|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| อิฐมวลเบาอ่วมพิษศก.-การเมือง ผู้ผลิตหันหัวรบลุยต่างจังหวัด |
|
ตลาดอิฐมวลเบาแข่งหนัก "คิวคอน" รุกแผนขยายเอเย่นต์เป็น 300 รายทั่วประเทศ "ซุปเปอร์บล๊อก" แตกไลน์ร่วมทุน "ดาต้าแมท" ทำธุรกิจวางระบบคอมพิวเตอร์ หลังประเมินรายได้ปีนี้ลดแน่ "ซีซีพี" เน้นครองเจ้าตลาดภาค ตะวันออก
นายกิตติ สุนทรมโนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ควอลิตี้ คอนสตรัคชั่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายคอนกรีตมวลเบา (อิฐมวลเบา) "คิวคอน" เปิดเผยว่า ปีนี้วางกลยุทธ์หลักไว้ 2 ส่วนในการรุกตลาด คือ 1)ขยายช่องทางจำหน่ายผ่านดีลเลอร์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น ตามแผนจะให้มี 300 แห่งทั่วประเทศ ควบคู่ทำเทรดโปรโมชั่นกับทางร้านค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย 2)การออกสินค้าใหม่ๆ รักษามาร์เก็ตแชร์สูงสุดเอาไว้ให้ได้
ทั้งนี้ กลยุทธ์ "เทรดโปรโมชั่น" เอเย่นต์สามารถสะสมแต้มจากยอดสั่งซื้อสินค้า เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป จนถึงสิ้นปีจะมีการสรุปยอดสะสมแต้มเพื่อแลกรางวัล อาทิ โปรแกรมท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมทั้งจัดสัมมนาเพื่อแนะนำสินค้าให้กับทางร้านดีลเลอร์และกลุ่มผู้รับเหมาตามหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต ฯลฯ
"ปีที่ผ่านมาเรามียอดขายผ่านร้านดีลเลอร์ประมาณ 15-20% ตั้งเป้าว่า ด้วยกลยุทธ์ที่วางไว้จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายเป็น 30-35% หลักๆ คงเป็นการเพิ่มยอดขายในตลาดต่างจังหวัด"
ส่วนทางด้านการออกสินค้าใหม่ได้เตรียมเปิดตัว "ผนังสำเร็จรูป" ภายในกลางปีนี้ จากปัจจุบันที่มีผลิตภัณฑ์ใน 3 กลุ่มด้วยกัน คือ 1)คอนกรีตมวลเบา ซึ่งอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่เสริมเหล็ก 2)กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมเหล็ก ได้แก่ คานทับหลังสำหรับงานก่อสร้างอาคารสูง แผ่นพื้น บันได และ 3)ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มปูนก่อ-ปูนฉาบ
ด้านยอดขายในปีนี้ บริษัทวางเป้าไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8-9 ล้านตารางเมตร จากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ประมาณ 6 ล้านตารางเมตร ซึ่งต่ำกว่าเป้า สาเหตุมาจากสภาพเศรษฐกิจ การชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
นายจอมทรัพย์ โลจายะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต และจำหน่ายคอนกรีตมวลเบา "ซุปเปอร์บล๊อก" เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายเฉพาะสินค้า ในกลุ่มคอนกรีตมวลเบาในปีนี้ประมาณ 300 กว่าล้านบาท ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากตลาดแข่งขันรุนแรงทำให้ราคาขายปรับลดลงมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันถ้า
เป็นราคาขายปลีกทรงตัวอยู่ที่ 150-160 บาทต่อ
ตารางเมตร
"เราคงเน้นเพิ่มสัดส่วนการขายตรงเข้าโครงการมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วน 50-60% ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 70% ส่วนการขายผ่านร้านดีลเลอร์เรายังคงมีการให้โบนัส แจกทอง และเป้าส่วนลดให้ต่อเนื่อง เพื่อจูงใจในการขาย"
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการปรับโครง สร้างรายได้ใหม่ เนื่องจากในช่วงปลายปีที่ผ่านมาทางบริษัทซุปเปอร์บล๊อกได้ร่วมลงทุนกับบริษัท ดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมกันรับงานวางระบบคอมพิวเตอร์ในหน่วยงานภาครัฐ โดยบริษัทเป็นผู้รับผิดชอบงานด้านการบริหารจัดการและสนับสนุนด้านการเงิน ปัจจุบันมีลูกค้าแล้ว 3 ราย คือ อาคารการบินไทย อาคารธนาคารอาคาร สงเคราะห์ และอาคารสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
สำหรับแนวโน้มของตลาดคอนกรีตมวลเบา นายจอมทรัพย์กล่าวว่า ไม่น่าจะเติบโตจากปีก่อนมากนักเพราะเชื่อว่าการแข่งขันจะยังรุนแรงต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตแต่ละรายไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้มากนัก และคงต้องหาวิธีลดต้นทุนการผลิต เช่น ราคาวัตถุดิบ ค่าขนส่ง เพื่อแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจัยทางการเมืองขณะนี้จะไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากไม่ได้มีความต้องการใช้คอนกรีตมวลเบาเป็นวัสดุหลัก
นายประทีป ทีปกรสุขเกษม ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดขายสินค้ากลุ่มคอนกรีตมวลเบาที่ดำเนินการภายใต้บริษัทในเครือ "ออโตเครป แอเรทเต็ด คอนกรีต โปรดัก" ไว้เกือบ 300 ล้านบาท คิดเป็นวอลุ่มการผลิต 80% จากกำลังผลิตสูงสุด 3 ล้านตารางเมตรต่อปี แยกเป็นยอดขายกลุ่มลูกค้าโครงการ-รายย่อย ในสัดส่วน 50:50
โดยในปีที่ผ่านมายอมรับว่าบริษัทยังมีความขลุกขลักในเรื่องกระบวนการผลิตทำให้ผลิตสินค้าได้เพียง 40% จากกำลังผลิตสูงสุด แต่ปีนี้ถือว่าพร้อมเต็มที่แล้ว ในแง่ของการทำตลาดจะเน้นไปที่หัวเมืองเศรษฐกิจในต่างจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และภาคตะวันออกเป็นหลัก โดยเฉพาะภาคตะวันออกปัจจุบันถือว่ามีภาคธุรกิจอสังหาฯเติบโตอย่างมาก ประเมินคร่าวๆ มีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นนับ 10 โครงการ และโครงการจัดสรรอีกหลายร้อยยูนิต
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับธุรกิจนี้แข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง ปัจจุบันราคาขายปลีกหน้าร้านได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 15 บาทต่อก้อน ซึ่งราคานี้ถือว่าแทบไม่มีกำไร ดังนั้นจึงคาดว่าราคาขายในปีนี้อาจปรับขึ้นเล็กน้อย โดยราคาที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 17 บาทต่อก้อน เพราะเชื่อว่าผู้ผลิตทุกรายต่างก็มีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะค่าขนส่ง
"ปีที่ผ่านมาผู้ผลิตทุกรายค่อนข้างเหนื่อยเพราะแข่งเรื่องราคากันหนัก ส่วนปีนี้แนวโน้มน่าจะดีขึ้นเพราะมีงานก่อสร้างตึกสูง รวมถึงโครงการก่อสร้างภาครัฐเกิดขึ้น อาทิ งานศูนย์ราชการ โดยเฉพาะงานก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ส่วนใหญ่นิยมใช้ผนังสำเร็จรูป ซึ่งเป็นสินค้าที่บริษัทให้ความสนใจในการวิจัยและพัฒนาเพื่อผลิตออกวางจำหน่ายเช่นกัน"
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 09-03-2549
|
|
|
|
|
