Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
แบงก์อุ้ม"จัดสรร"ฝ่ามรสุมตลาด สั่งลุยแคมเปญลดแลกแจกแถม |
|
จัดสรรพลิกตำราฝ่ามรสุม หลังเจอสารพัดปัจจัยลบกระหน่ำตลาดบ้านตั้งแต่หัววัน ทั้งการเมืองร้อน ดอกเบี้ยขึ้น น้ำมันแพง หวั่นลูกค้าชะลอการตัดสินใจ แบงก์หนุนเต็มสูบ สั่งเดินหน้าออกแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อ ลดแลกแจกแถมไม่อั้น มั่นใจพลิกเกมปั้นยอดขายได้ไม่น้อยหน้าปี"48 ชี้รายใหญ่ได้เปรียบส่วนรายเล็กรายกลางโดนกดดันหนัก
ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังร้อนแรงและไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ แม้ตลาดที่อยู่อาศัยจะยังไม่ได้รับผลกระทบที่ชัดเจน แต่ผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินรวมทั้งสถาบันการเงินในฐานะ ผู้ให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อวิตกกังวลมากขึ้น เพราะเกรงว่าหากปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ยุติภายในระยะเวลาอันสั้นก็จะบานปลายทำให้ธุรกิจและการลงทุนหยุดชะงัก สุดท้ายจะส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงไม่แปลกที่หลายๆ บริษัทเริ่มเคลื่อนไหวพลิกกลยุทธ์ไว้รับมือ พร้อมๆ กับพยายามทุกวิถีทางเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ
นางลดาวัลย์ ธนะธนิต ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชา ชาติธุรกิจ" ว่า ช่วงนี้ผู้ประกอบการอสังหาฯทุก บริษัทต่างเดินหน้าบุกตลาดเต็มที่ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองส่อเค้าว่าจะลุกลามบานปลายอีกนาน ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนเริ่มชะลอตัดสินใจซื้อบ้าน ผู้ประกอบการจึงใช้วิธีนำกลยุทธ์ทางการตลาดมากระตุ้น เพื่อสร้างสีสันและทำให้ตลาดบ้านเกิดความคึกคักขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าความขัดแย้งทางการเมืองส่งผลกระทบในแง่จิตวิทยาต่อผู้ซื้อบ้าน ทำให้ผู้ซื้อบางส่วนเริ่มไม่มั่นใจ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการที่จะลงทุนหรือพัฒนาโครงการใหม่ๆ บางส่วนก็ชะลอลงทุนออกไปเพื่อรอดูสถานการณ์
"ตอนนี้ทุกโครงการทำเต็มที่เท่าที่จะทำได้ เพราะคนซื้อบ้านชะลอตัดสินใจซื้อพอสมควร ที่เห็นกันมาคือการพยายามจะออกกิมมิก เช่น จัดรายการหรือออกแคมเปญลดแลกแจกแถม เร่งให้คนที่กำลังจะซื้อบ้านตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น โดยเฉพาะที่ไซต์โครงการหรือสำนักงานขายตอนนี้ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ถ้าลูกค้าเดินเข้าไปก็จะต้องเปิดเกมการขายให้จบให้ได้"
นางลดาวัลย์กล่าวว่า เท่าที่ทราบขณะนี้ทุกบริษัททำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายกันหมด ผู้ซื้อบ้านแวะเข้าไปเยี่ยมชมโครงการก็จะเปิดการขายเลย อย่างเช่นเสนอเงื่อนไขให้ราคาพิเศษ การให้ของแถม ให้อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นหัวใจหลัก และทุกบริษัทก็พยายามทำตามรูปแบบนี้ แต่จะไม่ใช้วิธีลดราคาบ้านให้กับลูกค้า เนื่องจากโดยหลักการแล้ว ธุรกิจ นี้ลดราคาไม่ได้ เพราะจะเกิดปัญหากับยอดขายของบริษัทเอง นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าสินค้าที่ทำขึ้นมีปัญหา แต่การลดแลกแจกแถมสามารถทำได้และควรทำเพื่อจะได้ระบายบ้านในสต๊อกออกไปให้มากที่สุด
นายธวัชชัย สุทธิกิจพิศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากข้อมูลผลประกอบการของบริษัทพัฒนาอสังหาฯรายใหญ่สุด 13 ราย ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่าตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมาผู้ประกอบการมีรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่กำไรสุทธิมีสัดส่วนที่ลดลงจาก 26% ในปี 2546 เป็น 18% ในปี 2547 และปี 2548 เหลือ 14%
แสดงให้เห็นว่า แม้ว่าจะมียอดขายที่ดีขึ้น แต่ด้วยการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงบวกกับผู้ประกอบการมีต้นทุนเพิ่มขึ้นทำให้สัดส่วนของกำไรลดลง อย่างไรก็ตาม เมื่อดูสัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัท อสังหาฯทั้ง 13 รายดังกล่าว พบว่ายังอยู่ในระดับต่ำ เฉลี่ยมีหนี้สินต่อทุนประมาณ 1 เท่า ซึ่งประเมินได้ว่าผู้ประกอบการเหล่านี้ยังมีความสามารถแข่งขันด้านราคาได้อีก ทำให้ผู้ประกอบการรายกลางและเล็กมีความกดดันในการทำตลาดจากรายใหญ่ และต้องเร่งปรับตัว
โดยผู้ประกอบการรายกลาง (SMEs) และเล็กจะต้อง 1.พัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จในระดับหนึ่งก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เนื่องจากเสียเปรียบในเรื่องของแบรนด์ 2.เลือกผลิตสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาด 3.พัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จก่อนจะพิจารณาแข่งขันในด้านราคา เพื่อป้องกันการลดราคาแบบไม่มีที่สิ้นสุด
4.พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส คือในช่วงที่ตลาดมีความเสี่ยงควรหันไปมุ่งเน้นในงานบริการ และส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพเพื่อสร้างความรู้สึกที่ดีให้ กับลูกค้า ขณะเดียวกันควรมีเงินลงทุนระดับหนึ่ง ไม่มุ่งหวังจะนำเงินดาวน์หรือเงินจองของลูกค้ามาเป็นแหล่งทุนหลัก และ 5.ในระยะยาวต้องร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันเองและสถาบันการเงิน เพื่อลดต้นทุนในการพัฒนาโครงการ
นายธวัชชัยกล่าวว่า ปีนี้ผู้ประกอบการจัดสรรจะทำตลาดยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบด้านการเมือง อัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน และภาวะเงินเฟ้อ แต่คาดว่าตัวเลขซัพพลายใหม่ปี 2549 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2548 คือประมาณ 67,000 ยูนิต โดยในส่วนของธนาคารมีสินเชื่อโครงการคงค้าง ณ ปี 2548 รวม 16,600 ล้านบาท มีโครงการที่ยื่นขอสินเชื่อทั้งหมด 391 โครงการ และได้รับอนุมัติ 64 โครงการ คิดเป็นยอดปล่อยสินเชื่อ 9,300 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 70% เป็นการปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าเก่าและ 30% เป็นลูกค้าใหม่
ปีนี้ธนาคารจะทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้น โดยตั้งเป้าอนุมัติสินเชื่อใหม่ 12,000 ล้านบาท ซึ่ง 65% เป็นฐานลูกค้ารายเดิม และ 35% เป็นลูกค้าใหม่ และคาดว่าจะมีโครงการยื่นขอสินเชื่อเข้ามา 700 โครงการ และได้รับอนุมัติ 80 โครงการโดยประมาณการสินเชื่อคงค้างของเกียรตินาคินอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท ล่าสุดยอดปล่อย สินเชื่อช่วงไตรมาส 1/2549 มี 10 ราย วงเงิน 3,000 ล้านบาท
นายธวัชชัยกล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ในเวลานี้ การพิจารณาปล่อยสินเชื่อของธนาคารและการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการจะต้องศึกษารายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม โดยในส่วนของการตลาดควรเลือกแข่งขันด้านราคาเป็นทางเลือกสุดท้าย และต้องร่วมมือกับสถาบันการเงินในการกระตุ้นยอดขาย อาทิ ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่คนซื้อบ้าน การจัดโปรโมชั่นต่างๆ กระตุ้นกำลังซื้อ
"รายใหญ่อาจได้เปรียบที่จะลดราคาบ้านแบบเงียบๆ ในจังหวะที่ต้องเร่งยอดขาย ซึ่งสามารถทำได้แต่ต้องมีความพร้อม และต้องไม่ดัมพ์ราคา ต้องคิดว่าเป็นการเจรจาต่อรองให้ส่วนลดเป็นรายยูนิต ไม่ใช่ทั้งโครงการ" นายธวัชชัยกล่าว
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 13-03-2549
|
|
|
|
|