจังหวัดประจวบ คีรีขันธ์ ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่กำลังจะเข้ามามีทั้งลงทุนในอสังหาฯ รับเหมาก่อสร้าง ซื้อขาย บริหารจัดการอสังหาฯ ลงทุนในอสังหาฯมีอาทิ กลุ่มบริษัทไชน่า เวสเทิร์น หัว ฉี คอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่ง (ไทยแลนด์), เฮอหมิง คอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่ง (ไทยแลนด์) เป็นต้น

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 23-03-2549 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.